ตอนที่ 962 กินบ้านแกสิ
ศาลแบ่งการพิจารณาออกเป็น 2 ช่วง และสิ้นสุดลงหลังจากนั้น 3 ชั่วโมง
ผลลัพธ์เป็นไปดังที่คาดไว้ เนื่องจากมีหลักฐานแก้ตัวจากหลงถิงว่าเขาไม่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ จึงถูกย้ายไปในศาลขั้นที่สอง
หลงเซียวมีเวลาสิบวันในการรวบรวมหลักฐานและพยานใหม่อีกครั้ง หลังจากได้รับหลักฐานที่แน่นหนาแล้ว เขาสามารถยื่นคำร้องครั้งที่สองได้ ถ้าภายในสิบวันไม่สามารถหาหลักฐานและพยานที่แน่ชัดได้ คดีการฆาตกรรมของหลงถิงก็จะไม่ถูกตัดสิน
คดีนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย โจทก์และจำเลยจึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อนำมาโต้แย้งกันอย่างดุเดือด
คณะลูกขุน ผู้พิพากษา ประธานกรรมการ และทุกๆคนปฏิบัติทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง หลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายส่งมานั้น ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีใครกล้าที่จะให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆขึ้น
หลังจากศาลชั้นต้นสิ้นสุดลงแล้ว หลงเซียวได้ให้หลินเค่อเฟยมาพบ
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ในห้องทำงานของหลงเซียวเกือบหนึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าออก
เฉินเส้าหวาเองก็ได้เดินทางไปยังตระกูลหลงเพื่อเข้าพบหลงถิง ทั้งสองคนอยู่ในห้องหนังสือของหลงถิงราวสองชั่วโมงได้
เมื่อสื่อต่างๆเปิดโปงคดีนี้ ตำรวจก็เร่งติดตามการสอบสวน ทั้งทางท้องถิ่นและสำนักงานใหญ่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นยอดไปร่วมทำงานกับตำรวจอเมริกา เพื่อขุดคุ้ยหาเบาะแสเมื่อสามสิบปีก่อน
เจิ้งซิ่วหยาจ้องไปที่รูปถ่าย เธอขมวดคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “ทำไมถึงไม่มีร่องรอยอื่นๆเลย?”
โจวจั่นกัดแอปเปิลเข้าไปคำหนึ่ง ในปากของเขาเต็มไปด้วยน้ำแอปเปิล “ไม่น่าเป็นไปได้นะ รูปภาพนี้อยู่ในห้องหนังสือของหลงถิง ของแพงขนาดนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร?”
เจิ้งซิ่วหยาครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีก “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันหมายความว่า……” เธอเงยหน้ามองดูโจวจั่นที่กำลังกินแอปเปิลอย่างไม่นึกถึงภาพลักษณ์ของตัวเอง จากนั้นก็เตะไปที่ขาของเขาแล้วพูดว่า “วันๆเอาแต่กินอย่างเดียว!”
โจวจั่นหลบทัน เขาถอนหายใจออกมาเบาๆยิ้มแล้วพูดว่า “ผมกินเพื่อเสริมวิตามิน แผลจะได้หายเร็วๆ แอปเปิลมีสารกำจัดอนุมูลอิสระทำให้ดูอ่อนยาวและก็สวยงาม ที่ลิ้นชักของผมยังมีอีก คุณจะกินสักลูกไหม?”
เจิ้งซิ่วหยากลอกตามองเขาแล้วพูดว่า “กินบ้านแกสิ!”
โจวจั่นเช็ดมุมปากของเขา จากนั้นกินด้วยท่าทางมีมารยาท “เมื่อสักครู่คุณบอกว่าไม่มีร่องรอย หมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
เจิ้งซิ่วหยาหยิบปากกาแล้วเคาะลงบนกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอวาดภาพลายเส้นลงไปในกระดาษแผ่นนั้นแล้วทำสัญลักษณ์ ใช้ตัวอักษรแรกของชื่อแทนชื่อของพวกเขา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ภาพนี้ใครเป็นคนมอบให้หลงถิงกัน? ก่อนหน้าที่จะมาถึงมือหลงถิงใครเป็นคนเอาไป? ทำไมเราถึงตรวจสอบไม่พบ?
ครั้งสุดท้ายที่ภาพนี้ปรากฏขึ้นอยู่ในงานประมูล ถูกชาวอิตาลีคนหนึ่งซื้อไปโดยไม่เปิดเผยตัวตน เขาชำระเป็นเงินสดและไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆไว้ หลังจากนั้นมันก็หายไป”
สมองของโจวจั่นแล่นอย่างรวดเร็ว “พระเจ้า!เงินสดอย่างนั้นเหรอ เขาขับรถสิบล้อมาหรือไง ธนบัตรมากมายขนาดนั้น ต่อให้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐหรือยุโรปก็ไม่น้อยทีเดียว พระเจ้า!”
เจิ้งซิ่วหยาขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยท่าทางสงสัย “โจวจั่น แกนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสองเดือนจนโง่ไปแล้วหรือไง ตอนนี้คือเวลาที่จะมาใส่ใจเรื่องเงินเหรอ สิ่งที่ฉันอยากจะพูดก็คือทั้งคนและรูปภาพหายไปหมด ทำไมเขาถึงต้องซื้อโดยไม่ออกนาม และทำไมถึงต้องชำระเป็นเงินสดมากมายขนาดนั้น?”
โจวจั่นพยักหน้าตอบรับและตอบอย่างจริงจังว่า “บางที อาจเป็นเพราะการโอนเงินมีค่าธรรมเนียมก็ได้”
เพี้ยะ!!!
ในครั้งนี้เจิ้งซิ่วหยาเตะเขาเข้าเต็มแรง “ไสหัวไป”
โจวจั่นนำมือปัดเศษผงที่กางเกงของเขาจากนั้น โยนผลไม้ทิ้งไปพูดว่า “ล้อเล่นน่า อย่าซีเรียสไปเลย ผมแค่กลัวว่าคุณจะอยู่ในภาวะหดหู่ อันที่จริงจะสืบหาประวัติความเป็นมาของภาพนี้ก็ไม่ยาก แค่ไปถามหลงถิงก็รู้เรื่องแล้ว แน่นอนว่าเขาคงไม่บอกความจริงกับเราหรอก ถ้าอย่างนั้นเราลองไปถามหลงเซียวหรือว่าหยวนชูฟางดูไหม?”
เมื่อเจิ้งซิ่วหยาได้ยินประโยคหน้าเธอก็อยากจะเตะเขาเข้าอีกสักที แต่เมื่อได้ฟังประโยคหลังแล้วรู้สึกว่ามีเหตุมีผล
“อืม ฉันไปหาหลงเซียวก่อนนะ”
โจวจั่นเตือนด้วยความหวังดีว่า “ศาลเพิ่งสรุปการพิจารณาคดีขั้นต้น และผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าไหร่ ตอนที่คุณไปหาหลงเซียวก็ระมัดระวังอย่าให้ถูกเขาฆ่าล่ะ”
เจิ้งซิ่วหยาหยิบขนมที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วยัดใส่ปากโจวจั่นให้กินเข้าไป
……
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว หลงเซียวก็เข้าร่วมประชุมผู้บริหารระดับสูง
เมื่อเจิ้งซิ่วหยาไปถึงตึกอาคารทำการของบริษัทMBK ก็พบว่าหลงเซียวกำลังยุ่งอยู่ แต่ว่าแอนดี้และเธอเป็นคนคุ้นเคยกันจึงได้พาเธอขึ้นไปยังห้องรับแขก
“คุณตำรวจเจิ้งคะ ตอนนี้ท่านประธานกำลังประชุมอยู่ รอสักครู่นะคะ คุณอยากจะดื่มอะไรดี ชาหรือว่ากาแฟ?” แอนดี้เธอดูแลแขกทุกคนที่เข้ามาอย่างดีเสมอ แสดงให้เห็นถึงความรอบคอบและเฉลียวฉลาดของเธอ
เจิ้งซิ่วหยาเพิ่งเคยเดินทางมาMBKเป็นครั้งแรก วิสัยทัศน์ดีมาก หากไม่ได้นำมาใช้เป็นออฟฟิศทำงาน แต่ใช้เป็นหอชมเมืองก็คงจะดีเช่นกัน เนื่องจากวิสัยทัศน์ดีมากอีกทั้งด้านนอกเป็นย่านธุรกิจCBD และไม่ไกลออกไปก็เป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองหลวง
“ขอน้ำเปล่าหนึ่งแก้วแล้วกันค่ะ ถ้าดื่มกาแฟจะเข้าห้องน้ำง่าย ฉันกลัวว่าอีกประเดี๋ยวอดไม่ได้จะต้องไปเข้าห้องน้ำ” เจิ้งซิ่วหยาพูดกับแอนดี้อย่างเป็นกันเอง
“ได้ค่ะ”
เจิ้งซิ่วหยายิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรแล้วพูดว่า “อีกประเดี๋ยวถ้าฉันได้พบกับหลงเซียว น่าจะได้เข้าไปในห้องทำงานเขาใช่ไหม?”
ห้องทำงานของหลงเซียวนั้นอยู่ที่ชั้นบนสุด ด้านนอกเป็นระเบียงดาดฟ้าขนาดใหญ่ จะต้องมองเห็นวิวอันงดงามแน่ๆ
แอนดี้ไม่กล้าให้คำตอบที่ชัดเจน เธอยื่นน้ำเปล่าให้หนึ่งแก้วแล้วพูดว่า “ขึ้นอยู่กับท่านประธานแล้วล่ะค่ะ ฉันพูดอะไรไม่ได้หรอก”
“เอ่อ ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องมาดูแลฉันหรอกไปทำธุระของตัวเองเถอะ”
……
“ท่านประธานครับ คดีเพิ่งจะเริ่มดำเนินการ ผู้คนก็พากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา พวกเรากังวลว่าข่าวเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
อีกทั้งบรรดาผู้สื่อข่าวที่ไม่รู้เรื่องราวความจริงก็ประมวลข่าวไปกันต่างๆนานาเพื่อสร้างความสับสน น่ากังวลมากจริงๆ”
ณ ที่ประชุม ผู้จัดการจากหลายแผนกได้บอกถึงความกังวลใจและแนะนำให้หลงเซียวระงับข่าวดังกล่าว
หลงถิงในฐานะ CEOของMBK และได้รับการสนับสนุนจากพ่อผู้ให้กำเนิด ดังนั้นเขาจึงทำตัวไม่ถูก
เขาเองนั้นก็มองออกว่าบรรดาผู้จัดการไม่ได้พูดออกมาตรงๆนั่นก็เป็นเพราะเกรงใจเขา
หลงเซียวเหลือบไปมองนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า “ข่าวเหล่านี้จะถูกส่งไปยังศูนย์ประมวลผลกลาง ข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือนทั้งหมดจะถูกลบออก”
นั่นหมายความว่าข่าวใดที่เป็นไปตามความจริงนั้นจะยังคงอยู่?
บรรดาผู้จัดการเหล่านั้นล้วนเป็นคนเก่าแก่ที่มีความเชี่ยวชาญ พวกเขาสามารถเข้าใจได้ทันทีจากคำพูดของประธานเมื่อสักครู่ “ครับ ท่านประธาน”
หลงจื๋อไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“วันนี้กินเวลาไปไม่น้อยแล้ว การประชุมจบลงเพียงเท่านี้ครับ”
เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง บรรดาผู้จัดการก็ค่อยๆออกจากห้องประชุมไปทีละคน
“หลงจื๋อ เรื่องนี้มีผลกระทบต่อแกมากทีเดียว แต่ฉันก็หวังว่าแกจะสามารถทำทุกอย่างด้วยความยุติธรรม” หลงจื๋อกำลังลุกขึ้นยืนและหลงเซียวก็ได้เอ่ยเตือนอย่างหวังดี
“ผมเข้าใจครับ ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”
หลงเซียวและหลงจื๋อเดินออกจากห้องประชุมมาพร้อมกัน จี้ตงหมิงรีบเดินขึ้นไปพูดกับหลงเซียวว่า “เจ้านายครับ เจิ้งซิ่วหยามาครับ ตอนนี้รออยู่ที่ห้องรับรอง”
เธออย่างนั้นเหรอ?
“อืม”
เมื่อหลงจื๋อได้ยินชื่อเจิ้งซิ่วหยา ก็เดาว่าเธอคงเป็นตัวแทนจากตำรวจมาสินะ? ถ้าอย่างนั้นวัตถุประสงค์ที่เดินทางมาในวันนี้คืออะไร? หลักฐานในคดีฆาตกรรม? รายงานความคืบหน้า? หรือว่า……
เขารู้สึกแน่นหน้าอกหายใจลำบาก ทั้งโมโหตัวเองและโมโหผู้เป็นพ่อ
หากมองในมุมมองของกฎหมายแล้วนั้น หลงถิงควรจะได้รับโทษประหาร เขาควรจะได้รับกรรมเหล่านี้ตั้งนานแล้ว
แต่จากมุมมองของลูก หลงจื๋ออยากให้พ่อของเขานั้นผ่านจุดนี้ไปให้ได้
เมื่อความคิดทั้งสองอย่างโจมตีกัน ทำให้ร่างกายและจิตใจของเขาอ่อนล้า
ตื๊ดๆ
โทรศัพท์มือถือของหลงจื๋อสั่นขึ้นสองครั้ง
เป็นข้อความจากหลินซีเหวิน
“ที่รักคะ คืนนี้กลับเร็วหน่อยได้ไหม ฉันทำกับข้าวด้วยตัวเองเชียวนะ! ฮ่าๆๆ!
แล้วก็ตอนกลับมาซื้อเบียร์มาสักหน่อยนะคะ พวกเรามาดื่มกัน!”