ตอนที่ 970 แม้แต่ปลายนิ้วก็ห้ามแตะ
ณ วิลล่าโรมัน
“พรุ่งนี้ฉันจะแต่งงานกับคุณ พรุ่งนี้ฉันจะแต่งงานกับคุณ ลั้นลาลั้นลา……”
หลินซีเหวินกำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุข เธอนั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอใช้หวีไม้หวีผมอันยาวสลวยของเธอจนนุ่ม
กระจกที่สะท้อนใบหน้ามีน้ำมีนวลของเธอ เนื่องจากกำลังจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น แก้มแดงสองข้างของเธอราวกับผลแอปเปิล
เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ชายของเธอ หลินซีเหวินเปิดกล่องเครื่องสำอางที่แทบจะขึ้นราอยู่แล้ว และหยิบครีมรองพื้น ดินสอเขียนคิ้ว อายไลเนอร์ลิปสติกที่ปัดแก้ม และเครื่องสำอางอื่นๆออกมาวาง
จากนั้นแต่งหน้าให้กับตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ
หลังจากที่แก้มถูกทาสีชมพูอ่อน และทาลิปสติกสีแดงลงไป ใบหน้าของเธอก็ดูงดงามขึ้นและดูมีชีวิตชีวา!
เมื่อแต่งหน้าเสร็จแล้วยังพอมีเวลาอยู่ หลินซีเหวินเปิดตู้เสื้อผ้าหกประตู จากนั้นหยิบเสื้อผ้าออกมาลองดูทีละชิ้นๆ
“สีสดเกินไป!”
“เรียบง่ายเกินไป!”
“อ้วนเกินไป!”
“สั้นเกินไป!”
“ดำ!”
“อ้วน!”
“เชย……!”
หลินซีเหวินโยนเสื้อผ้ากว่า 100 ตัวไว้บนเตียงและบนพื้น เสื้อผ้าเป็นร้อยตัวที่ก่อนหน้านี้เธอตั้งใจเลือกอย่างพิถีพิถันไม่มีตัวไหนสะดุดตาเลย!
ก่อนหน้าที่เธอจะแต่งงานเธอตาบอดหรือไง เธอไม่มีรสนิยมเลยหรือไงเนี่ย!
หลินซีเหวินอารมณ์เสียกับการเลือกเสื้อผ้า เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแต่ต้องแปลกใจที่ไม่ได้รับข้อความตอบกลับจากหลงจื๋อ หรือแม้แต่โทรศัพท์หรือ WeChat ก็ไม่มี
เจ้าหมอนี่!
หลินซีเหวินนอนครุ่นคิดอยู่บนเตียงว่า ตามปกติแล้วแม้หลงจื๋อจะทำเรื่องไม่เข้าท่าอยู่บ้าง แต่เรื่องการแต่งงานนี้เขาตั้งใจและจริงจังมาก ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว
ดังนั้น ในวันนี้เขาจะต้องเปิดตัวอย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรี สว่างเจิดจ้าให้เธอหน้ามืดตามัว จากนั้นให้แดดดี๊มามี๊ของเธออิจฉา
“เหอะๆจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่”
หลินซีเหวินคลานลงมาจากเตียง จากนั้นเลือกชุดขนแคชเมียร์แบบบางที่ค่อนข้างยาวปิดสะโพกลงไป สีชมพูเข้ม ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป
ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเนี่ย มุมมองเปลี่ยนไปจริงๆด้วย
“ซีเหวิน จะแต่งตัวไปอีกนานขนาดไหน นี่มันทุ่มครึ่งแล้วนะ เขาอยู่ไหนล่ะ?”
คุณนายหลินรออยู่ด้านล่างตั้ง 20 นาทีแล้ว เมื่อไม่เห็นเธอลงมาจึงได้ขึ้นไปเคาะประตูห้องด้วยตัวเอง น้ำเสียงของเธอไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่นัก
หลินซีเหวินเปิดประตูออกและยิ้มขึ้น เธอยื่นหน้าออกไป ผมยาวสลวยทัดหูและปลายผมห้อยลงมาบริเวณหน้าอก “หม่ามี๊รีบอะไรกันคะ อยากเจอลูกเขยเหรอ?”
คุณนายหลินนำมือสองข้างกอดอกแล้วจ้องไปที่ลูกสาวของเธออย่างเคร่งขรึม “อยากเจออย่างนั้นเหรอ แน่นอนสิว่าฉันต้องอยากเจอ แต่งงานกับลูกสาวฉันไม่พูดอะไรสักคำ แล้วยัง……”
คุณนายหลินกลืนความโกรธและคำดุด่าเหล่านั้นลงไป เปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “ในเมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วก็รีบโทรศัพท์หาเขาซะ”
คุณนายหลินเป็นผู้นำในบริษัทเสียจนชินแล้ว เธอไม่ชอบให้ใครมาสาย และไม่ชอบรอคอยใคร!
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หลงจื๋อยังไม่ผ่านการทดสอบด้วยซ้ำ ทุกเรื่องราวส่งผลกระทบต่อคะแนนของเขา เขาจะเป็นลูกเขยที่พ่อตาแม่ยายภูมิใจได้หรือไม่จะต้องระมัดระวังในทุกๆเรื่อง
หลินซีเหวินเองไม่กล้าต่อกรกับแม่ จึงได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟังและพูดว่า “ค่ะๆหม่ามี๊ที่รัก คุณลงไปดื่มน้ำชาทานผลไม้ไปก่อนนะคะ ฉันจะเรียกลูกเขยสุดหล่อและมีเสน่ห์ของคุณมาเดี๋ยวนี้”
คุณนายหลินเชิดหน้าทำเสียงหึๆ ในใจของเธอไม่ยอมรับคำบรรยายของหลงจื๋อที่หลินซีเหวินเอ่ยเมื่อสักครู่
หลังจากส่งแม่ของเธอลงไปแล้ว หลินซีเหวินก็รีบโทรศัพท์หาหลงจื๋อ ถ้าเขาให้คำอธิบายที่พอใจกับเธอไม่ได้เธอจะไม่ยอมง่ายๆแน่
——
“ทำไมกินข้าวถึงเหม่อลอยแบบนั้นล่ะ?”
หลงถิงและหลงจื๋อนั่งอยู่ตรงข้ามกันในห้องนั่งเล่นของห้องผู้ป่วย VIP หลงถิงคีบอาหารใส่ปากแล้วค่อยๆเคี้ยว เขาค่อยๆลิ้มลองอาหารโดยไม่รีบ
ไฟแสงจันทร์ที่ข้างถนนสว่างขึ้นตั้งนานแล้ว ด้านนอกหน้าต่างมองเห็นถนนและสะพานลอยที่เชื่อมต่อกัน
หลงจื๋อตักอาหารใส่ปากแล้วค่อยๆเคี้ยว มันไม่มีรสชาติเลย “ผมเหรอ เปล่านี่ผมแค่กินอิ่มแล้ว”
หลงถิงมองไปยังจานข้าวของเขา “เพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำก็อิ่มแล้วเหรอ ลูกไม่อยากกินข้าวกับพ่อหรือเปล่า?”
น้ำเสียงที่เขาพูดนั้นจริงจังมาก ไม่ใช่เรื่องตลกระหว่างพ่อกับลูกอย่างแน่นอน
“ไม่ใช่ครับพ่อ พวกเรากว่าจะหาโอกาสกินข้าวด้วยกันได้ไม่ง่ายเลย ผมอยากจะกินข้าวกับพ่ออย่างนี้ทุกมื้อเลยนะครับ ผมกินเร็วจะตายพ่อไม่เห็นเอง”
หลงจื๋อตักข้าวใส่ปากแล้วออกแรงเคี้ยว
หลงถิงก็ไม่อยากพูดออกมาให้ชัดเจนจึงได้กินอาหารต่อ เขาตักเนื้อแกะเปรี้ยวหวานวางลงบนจานของหลงจื๋อแล้วพูดว่า “วันนี้พ่อครัวทำแกะเปรี้ยวหวานได้ไม่เลวเลย ชอบกินก็กินเยอะๆ”
“ขอบคุณครับพ่อที่ยังจำได้”
หลงจื๋อรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เนื่องจากว่าพ่อผู้ให้กำเนิดของเขา แม้จะจำเรื่องราวเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ได้ แต่ว่าพ่อของเขานั้นไม่ได้ตักอาหารใส่จานให้เขามานานมากแล้ว อย่าว่าแต่ตักอาหารใส่จานเลย แม้แต่ร่วมกินข้าวด้วยกันก็แทบจะไม่มี
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาไม่กล้าทำตัวเป็นเด็กน้อยกับพ่อและไม่กล้าโวยวายอีกต่อไป
พ่อในสายตาของเขานั้นไม่มีด้านที่อ่อนโยนและกลายเป็นคนเย็นชาน่ากลัวไร้ซึ่งความปรานี
หลงถิงมองดูลูกชายที่กำลังกินเนื้อแกะอย่างเอร็ดอร่อยจึงยืนขึ้นและพูดว่า “ลูกชอบกินเนื้อสัตว์ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ถ้ามีเนื้อสัตว์ก็ไม่มีคนอื่นในสายตา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่กินมากที่สุดก็คือกินเนื้อตุ๋นน้ำแดงไป 2 จาน แล้วนอนร้องปวดท้องอยู่บนโซฟา”
หลงจื๋อหัวเราะออกมาเบาๆ “พ่อยังจำได้อีกเหรอ……ตอนนั้นผมยังเด็กไม่รู้เรื่องอะไร”
เขาจำได้ว่าในตอนนั้นเขาถูกพ่อรับกลับมาจากอเมริกาไม่นานเท่าไหร่ หลังจากที่ค่อนข้างคุ้นเคยกันแล้วการกินข้าวกินปลาก็ไม่ต้องระมัดระวังอีกต่อไป เนื่องจากเขาอยู่ที่อเมริกาค่อนข้างลำบากไม่เคยกินของอร่อยสักเท่าไหร่ พ่อครัวในตระกูลหลงทำกับข้าวอร่อยมาก เขาชอบกินพิเศษโดยเฉพาะเนื้อ
หลังจากที่เขากินจนปวดท้องนอนดิ้น หลงถิงก็ให้เขากินยาย่อยอาหารเข้าไป และนวดให้เขาอยู่สักพัก
“เรื่องในวันนี้ มีอะไรจะถามพ่อไหม?” หลงถิงตักกับข้าวให้ลูกชาย
หลงจื๋อหยุดเคี้ยวอาหาร แล้วมองไปยังใบหน้าผู้เป็นพ่อด้วยแก้มอันป่อง “พ่อครับ……”
“ต่อให้ลูกไม่ถามพ่อก็จะบอก เรื่องนี้พ่อเป็นคนตัดสินใจแต่ผลกระทบที่ตามมาจะต้องทำให้ลูกต้องเดือดร้อนมากแน่นอน ฟังนะ……”
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโซฟาของหลงจื๋อก็ดังขึ้น บนหน้าจอปรากฏชื่อหลินซีเหวิน
หลงถิงและหลงจื๋อหันไปมองที่โทรศัพท์นั้นพร้อมกัน
หลงจื๋อวางตะเกียบแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่สมองของเขายังหยุดอยู่ที่ประโยคสุดท้ายของพ่อเมื่อสักครู่ เขาจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะรับสายมัน “พ่อครับ ผมรับโทรศัพท์สักครู่ได้ไหม”
“ลูกและหลินซีเหวินแต่งงานกันแล้วใช่ไหม?” หลงถิงเอ่ยถามหลงจื๋อด้วยสายตาลุกเป็นไฟ เขามองหลงจื๋อออกในทันที
หลงจื๋อพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่ครับ”
ที่น่าประหลาดใจก็คือ ในครั้งนี้หลงถิงไม่ได้แสดงความยินดีที่คาดหวังให้ลูกชายของตนแต่งงานกับตระกูลหลินแบบเมื่อก่อน ในทางตรงกันข้าม เขาหรี่ตาลงแล้วถามว่า “ทำไมถึงไม่บอกฉัน? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกก่อน?”
ตุ้บ!
หลงถิงวางตะเกียบในมือลง ตะเกียบนั้นกระเด็นไปบนจาน ซึ่งทำให้น้ำมันหยดลงพื้น พื้นที่เคยสะอาดเปื้อนเป็นคราบ
หลงจื๋อตกตะลึงกับอารมณ์โกรธที่พ่อของเขาแสดงออกมา “พ่อครับ พ่อเคยสนับสนุนให้พวกเราอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นมันเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้! ตระกูลหลินในตอนนี้ แม้แต่ปลายนิ้วแกก็ห้ามแตะ!”