ตอนที่ 957 ออกเที่ยวทั้งครอบครัว
ลมอ่อนๆพัดผ่านมาบนใบหน้าที่ทางออกของสนามบิน ด้านนอกรั้วล้อมรอบที่บริเวณทางออกมีคนจำนวนไม่น้อยยืนอยู่ หลายคนที่อยู่ในนั้นเห็นได้ชัดว่าคือกรุ๊ปทัวร์ ชูป้ายกระดาษที่ใหญ่โต ทุกคนต่างก็ชะเง้อคอยาว
ลั่วหานยืนอยู่ระหว่างกลุ่มคน เสื้อโค้ททรงยาวสีเขียวทหารที่รัดเข้ากับรูปห่อหุ้มเรือนร่างของเธอเอาไว้ บนลำคอพันผ้าพันคอสีครีมอ่อนๆเอาไว้หลวมๆ เผยใบหน้าเล็กๆออกมาเพียงแค่ครึ่งเดียว ดวงตาเขียนเต็มไปด้วยความรอคอยและความตื่นเต้น
ไม่รู้ว่าหลงเซียวเห็นเธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองยังไงกันนะ
ตอนที่รอคอยอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของลั่วหานก็ดังขึ้น
ถังจิ้นเหยียนโทรมา
หลังจากที่เขาไปอเมริกาก็ไม่เคยติดต่อกับเธออีก อยู่ๆโทรศัพท์เข้ามาคิดว่าจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณพ่อของเขา
“จิ้นเหยียน มีอะไรคะ?”
ถังจิ้นเหยียนทางนั้นเพิ่งจะพระอาทิตย์ขึ้น ตัวเขายังอยู่ที่โรงพยาบาล ที่ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนก็คือ ความหม่นหมองที่อยู่บนใบหน้าของเขาในที่สุดก็เลือนหายไปแล้ว “ลั่วหาน นิ้วมือคุณพ่อของผมมีความรู้สึกแล้ว!”
น้ำเสียงที่ตื่นเต้นเหมือนกับเด็กที่แย่งของล้ำค่ามาได้สุดๆ
“จริงหรอคะ?!ดีจังเลย!ดีจังเลยค่ะจิ้นเหยียน!ขอเพียงแค่นิ้วมือมีการรับรู้ ฟื้นคืนระบบประสาทก็เป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น แสดงว่าระบบประสาทของคุณพ่อคุณไม่ได้เป็นอัมพาต นี่คือเรื่องดี เรื่องดีคับฟ้าเลยค่ะ!”
ปฏิกิริยาตอบสนองของลั่วหานตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่ถังจิ้นเหยียนเห็นนิ้วมือของคุณพ่อขยับครั้งแรกเสียอีก แทบจะกระโดดขึ้นมาอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์เลยแม้แต่น้อย
“ใช่ รอมานานขนาดนี้ในที่สุดก็มองเห็นความหวังแล้ว รอสถานการณ์ของคุณพ่อผมคงที่อีกหน่อยผมก็จะกลับประเทศ” ถังจิ้นเหยียนมองออกไปยังรุ่งอรุณที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกในที่สุดก็เฝ้ารอจนพบเข้ากับแสงสว่าง
“ได้ค่ะ แต่ก็ไม่ต้องรีบร้อน เอาคุณพ่อของคุณเป็นหลัก พวกเราจะรอคุณอยู่ที่นี่” ลั่วหานอยากจะแชร์ความยินดีนี้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยากจะบอกกับหลงเซียว!
เที่ยวบินของหลงเซียวมาถึงสนามบินเมืองหลวง
จี้ตงหมิงก้าวเท้ากว้างๆถึงได้พอจะตามฝีเท้าของหลงเซียวทัน ในมือถือเพียงแค่กระเป๋าเอกสารหนึ่งใบ คิดไม่ถึงว่าจะมีความรู้สึกเรี่ยวแรงไม่เพียงพอ
ฝีเท้าของบอสก็เร็วเกินไปแล้วล่ะมั้ง!
จี้ตงหมิงโอดครวญไม่หยุด อยากจะบอกว่าบอสคุณไม่ต้องเร่งรีบขนาดนั้น พวกเราไม่ได้เข้าร่วมการวิ่งแข่งร้อยเมตร!
รัศมีในการเคลื่อนไหวของฝีเท้าได้ม้วนชายเสื้อกันลมขึ้น เสื้อผ้าที่เป็นทรงกระจายออร่าที่น่าเกรงขามออกมา เหมาะสมกันที่สุดกับใบหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังของเจ้าของ
จี้ตงหมิงพยายามอย่างหนักในการเร่งความเร็วฝีเท้า ไม่ทันระวังเกือบจะชนเข้ากับแผ่นหลังของหลงเซียว
“…” บอส คุณเหยียบเบรกเตือนสักหน่อยได้หรือเปล่า?
จากมุมของหลงเซียวมองออกไปทางด้านนอก เงาร่างที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจของลั่วหานซ่อนตัวอยู่ภายในกลุ่มผู้คน มือข้างหนึ่งของเธอถือโทรศัพท์เอาไว้ กำลังพูดคุยและหัวเราะกับใครบางคนอยู่ รอยยิ้มราวกับดอกกุหลาบกลางฤดูร้อน
หลงเซียวยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ สายตาที่เยือกเย็นเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนรักใคร่เอ็นดู
จี้ตงหมิง “…”
“แค่นี้ก่อนแล้วกันค่ะ เที่ยวบินของหลงเซียวมาถึงแล้ว ฉันไปหาเขาก่อน”
ลั่วหานวางสายตรง เตรียมเดินไปที่ด้านหน้า กลับคิดไม่ถึงว่าหลงเซียวได้รออยู่ที่ด้านหน้า กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ลั่วหานเลิกคิ้วขึ้น แขนทั้งสองข้างกางออกทำท่ากอด
หลงเซียวรู้ความหมายในทันที เงาร่างที่สูงโปร่งผ่านกลุ่มผู้คนตรงไปโอบกอดลั่วหานเอาไว้
“ไม่ใช่ตกลงกันแล้วว่ารอผมอยู่ที่บ้านหรอกหรอ?” หลงเซียวบีบมือของเธอเบาๆ มือที่โทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้ได้รับความหนาวจนเย็นเฉียบ
“ฉันรอไม่ไหว” ลั่วหานเงยหน้าขึ้น ไอร้อนในการหายใจออกผสมเข้าด้วยกันกับของเขา
หลงเซียวนำมือของเธอใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันลมของตนเอง ใช้มือกุมเอาไว้
“คราวหน้าไม่อนุญาตให้ทำแบบนี้แล้ว”
“หม่อมฉันทำไม่ได้ค่ะ ฮ่าๆ!”
คิ้วของหลงเซียวขมวดเข้าหากันอย่างแรง “เอ่อ…”
ข่าวดีที่หลงเซียวนำกลับมาคือ ศูนย์นิทรรศการที่หางโจวได้เตรียมเสร็จเป็นที่เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว ผลงานของหยวนชูเฟินจัดวางเอาไว้อย่างดีตามแผนการที่ออกแบบไว้ หนังสือเชิญแขกภายในงานก็ถึงแล้วทั้งหมด
ข่าวดีที่ลั่วหานตอบกลับคือคุณพ่อของถังจิ้นเหยียนได้ฟื้นคืนความรู้สึกแล้ว
“หลังจากงานนิทรรศการภาพวาดจบลง ก็คือการขึ้นศาลครั้งแรกของหลงถิง ตื่นเต้นไหมคะ?”
“ไม่”
เพราะว่าความจริงมักจะลอยขึ้นมาเหนือน้ำ จะต้องเป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน
“ฉันเชื่อว่าความจริงจะต้องปรากฏออกมาค่ะ!”
“หืม?” หลงเซียวและลั่วหานจูงมือกันจากไปอย่างสามีภรรยาที่มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกัน ดึงดูดคำอุทานอย่างตื่นตะลึงของคนจำนวนไม่น้อย
“ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณค่ะ!”
หลงเซียวจับมือของเธอขึ้นรถ จี้ตงหมิงขึ้นนั่งลงบนที่นั่งคนขับอย่างรู้ตัว
“จะต้องไม่ทำให้ความเชื่อใจของคุณผิดหวังอย่างแน่นอน”
วันถัดมา ก็เป็นรุ่นอรุณที่แสงอาทิตย์สาดส่องอีกครั้ง
คนรับใช้ได้จัดเตรียมสัมภาระเดินทางที่จะไปหางโจวเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว กระเป๋าเดินทางใบเล็กใบใหญ่ทั้งหมดห้าใบ
“แม่ สองวันนี้หางโจวจะหิมะตก พวกเราไปทะเลสาบตะวันตกดูวิวหิมะด้วยกันนะคะ” ลั่วหานเลือกหมวกปึกแคบขนแคชเมียร์สำหรับหน้าหนาวสองสามใบ หลังจากที่ทำการเปรียบเทียบแล้วเลือกใบที่เป็นสีแดงเลือดหมู เข้ากันกับเสื้อคลุมขนสัตว์ของหยวนชูเฟินพอดี
หยวนชูเฟินเพิ่งจะทานอาหารเช้าเสร็จ คิดไม่ถึงเลยว่าทริปหางโจวจะเข้าสู่ตารางการเดินทางไวขนาดนี้ อีกทั้งกำหนดเอาไว้ในวันนี้
“ไวขนาดนี้? ฉันยังไม่ได้เตรียมความพร้อมอะไรเลย”
ลั่วหานคล้องแขนของเธอเอาไว้อย่างสนิทสนม “แม่ ความหมายของการท่องเที่ยวก็อยู่ที่จะไปก็ไป ไม่ต้องให้แม่เตรียมตัว พวกเราเตรียมตัวแทนแม่หมดแล้วค่ะ รับประกันว่าแม่ต้องชอบ”
หลงเซียวนำกระเป๋าเงินยัดใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ “ต้องการเพียงแค่บัตรประชาชนหนึ่งใบ ผมหยิบให้แม่เรียบร้อยแล้ว”
หยวนชูเฟิน “…”
“ในฐานะที่เป็นอาชีพหมอ หนูบอกแม่อย่างมีความรับผิดชอบได้เลยว่า ตอนนี้แม่นั่งเครื่องบินได้ การบินระยะสั้นจะไม่มีอาการมึนศีรษะหรือไม่สบาย”
หยวนชูเฟินยังคงมึนงง “พวกเธอสองคน…”
หลงเซียวเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พยากรณ์อากาศบอกว่าช่วงนี้มีหิมะ” ดังนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจออกเดินทางอย่างกะทันหันเช่นเดียวกัน
หยวนชูเฟินยอมรับต่อคำอธิบายนี้อย่างจำใจ
“ใช่แล้ว พวกเราไปหางโจวกันหมด เจมส์ทำยังไง?” หยวนชูเฟินถูกห้อมล้อมออกจากประตู คิดขึ้นมาได้ว่าในบ้านยังมีผู้ป่วยอีกหนึ่งคน
ลั่วหานขยิบตาขวาเล็กน้อย “ฝึกความสามารถในการพึ่งพาตนเองของเขาสักหน่อยก็ไม่เลวนะคะ”
เจมส์พิงขอบประตูบ้านอย่างได้รับความไม่เป็นธรรม “ออกไปเที่ยวไม่พาผมไปด้วย พวกคุณจะต้องเสียใจในภายหลัง!”
ไม่ใช่แค่หางโจวหรอ?ไม่ใช่แค่ทะเลสาบตะวันตกหรอ? นึกว่าไม่พาผมไปผมก็จะไปไม่ได้? ไร้เดียงสาจริงๆ!
…
ลงจากเครื่องบินหยวนชูเฟินถึงตระหนักได้ว่า หิมะตกที่ว่าก็คือแผ่นป้าย ฟ้าของหางโจวแจ่มใสจนไร้เมฆไปหมื่นลี้ อากาศอบอุ่นมาก อุณหภูมิสูงกว่าเมืองหลวงห้าหกองศา ไม่มีเค้าลางหิมะตกเลยแม้แต่น้อย
อีกทั้งลงจากเครื่องบิน พวกเขากลับไม่ได้ไปทะเลสาบตะวันตกตามที่หลงเซียวกับลั่วหานพูดไว้บนเครื่องบิน ทางที่รถขับไปตรงกันข้ามกับทะเลสาบตะวันตกพอดี
ชูชูน้อยนั่งเครื่องบินครั้งแรก นอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของลั่วหานตั้งแต่ต้นจนจบ ลงจากเครื่องบินแล้วถึงได้ตื่น พอตื่นขึ้นมาก็ตื่นเต้นจนโบกสะบัดมือน้อยๆ อ้อๆแอ้ๆทักทายกับคนอื่น
“เซียวเอ๋อ นี่พวกเราไปที่ไหนกัน? ไม่ใช่ทะเลสาบตะวันตกมั้ง?” หยวนชูเฟินมองดูทางที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างรถ ทิวทัศน์และสิ่งก่อสร้างต่างก็ได้เปลี่ยนเป็นใหม่หมด แต่ทางเธอยังจำได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ที่นี่
“พวกเราไปที่ๆนึงก่อน เย็นหน่อยค่อยไปทะเลสาบตะวันตก แม่ก็ต้องพักผ่อนสักหน่อยนะครับ” หลงเซียวอธิบายด้วยสีหน้าที่เป็นปกติ
โทรศัพท์มือถือสั่นไหวสองครั้ง ข้อความจากจี้ตงหมิง
“บอส แขกได้เข้ามาในงาน นักข่าวทั้งหลายอยู่ที่ด้านนอก คุณนายมาได้ตลอดเวลา”
“ระวังงานความปลอดภัย”
“บอสวางใจ ทุกอย่างต่างเตรียมพร้อม”
มือเล็กๆของชูชูตบหน้าต่างรถ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆโลกที่แปลกหน้าไปโดยสิ้นเชิงอย่างอยากรู้อยากเห็น ฤดูหนาวของที่นี่ไม่เหมือนกันกับที่เมืองหลวง เด็กน้อยมีความอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่แปลกใหม่
“ลูกรัก ชอบที่นี่หรอจ๊ะ?”
หยวนชูเฟินก็ทอดถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ชูชูน้อยก็คงจะชอบ ดูเหมือนพวกเราชอบเหมือนๆกันแล้ว”
ลั่วหานหัวเราะพร้อมตอบกลับ “หวังว่าชูชูก็จะสามารถสืบทอดพรสวรรค์ด้านศิลปะของแม่ได้นะคะ อนาคตเขียนอักษรดีๆ วาดภาพวาดดีๆ”
“เขียนหนังสือวาดรูป ชูชูของเราจะต้องสุดยอดกว่าฉันอย่างแน่นอน ฉันเหล่านั้น…” หยวนชูเฟินหัวเราะขึ้นอย่างเลื่อนลอย “ไม่มีอะไรน่าเอ่ย”
“รอชูชูโตอีกหน่อย แม่สอนเธอเขียนหนังสือด้วยตัวเอง โตขึ้นอีกหน่อย ก็สอนเธอถือพู่กันวาดภาพ แม่ต้องช่วยพวกเราสอนชูชูจนกลายเป็นสาวน้อยผู้มีความสามารถสูงนะคะ” ลั่วหานชูมือของชูชูขึ้นลูบไล้หลังฝ่ามือของหยวนชูเฟิน
มือเล็กๆที่อ่อนนุ่มกับมือของหยวนชูเฟินวางไว้ด้วยกัน เป็นภาพที่งดงามและสงบ
รถเคลื่อนที่ตลอดทาง หลังจากนั้นสี่สิบกว่านาทีในที่สุดก็หยุดลง
“เซียวเอ๋อ นี่คือที่ไหน?”
หยวนชูเฟินมองดูประตูใหญ่ของศูนย์นิทรรศการ ในใจคิดว่าความเปลี่ยนแปลงของเมืองนั้นมากจริงๆ
“ศูนย์นิทรรศการ สถานีแรกของทริปหางโจวของเรา” ดวงตาที่ล้ำลึกและเงียบสงบของหลงเซียวเปล่งประกาย
ลั่วหานส่งชูชูให้กับหลงเซียว นำหมวกที่เลือกเอาไว้อย่างดีแล้วออกมาให้กับหยวนชูเฟินสวมใส่ จัดการเสื้อผ้าที่แทบจะไม่ขยับของเธอเล็กน้อยอย่างง่ายๆ “คุณแม่ที่สวยสง่า พวกเราเข้าไปกันเถอะค่ะ!