ตอนที่ 948 เพลงรักของผู้ใหญ่
เหลียงจ้งซุนชะงักฝีเท้าด้วยความตกใจ สายตาของเขาประสานเข้ากับไป๋เวยที่อยู่ด้านหลังกระจกรถ
รถสวนผ่านไปมารอบกายของเขา เหลียงจ้งซุนตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเดินหลบเข้าริมถนน
ไป๋เวยจอดรถข้างทาง เธอเปิดประตูออก และรีบสาวเท้าไปหาเขา
“คุณเหลียง คุณโอเคไหม?”
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าที่แก่ชราของเหลียงจ้งซุน “ไม่เป็นไรครับ เมื่อกี้ผมไม่ได้สังเกตดูสัญญาณไฟแดง”
“คราวหน้าต้องระวังให้มากกว่านี้นะคะ ข้ามถนนอันตรายมาก”
“ครั้งหน้าผมจะระวังอย่างแน่นอนครับ เมื่อสักครู่ผมทำให้คุณตกใจหรือเปล่า?” เหลียงจ้งซุนยิ้มเจื่อน ริ้วรอยปรากฏชัดบนหางตาทั้งสองข้างของเขา
“คุณทำฉันตกใจมาก แต่คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ”
ไป๋เวยเห็นซองเอกสารในมือของเขา แม้ว่าเหลียงจ้งซุนจะรีบซ่อนมันไว้ แต่เธอสายตาของเธอก็ไวพอที่จะสังเกตเห็นคำว่าศาลอยู่บนเอกสารนั้น ดูเหมือนว่าเหลียงจ้งซุนจะออกมาเพื่อขึ้นศาล
จริงสิ ศาลอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง เป็นไปได้ว่าเมื่อสองสามวันมานี้ เหลียงจ้งซุนจะต้องเข้าออกศาลไม่หยุด
ขณะที่มองดูเหลียงจ้งซุนเดินออกไป ไป๋เวยก็ตกอยู่ในความคิดของเธอ
“ไป๋เวย เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมสายโทรศัพท์ขาดไป?”
กู้เยนเซินโทรติดต่อกันหลายสาย ไป๋เวยรับสายหลังจากกลับขึ้นรถอีกครั้ง เธอรับโทรศัพท์ผ่านเครื่องเสียงของรถ และขับรถผ่านสัญญาณไฟเขียว
“เมื่อกี้นี้ ฉันพบกับเหลียงจ้งซุน เมื่อไม่นานมานี้คดีความของหลงถิงได้นำกลับมาสอบสวนต่อ และเหลียงจ้งซุนออกมาจัดการขั้นตอนของคดี
หัวใจของกู้เยนเซินกระตุกวูบ “ผมตกใจแทบตาย ใช่แล้ว คุณชายหลงบอกว่าคดีนี้ยังขาดพยานปากสำคัญ ความเป็นไปได้ที่จะชนะคดีนี้มีมากน้อยแค่ไหน?”
“ทีมทนายความของท่านประธานได้เตรียมการอย่างรอบคอบ คดีความในครั้งนี้ก็ได้ทนายเก่ง ๆ จากสำนักกฎหมายของหลินเค่อเฟยมา ถ้าไม่มีโอกาสชนะ ท่านประธานจะนำคดีนี้กลับมาสอบสวนต่ออีกทำไม? นี่คุณหรือฉันใครเป็นคนตั้งท้องกันแน่? ใช้สมองหน่อย”
“ดูเหมือนว่าโอกาสชนะจะสูงมาก ครั้งที่แล้ว Rosa ก็เป็นทนายคนสำคัญของสำนักกฎหมายนี้”
——
หยวนชูเฟินแอดมิทอยู่ในโรงพยาบาลหวาเซี่ยเป็นเวลาสามวัน ส้งชิงเซวี๋ยนอยู่ดูแลเธอจนแทบไม่ได้พักผ่อน
ทำยาจีนด้วยตัวเอง และปรนนิบัติเธอเองกับมือ เมื่อลั่วหานและหลงเซียวไม่มีเวลามา เขาก็ทำหน้าที่เป็นทั้งหมอ พยาบาล คนในครอบครัว และพี่เลี้ยงด้วยตัวเองคนเดียว
ในวันที่สี่ หยวนชูเฟินก็จากพ้นขีดอันตรายโดยสมบูรณ์
“เหล่าส้งคุณอยู่โรงพยาบาลสามวันแล้ว กลับบ้านและพักผ่อนเถอะ” หยวนชูเฟินรู้สึกสงสาร ไม่รู้ว่าจะตอบแทนความปรารถนาดีของส้งชิงเซวี๋ยนได้อย่างไร
ส้งชิงเซวี๋ยนหัวเราะเสียงใส “พักผ่อนอยู่บ้านสู้อยู่ที่โรงพยาบาลไม่ได้ โรงพยาบาลมีผู้คนพลุกพล่านพาให้รู้สึกครึกครื้น แต่ที่บ้านค่อนข้างเงียบเหงาให้ความรู้สึกวังเวง นอกจากนี้ ผมก็เป็นแพทย์ของโรงพยาบาลหวาเซี่ย ถ้าไม่มาดูแลคุณ ผมก็ต้องมาทำงานที่นี่อยู่ดี?
ดีเสียอีกที่ได้แอบอู้งานอยู่ที่นี่กับคุณ ?”
หยวนชูเฟินตักโจ๊กทานทีละคำ เธอถือชามและช้อนด้วยตัวเอง หลังจากฟื้นขึ้นมา เธอยืนยันว่าเธอจะไม่รบกวนส้งชิงเซวี๋ยนให้ช่วยเธอทานอาหารอีก แต่ความเอาใจใส่ของส้งชิงเซวี๋ยนทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
“เหล่าส้ง พวกเราเป็นเพื่อนกันมานาน ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจเรื่องที่ฉันไม่ได้พูดออกไป”
ส้งชิงเซวี๋ยนทำเป็นไม่เข้าใจ “ คุณพูดถูก เราเป็นเพื่อนกันมาหลายสิบปี พวกเราก็คนกันเองแท้ ๆ จริงไหม? เส้าเอินก็จากไปแล้ว ผมจะพยายามทำหน้าที่ในฐานนะพี่ชายแทนเขาไม่ได้เลยหรือ? ไม่อย่างนั้นหากคราวหน้าเมื่อผมกับได้เจอกับเขาที่ปรโลก ผมจะอธิบายกับเขาอย่างไร?”
หยวนชูเฟินกลืนโจ๊ก และพยายามหลบสายตาของส้งชิงเซวี๋ยนที่มองมา
ด้านนอก
ลั่วหานและหลงเซียวมาเยี่ยมแม่ของพวกเขาพร้อมกับดอกไม้และผลไม้ หลังจากได้ยินบทสนทนาจากภายในห้อง พวกเขาก็วางลูกบิดประตูลง ทั้งสองแนบตัวไปกับประตูเพื่อแอบฟัง
“หลงเซียว ลุงส้งดูแลแม่ที่โรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว คุณว่ามันเป็นเรื่องปกติไหม?”
สีหน้าของหลงเซียวแปลกไปเล็กน้อย “…ไม่ปกติ”
แต่หลงเซียวก็ไม่อยากคิดไปในเชิงอื่น
ลั่วหานกระซิบเสียงเบา “ทำไมฉันรู้สึกว่าความห่วงใยของลุงส้งที่มีต่อแม่ของเราเกินขอบเขตของคำว่าเพื่อนไป?”
หลงเซียวลูบศีรษะของลั่วหานด้วยมือใหญ่ “อย่าคิดไปเอง พวกเขาเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน”
ลั่วหานเป็นผู้หญิง เธอมีความคิดที่ละเอียดอ่อนกว่าผู้ชาย “หลงเซียว ฉันคิดว่าลุงส้งชอบแม่ของเรา”
เขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขามืดเสียยิ่งกว่าก้นหม้อ
“ทำไมสีหน้าเป็นแบบนี้?”
หลงเซียวพูดออกมาอย่างหมดทางเลือก “ลั่วลั่ว พวกเราไม่ใช่ผู้ใหญ่”
หลงเซียวเม้มริมฝีปาก ผู้ใหญ่หรือ? ถ้าพูดให้ถูกคงต้องเรียกว่าเพลงรักของผู้ใหญ่เสียมากกว่า
ทั้งสองเข้าไปด้านใน ส้งชิงเซวี๋ยนก็กลับมาเป็นชายแก่แสนซุกซนเหมือนเดิม
“เสี่ยวลั่วลั่ว ทำไมไม่พาชูชูมาที่นี่ด้วย ลุงแก่ ๆ คนนี้คิดถึงชูชู”
ลั่วหานตอบกลับ “รอแม่ออกจากโรงพยาบาล เราไปหาชูชูด้วยกันที่บ้านดีไหมคะ?”
“ดีเลย ลุงจะไปถามหมอว่าแม่ของเธอจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่!”
ส้งชิงเซวี๋ยนเดินปลิวออกไป ชุดกาวน์สีขาวที่สะท้อนกับสายลมตามหลังเขา ฝีเท้าของเขากระฉับกระเฉงราวกับเด็กวัยรุ่น
ลั่วหานพยามกลั้นขำ บางอย่างที่เธอไม่กล้าบอกกับหลงเซียวผุดขึ้นในใจ ——พลังแห่งความรักนั้นยิ่งใหญ่มาก!
“เซียวเอ๋อ แม่ดีขึ้นมากแล้ว ลูกทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้แม่เถอะนะหยวนชูเฟินไม่ชอบโรงพยาบาลเป็นที่สุด
“พรุ่งนี้นะครับ รอดูอาการอีกสักคืน”
ลั่วหานเปลี่ยนดอกลิลลี่ที่อยู่ในแจกันมานาน และแทนที่ด้วยกุหลาบแชมเปญสด “แม่ หลังจากที่แม่ออกจากโรงพยาบาล พวกเราไปเที่ยวหางโจวกันค่ะ ช่วงหิมะตก ทะเลสาบตะวันตกจะสวยเป็นพิเศษ พวกเราไปดูหิมะที่ศาลาหูซินกันนะคะ ดีไหม?”
ดวงตาของหยวนชูเฟินเป็นประกาย “หางโจวเหรอ? ดีเลย แม่อยากไปหางโจวมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ไปคือฤดูร้อนเมื่อห้าหกปีที่แล้ว ตอนนั้นทะเลสาบตะวันตกเต็มไปด้วยดอกบัวบานสะพรั่ง สองข้างของสะพานมีดอกบัวซ้อนทับกันเต็มไปหมด เห็นเป็นภาพใบบัวสีเขียวที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และดอกบัวที่เป็นสีแดงยามแสงอาทิตย์ตกกระทบ”
ลั่วหานและหลงเซียวมองหน้ากันและยิ้ม แผนการเล็ก ๆ สำเร็จไปแล้วครึ่งทาง!
“ทะเลสาบตะวันตกในฤดูหนาวจะต้องถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง สายลมพัดพาหิมะมารวมกันจนเกิดเป็นทัศนียภาพที่แสนสวย นักกวีไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด” ลั่วหานหยิบดอกกุหลาบ และวางลงในมือหยวนชูเฟิน พร้อมกับขยิบตาให้เธออย่างซุกซน
“ลูกทำงานเสร็จแล้ว ถึงมาเยี่ยมแม่กันใช่ไหม?” หยวนชูเฟินก้มลงสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ กลิ่นช่างหอมอบอวล
ลั่วหานพูดตามสิ่งที่เคยได้ยิน “สะพานยามหิมะโปรยปรายบวกกับตำนานนางพญางูขาว ตำนานที่ใช้บทกลอนพรรณนาให้เห็นถึงทัศนียภาพ นั่นคือเสน่ห์ของเจียงหนานอย่างแท้จริง”
หลงเซียวลูบหว่างคิ้ว เขาตกหลุมรักกับความเฉลียวฉลาดของลั่วหานซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หยวนชูเฟินรับรู้ถึงสิ่งที่ลั่วหานต้องการจะสื่อ จึงเปลี่ยนหัวข้ออย่างจงใจ “งานแต่งงานของเสี่ยวจื๋อจะถูกจัดขึ้นในวันมะรืนนี้ หลังจากเข้าร่วมงานแต่งงานของเขาแล้ว พวกเราค่อยไปหางโจวกัน”
——
“ศาลจะเปิดคดีวันพุธหน้า พวกเราจะเลื่อนงานแต่งออกไปไหม?”
ฉู่ซีหรานมองดูหลงจื๋อที่มีท่าทางผิดหวัง เธอไม่อยากตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยที่ยังไม่ถามความเห็นของเขา
หลงจื๋อทาบมือที่เย็นเฉียบของหลินซีเหวินไว้บนริมฝีปากของเขา มือของเธอสัมผัสเข้ากับลมหายใจร้อน “พูดอะไรบ้า ๆ ในเมื่อกำหนดเวลาแล้ว ก็ทำตามที่ตกลงกันไว้ จะล่าช้าไม่ได้”
หลินซีเหวินทุบไปที่หน้าอกของเขา “คนโง่ คุณไม่กลัวคนอื่นพูดกันว่าคุณไม่สนใจพ่อของฉันหรือ?
หลงจื๋อปล่อยลมหายใจเย็นเยียบด้วยท่าทีจริงจัง และหมอกสีขาวก็กระจายในอากาศ “นั่นก็จริงอย่างที่คุณพูด ถ้าอย่างนั้นก็ไม่…ไม่มีงานแต่งงาน?”
“นี่คุณจะบ้าหรือ! ไม่ได้! พูดกันไว้แล้วว่าจะแต่ง ยังไงก็ต้องแต่ง!” หลินซีเหวินยกมือขึ้นเตรียมที่จะตีสามีของเธอ
หลงจื๋อรีบคว้าข้อมือของเธออย่างรวดเร็ว และโน้มตัวลงจูบที่หน้าผากของเธอ “ตามใจคุณแล้วกัน”
คืนนั้น หลินซีเหวินกลับบ้านไปพักผ่อน
เมื่อเข้าบ้านมา เธอก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศแปลกไป
หลินเหว่ยเย่และคุณนายหลินดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เสียงของโทรทัศน์ถูกเปิดให้ดัง สีหน้าของพวกเขาค่อนข้างน่ากลัว
“หลงถิงซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีน ถูกสงสัยว่ามีส่วนร่วมในคดีฆ่าล้างตระกูลมู่เมื่อ 30 ปีก่อน ถูกนำตัวขึ้นศาลโดยท่านหลงเซียวผู้เป็นลูกชายแท้ ๆ ของมู่เส้าเอิน จากการเก็บหลักฐานและการเฝ้ารออย่างยาวนาน ศาลประชาชน ณ เมืองหลวงจะเปิดพิจารณาคดี อย่างเป็นทางการในวันพุธหน้านี้!”
“จากพ่อลูกที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน แต่วันนี้กลับหันปากกระบอกปืนเข้าหากัน สุดท้ายแล้วคดีที่ยังไม่สะสางในตอนนั้นยังมีอะไรที่ยังถูกปกปิดไว้ หรือจับผู้ร้ายตัวจริงได้แล้ว ——คดีฆ่าล้างบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะถูกคลี่คลายโดยชั้นศาล”
นับตั้งแต่ที่สื่อรู้ว่าหลงถิงและหลงเซียวมีการฟ้องร้องกัน ข่าวนี้ก็เป็นที่จับตามองของผู้คนอย่างต่อเนื่อง ช่วงนี้สุขภาพของหลงถิงดีขึ้น และมีข่าวเกี่ยวกับการเปิดศาลอย่างล้นหลาม
คุณนายหลินถอนหายใจ “โชคดีที่เราไม่ได้ยกลูกสาวของเราให้แต่งงานกับลูกชายของหลงถิง!”
หลินเหว่ยเย่พูดติดตลก “ปิดทีวีเสีย ไม่ดูแล้ว วัน ๆ มีแต่ข่าวพวกนี้”
หลงถิงถูกนำตัวขึ้นศาล เขาจะต้องเปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ถ้าหากหลงถิงยอมรับทุกอย่าง ก็หมายความว่าเขาจะต้องมีส่วนพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย และทุกสิ่งที่เขามีในตอนนี้ก็จะหายวับไปกับตา!
เขาปิดบังตัวตนได้เป็นเวลาหลายปี ไม่มีทางที่เขาจะถูกทำลายได้อย่างง่ายดายแบบนี้หรอก!
เขาต้องหยุด!
คุณนายหลินแอบเหล่มองเขา “เป็นการดีที่สุดสำหรับคุณที่จะรักษาระยะห่างจากหลงถิง อย่าทำตัวสนิทสนม หรือคบค้าสมาคมด้วย ฉันคิดว่าตัดความสัมพันธ์ไปเลยจะเงียบว่า”
หลินเหว่ยเย่ไม่ได้พูดอะไร
ภรรยาของเขาไม่รู้ว่าเขาและหลงถิงเป็นเพื่อนสนิทกันมากกว่า 30 ปีแล้ว ตัวเขาเองยังไม่รู้เรื่องที่ถูกปิดเอาไว้เลย
หลินซีเหวินแอบย่องขึ้นไปชั้นบนอย่างเงียบเชียบ เธอคุ้นเคยบรรยากาศแบบนี้ของที่บ้านดี จะดีกว่าถ้าเธอจะโกหกพวกเขาว่าวันนี้เธอมีงานเวลากลางคืน!
“ซีเหวิน มานี่”
คุณนายหลินกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา เมื่อเธอเห็นหลินซีเหวิน
หลินซีเหวินวางมือของเธออย่างสะเปะสะปะ เธอเดินย่องลงมาอย่างช้า ๆ “แม่ มีอะไรจะอบรมหนูหรือเปล่าคะ?”
“ช่วงนี้ลูกไม่ได้ติดต่อกับหลงจื๋อใช่ไหม?” คุณนายหลินมีท่าทีจริงจัง
“ไม่นี่คะ แม่ไม่ให้หนูติดต่อกับเขา หนูจะกล้าหรือคะ? แม่เป็นแม่ของหนูนะคะ!” สีหน้าของหลินซีเหวินหมองลงด้วยความอึดอัด
“นั่นก็ดีแล้ว!”
หลินเหว่ยเย่เอ่ยขึ้นต่อว่า “ซีเหวิน พ่อมีแผน เนื่องจากลูกอยากเป็นหมอ พ่อหวังว่าลูกจะไปเรียนต่อต่างประเทศสักสามปี ไปเก็บเกี่ยวความรู้เฉพาะทางเพิ่มเติม ลูกคิดว่าดีไหม?”
ไม่ดี! ! !
หลินซีเหวินเม้มริมฝีปาก “ทำไมจู่ ๆ ก็ให้หนูไปเรียนต่างประเทศล่ะคะ?”
“พ่อหวังว่าลูกสาวของพ่อจะเก่งขึ้น! ลูกอายุยังน้อย ไม่ต้องรีบทำงานหรอก ลงทุนกับตัวเองก่อน เรียนรู้ที่จะจัดการตัวเองให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปช่วยเหลือคนอื่น แบบนี้ก็ยังไม่สาย จริงไหมลูก?” หลินเหว่ยเย่เกลี้ยกล่อมเธออย่างใจเย็น
คุณนายหลินยังรู้สึกว่าข้อเสนอนั้นไม่เลวเลย ลูกสาวของเธอไปต่างประเทศ ตัดความสัมพันธ์ของเธอกับตระกูลหลง และค่อยหาผู้ชายที่ดีให้กับเธอในอนาคต
“ซีเหวิน แม่ก็คิดว่าดีเหมือนกัน ลูกสอบผ่านทั้ง IELTS และ TOEFL สมัครเข้าเรียนก็ค่อนข้างง่าย ไว้วันพรุ่งนี้แม่จะไปสอบถามข้อมูลที่ฉู่ซีหรานศูนย์ศึกษาต่อต่างประเทศให้
อยู่ ๆ ก็จัดการทุกอย่างให้!
หลินซีเหวินปั้นยิ้ม “ฮ่า ๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ตามใจพ่อกับแม่แล้วกันค่ะ!”
หลินเหว่ยเย่คิดว่าหลินซีเหวินเชื่อฟังคำพูดของเขา จึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ตราบใดที่เขาส่งลูกสาวไปต่างประเทศ เขาก็จะไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลอีก เขาไม่กลัวอะไร สิ่งเดียวที่เขากังวลคือลูกสาวของเขา
รีสอร์ทหยีจิ่ง
หลังจากมื้ออาหารลั่วหานและหลงเซียวเล่นกับชูชูในห้องนั่งเล่น เจมส์โอ้อวดถึงสถานที่แต่งงานของหลงจื๋อที่เขาจัดการด้วยตัวเอง เขาแทบตั้งตารอรับคำชมไม่ไหว
“ดีไหม? สวยหรือเปล่า? นี่ไม่ได้ตะลึงกับพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์ของผมอยู่ใช่ไหม?” เจมส์ลุกขึ้นต้นอย่างลิงโลด ดีใจราวกับเด็กอายุสามขวบ
เจมส์มีความฉลาดเฉลียว ความคิดสร้างสรรค์ของเขาจัดว่าดีกว่าบริษัทรับจัดงานแต่งงานอยู่พอสมควร
ลั่วหานยกนิ้วให้อย่างจริงใจ “เยี่ยม!”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของลั่วหานที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้น บนหน้าจอปรากฏชื่อของหลินซีเหวิน
“ซีเหวิน มีอะไรหรือ?”
หลินซีเหวินล็อกประตู “พี่ลั่ว จู่ ๆ พ่อและแม่ของฉันก็อยากให้ฉันไปเรียนต่อต่างประเทศ พวกเขาไม่ได้ไปรู้อะไรมาใช่ไหม? ฉันกังวลว่าพวกเขาจะไม่ให้ฉันออกไปข้างนอกในวันมะรืนนี้”
ลั่วหานมองไปยังหลงเซียวที่พยักหน้าให้เธอ
“พวกเราจะช่วยเธอเอง วันมะรืนนี้เธอออกจากบ้านมาเลย ไม่ต้องนำอะไรมาด้วย ทำเหมือนกับที่เธอไปทำงานปกติ”
หลินซีเหวินกัดฟัน “ได้ค่ะ ฉันไม่กลัว! ขนาดหน้าต่างฉันยังเคยโดดมาแล้วด้วยซ้ำ!”
“คราวนี้ไม่จำเป็นต้องกระโดดหน้าต่าง ก็แค่เดินออกมาแบบธรรมดาทั่วไปก็พอแล้ว”
หลินซีเหวินรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่เป็นเวลาสองวัน เฝ้ามองพ่อแม่ของเธอเข้าออกบ้านเพื่อจัดการธุระเรื่องไปต่างประเทศของเธอ จิตใจของเธอก็อยู่ไม่เป็นสุข
สุดท้ายก็ถึงวันวิวาห์ที่เธอรอคอยมาอย่างยากลำบาก!
หลินซีเหวินตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอกินอาหารเช้าตามปกติ และเก็บกระเป๋าของเธอ
“พ่อคะ แม่ฉันคะ หนูไปทำงานแล้วนะคะ”
คุณนายหลินคว้าแขนเสื้อของเธอ “หลังเลิกงาน ไปที่ศูนย์ดำเนินการวีซ่าด้วยกันกับแม่ แม่นัดหมายไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
ตายแล้ว! แม่จัดการทุกอย่างรวดเร็วมาก!
หลินซีเหวินกะพริบตาปริบ ๆ “แม่คะ วันนี้ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ หนูมีผ่าตัดตอนบ่าย พรุ่งนี้นะคะ หนูไปก่อน ไปแล้วนะคะคุณแม่ คุณพ่อ!”