จี้ตงหมิงดูนาฬิกานับครั้งไม่ถ้วน บอสอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว แถมยังตัดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกอีก ไม่รู้เลยว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง!
ตอนที่พวกเขาถูกเฮลิคอปเตอร์รับมาที่นี่ พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พกเครื่องมือสื่อสารใดๆ จนถึงตอนนี้จี้ตงหมิงก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมบอสต้องเสี่ยงอันตรายเจรจาหารือกับกลุ่มอิทธิพลมืดของอังกฤษ
อยากใช้พวกเขามาเอาชนะพวกมาเฟียหรอ? ให้พวกมันแย่งผลประโยชน์กันเอง?
คนหนึ่งเป็นเจ้าพ่อของเมืองม่าน นักเลง อีกคนเป็นหัวหน้าตระกูลมาเฟียที่ใหญ่อันดับสองของอิตาลี ถ้าพวกเขาหันมาสู้ได้จริงๆ บอสก็จะสามารถหนีไปได้อย่างราบรื่น แต่ถ้าพวกเขาเลือกที่จะร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองล่ะ?
บอสจะไม่ยิ่งแย่เหรอ?
เขาอกสั่นขวัญแขวน แต่สถานการณ์ไม่อนุญาตให้เขาแสดงความคิดเห็นใดๆ
“It seems that we need more time, but I’m sure you’ll make a smart choice.” (ดูเหมือนว่าพวกเราต้องการเวลามากกว่านี้ แต่ผมเชื่อว่าคุณจะเลือกออกมาได้อย่างชาญฉลาด)
“Your biggest enemy is the Mafia, not me.” (ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของคุณคือมาเฟีย ไม่ใช่ผม)
“So what What I want is you!” (แล้วไงล่ะ คนที่ผมต้องการคือคุณ!)
หลงเซียวย่นคิ้ว
ไม่รู้จักของดี!
ในที่สุดการเจรจาที่ยืดเยื้อก็สิ้นสุดลง แสงไฟของเมืองแมนเชสเตอร์ในตอนนี้สว่างไสว ท้องฟ้าเหนือเมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยหมอก จนไม่สามารถเห็นดวงดาวได้ชัดและไม่เห็นดวงจันทร์
หลงเซียวสวมเสื้อโค้ตตัวยาวสีดำแล้วเดินออกจากห้องประชุมที่มืดสลัวด้วยสีหน้าเย็นชา ข้างนอกมีลมหนาวที่พัดเข้ามาทำให้เย็นจนถึงคอ
หลงเซียวจึงเอาปกคอเสื้อของเสื้อโค้ตขึ้นด้วยมือข้างเดียวแล้วหรี่ตา
ที่ด้านหลังชายชุดดำมองแผ่นหลังของเขาแล้วสูบซิการ์ที่เหลืออยู่
ในที่สุดจี้ตงหมิงก็หายใจได้คล่องคอ เขากระซิบพูดว่า “บอสครับ กลับลอนดอนมั้ยครับ?”
“กลับ”
“เฮ้หลงเซียว! ความจริงพวกเราเป็นเพื่อนกันได้”
ขณะที่หลงเซียวเริ่มก้าวเดิน ชายที่อยู่ข้างหลังก็ใช้ภาษาจีนที่ไม่ค่อยคล่องตะโกนออกมา ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในความมืดก็ยังคงไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน
หลงเซียวไม่ได้หยุดหรือให้คำตอบใดๆ เขาเดินตรงไปที่ลานจอดเครื่องบิน
——
“บอสครับ ทางอิตาลียังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร การไม่มีข่าวเป็นข่าวดีที่ดีสุด ดูเหมือนว่าวิธีปิดตาของเราจะได้ผลแล้ว”
บนเครื่องบินขากลับมาพร้อมกับเสียงคำรามของใบพัด จี้ตงหมิงกระซิบใช้ภาษาจีนคุยกับหลงเซียว
สิ่งที่หลงเซียวกังวลตอนนี้ไม่ใช่อิตาลี ไม่ใช่มาเฟีย แต่คือลั่วหาน
เขาสัญญาว่ากับเธอว่าจะบอกการเคลื่อนไหวให้เธอรู้ทุกวัน แต่เขาทำไม่สำเร็จ เขาหายตัวไปเกือบจะ 1 วัน 1 คืน ตอนนี้เธอน่าจะร้อนใจแย่แล้ว
“ไปถึงลอนดอนแล้วติดต่ออาหย่ง ดูว่าเขามีความคืบหน้าล่าสุดบ้างมั้ย แล้วอีกอย่าง ไปสืบมาให้ชัดเรื่องรายละเอียดของMAX ว่าเขากับราชวงศ์อังกฤษกำลังมีพฤติกรรมชั่วอะไรที่ซ่อนไว้อยู่” หลงเซียวใช้นิ้วกดที่ระหว่างคิ้ว
“MAXถึงกับพูดโอ้อวดมาว่าเขาสามารถควบคุมคนในราชวงศ์ได้ ผมรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ ผมจะตรวจสอบให้ชัดครับ”
จี้ดงหมิงพูดจบ ห้องโดยสารก็เงียบลง โดยมีเสียงใบพัดที่อยู่เหนือศีรษะเป็นเสียงพื้นหลังที่ไม่มีใครสนใจ
นักบินจดจ่ออยู่กับการขับเครื่องบินโดยเว้นช่องว่างจากด้านหลัง
คืนนี้เงียบจนน่ากลัว
เฮลิคอปเตอร์จอดลงที่ลานด้านบนของโรงแรม หลงเซียวกับจี้ตงหมิงเดินลงบันได ตอนนี้เวลาที่ลอนดอนเวลาคือห้าทุ่มกว่าแล้ว
ลมในลอนดอนหนาวกว่าเมืองม่าน
หลงเซียววิ่งจากดาดฟ้ามาที่ห้องชุดชั้นบนสุดอย่างรวดเร็วราวกับสายลม เขากดรหัสล็อกอย่างรวดเร็ว ประตูปลดล็อกเปิดออก หลงเซียวเตะประตูห้อง
ร่างสีดำเดินตรงไปที่ระเบียง โทรศัพท์ยังวางอยู่ที่ที่เขาจากไป
หลงเซียวหายใจเข้าลึกๆแล้วหยิบโทรศัพท์ที่เขาทิ้งไว้ จากนั้นก็คิ้วขมวด
เป็นไปตามคาดมีสายที่ไม่ได้รับ ข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน ข้อมูลที่ยังไม่ได้อ่านจากลั่วหาน
นอกจากนี้ยังมีสายจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
รายงานของแอนดี้รวมถึงข้อความที่ฝากไว้ของหลงจื๋อ
หลงเซียวเปิดดูข้อความของลั่วหาน “สามี ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็อย่าลืมกินข้าวนะ ตอนนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง อาจไม่สามารถรับสายคุณได้”
ข้อความถูกส่งมาเมื่อห้าชั่วโมงที่แล้ว
หลงเซียวโทรกลับหาลั่วหาน แต่กลับมีเสียงตอบกลับอัตโนมัติตอบกลับมา “ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกหาไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังผ่าตัดอีกแล้ว
หลังจากอ่านข้อความจากหลงจื๋อเสร็จ หลงเซียวก็โทรกลับหาเขา แต่กลับได้คำตอบว่าไม่สามารถติดต่อได้
ใบหน้าหล่อเหลาหม่นลง
จากนั้นหลงเซียวก็เปิดวีแชท ข้างในมีข้อความกว่าร้อยข้อความ ส่วนใหญ่เป็นข้อความจากเกาจิ่งอาน
“พี่ ฉันมาถึงเมืองเจียงเฉิงแล้ว ฉันจะไปที่ไซต์ตรวจสอบพื้นที่รื้อถอนตอนนี้”
“พี่ เจิ้งเฉิงหลินใช้เส้นให้ตู้หลิงเซวียนจริงๆ! ให้ตายสิ!”
หลงเซียวอ่านหนึ่งรอบแล้วปิดแชทสนทนา
ข้อความต่อไปมาจากจางหย่ง
“บอส อยู่มั้ยครับ?”
ข้อความนี้ส่งมาเมื่อสิบชั่วโมงที่แล้ว จากนั้นก็ไม่มีเสียงตอบรับ
หลงเซียวขมวดคิ้ว ไม่นึกว่าจะถามเขาว่าอยู่รึเปล่า? คนที่ถามคำถามนี้มักจะถูกเขาเอาขึ้นบัญชีดำถาวร
“คราวหน้าถ้าจะถามฉันว่าอยู่รึเปล่าก็ไสหัวออกไปจากรายชื่อติดต่อของฉัน”
หลังจากส่งข้อความแล้วหลงเซียวก็ถอดเสื้อโค้ตโยนลงบนพื้น เสื้อโค้ตสัญชาติอิตาลีราคาแพงกลายเป็นแค่ขยะในมือเขา เพราะมีกลิ่นนิโคตินที่แรงเกินไป
ลั่วหานไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยสูบบุหรี่ต่อหน้าเธอเลย แน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องสูบบุหรี่เพื่อคลายอารมณ์เวลาอยู่กับเธอ
แม้ลั่วหานจะไม่ได้อยู่ด้วย แต่เขาก็จะทิ้งทุกอย่างที่มีกลิ่นบุหรี่ติด
เขาถอดเสื้อผ้าที่กีดขวางแล้วโยนลงถังขยะก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ
…
จางหย่งถือโทรศัพท์ที่ร้อนมือแล้วกัดเล็บ มองไปที่อิสชาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาเศร้า
อิสซาปอกเปลือกส้มชิ้นหนึ่งแล้วเอาเข้าปาก “หลงเซียวตอบกลับล้าทำไมถึงไม่ตอบกลับล่ะ?”
จางหย่งเกาหัว “ฉันยังไม่พร้อมที่จะตาย เธอคิดหน่อยสิว่าจะตอบยังไงดี?”
อิสซากลอกตาใส่อย่างดูถูก “อนาคตไกลจริง! นายก็บอกเขาไปสิว่านายทรยศเขา บอกการเคลื่อนไหวเขาให้ภรรยารู้ เขาจะกินนายได้หรอ?”
จางหย่งหยิบส้มหนึ่งกลีบแล้วยัดเข้าปาก “เธอจะไปรู้อะไร!”
“เชี่ย! ฉันยังไม่เข้าใจ!”
อิสชากินส้มต่อ
หลังจากต่อสู้กับความกลัดกลุ้มจางหย่งก็กัดฟัน!
“เอ่อคือบอสครับ…พอดีแฟนบอสติดต่อบอสไม่ได้ เธอขอให้ผมตรวจหาตำแหน่งของบอส…ผมไม่กล้าขัดคำสั่งแฟนบอส…บอสครับผมผิดไปแล้ว! บอสจะด่าผมตีผมยังไงก็ได้ ผมรับได้ทุกอย่าง บอสครับ ผมสาบานว่าผมไม่ได้บอกเรื่องอื่นจริงๆนะครับ แล้วผมไม่ได้บอกตำแหน่งที่เจาะจงกับแฟนบอสด้วย ผมแค่ส่งที่แคปภาพหน้าจอให้เธอรู้ว่าบอสอยู่ในลอนดอน”
คำอธิบายนี้ไม่รู้ว่าจะทำให้ศพสวยกว่าเดิมมั้ย?
หลังจากให้กำลังใจตัวเองส่งข้อความออกไป จางหย่งก็โยนโทรศัพท์ทิ้งนอนขดตัวอยู่ที่มุมห้องราวกับเป็นเห็ด
อิสซาเกือบสำลักส้มตาย “ไอ้บ้า นายคงไม่มีอนาคตแล้วล่ะ!”
จางหย่งยุดปากไม่พูดอะไรแล้วกะพริบตาปริบๆอย่างน่าสงสาร
หลังจากหลงเซียวอาบน้ำเสร็จกลิ่นบุหรี่บนร่างกายก็หายไป ในห้องนั้นก็กลับเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยและเงียบเหงา
เสียงเรียกเข้าของลั่วหานยังไม่ดังขึ้น หลงเซียวมองออกไปนอกหน้าต่างหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
ก๊อกๆ
ประตูถูกเคาะสองครั้ง
“เข้ามา”
จี้ตงหมิงหอบกองเอกสารที่ปริ้นเสร็จแล้วเข้ามา “บอสครับ หลังจากงานบรรยายของคุณชายรองจบลง บริษัทก็ได้รับคำสั่งซื้อใหญ่ๆหลายคำสั่ง นี่คือวัสดุหลัก ผมจะเอาวางไว้ที่นี่ก่อน บอสค่อยอ่านหลังจากหลับตื่นแล้วนะครับ”
เพราะกลัวว่าจะขัดจังหวะการนอนในตอนเช้าจึงเอามาส่งในตอนนี้ ถ้าเขาตื่นเมื่อไรก็ค่อยอ่าน
“วางไว้เถอะ”
จี้ตงหมิงวางเอกสาร “บอสมีเรื่องอะไรอีกมั้ยครับ?”
ถ้าไม่มีเขาก็อยากรีบกลับไปนอนแล้ว
“ไม่มีแล้ว”
จี้ตงหมิงออกห้องไป หลงเซียวก็พลิกดูข้อมูลคร่าวๆก็เห็นชื่อบริษัทที่คุ้นตาหลายแห่ง
โทรศัพท์ส่งเสียงร้องและสั่นขึ้น
หลงเซียวหยิบมันขึ้นมา ดวงตาสีเข้มก็เต็มไปด้วยพายุทรายภายในเวลาสั้นๆ!
ไอ้เด็กคนนี้!
หลงเซียวปิดช่องโทร ตอนนี้เขายังอารมณ์ที่จะคิดบัญชีกับเขา รอให้เขาตื่นก่อนแล้วเขาค่อยมาจัดการ
…
เวลา 06:20 น. ตามเวลาท้องถิ่นเที่ยวบินของลั่วหานมาถึงสนามบินนานาชาติลอนดอนอย่างตรงเวลา
หลังจากลงจากเครื่องบินลั่วหานก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยของลอนดอน เมืองที่มีฝนตกและมีหมอกเยอะ แต่วันนี้กลับปลอดโปร่ง
ลั่วหานหยิบกระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องแล้วก็เข็นรถเข็นกระเป๋าไปที่ทางออกของสนามบิน
หลงเซียวอยู่ที่นี่…
เขาและเธอกำลังหายใจในอากาศแผ่นฟ้าเดียวกัน คิดได้ดังนั้นความเหนื่อยล้าของร่างกายของลั่วหานก็หายเป็นปลิดทิ้ง
เพียงแค่เพราะหวัดที่เป็นหนักยังไม่หายเป็นหนักขึ้นเนื่องจากการเดินทางไกล เธอจะต้องทำให้ตัวเองดีขึ้นก่อนเจอหลงเซียว!
ลั่วหานหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้งและยิ้มกว้างให้ตัวเอง!
แต่ทว่าก่อนที่รอยยิ้มจะจางหายไปจากหน้า ลั่วหานก็ตะลึง!
ตรงหน้าไม่ไกล ผู้ชายที่ยืนกางร่มในสายหมอก ทำไมถึง…ทำไมถึงคุ้นตาเอามากๆ!
ไม่ไม่ไม่ ไม่ใช่คุ้นตา แต่จารึกอยู่ในความทรงจำ!
หลงเซียว!
ร่างสูงสวมเสื้อโค้ตตัวยาวสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอ่อนๆที่ทำให้โลกสว่าง คนคนนั้นจะเป็นใครได้อีกนอกจากสามีที่เธอคิดถึง?
ลั่วหานจับที่จับรถเข็นยิ้มด้วยความรู้สึกผิด
เขาตรวจสอบเที่ยวบินของเธอจริงๆ ฮึ่ม เก่งจริงๆคุณหลง
พอหลงเซียวเห็นร่างสวยของลั่วหานมุมปากก็ยิ้มกว้างขึ้น เขารีบก้าวไปหาเธอที่มีกลิ่นอากาเว่
“คุณนายหลงไม่อยากจะพูดอะไรสักหน่อยหรอครับ?”
เช่นอธิบายว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ลั่วหานเงยหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น เธอยังรู้สึกทั้งประหลาดใจและดีใจ แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วยิ้มอย่างจริงจังตอบว่า “ฉันคิดถึงนาย”
หลงเซียวอึ้ง “…”
ลั่วหานยังคงคลี่ยิ้มที่มุมปากกว้างขึ้น “คิดถึง คิดถึงมากๆ”
หลงเซียวเห็นรอยยิ้มเธอก็โกรธไม่ลง เขากอดเธอไว้แน่นด้วยแขนข้างเดียว “ฉันก็เหมือนกัน”
พอสูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมดำขลับเธอ ความทุกข์ในใจของหลงเซียวก็ถูกเธอขับไล่ไปหมด
ราวกับการมาของเธอ หมอกกว่าร้อยปีได้กลายเป็นเมืองฤดูใบไม้ผลิสี่ฤดู
“คนโกหก ทำไมไม่บอกฉันว่านายอยู่ลอนดอน? แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าไปสิงคโปร์” ลั่วหานเอากำปั้นทุบหน้าอกเขา
“เรื่องมันยาว ไว้กลับฉันจะอธิบายให้ฟัง เหนื่อยแล้วล่ะสิ ฉันพาเธอไปกินข้าว” หลงเซียวจูบหน้าผากของเธอด้วยความรัก การเดินทางไกลที่ยาวนานจะต้องทำให้เธอเหนื่อยแย่
“เอาสิ เราไปกินข้าวเช้ากันก่อน ฮะฮะฮะฮัดเช้ย!”