สิบนาทีต่อมาพนักงานแผนกครัวของโรงแรมได้ส่งอาหารเช้าแบบจีนที่ทั้งมีประโยชน์และอ่อนเป็นหลักโดยมีกับข้าวสี่อย่างกับน้ำซุปอีกหนึ่งที่หลงเซียวเป็นคนสั่ง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเมนูโปรดของลั่วหาน
เค้กที่กินไปเมื่อกี้ทำให้ใกล้จะอิ่มแล้ว พอกินข้าวเช้าเสร็จเธอก็อยากจะนอน
ตามแผนเดิมนั้นเธอไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่โรงแรม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหลงเซียวก็ไม่ยอมให้เธอออกไปข้างนอก และเธอก็อยากนอนมากจึงรีบไปอาบน้ำแล้วนอนบนเตียงที่อบอุ่น
ลั่วหานเอามือทั้งสองข้างจับผ้านวม ยื่นหน้ามองหลงเซียว “ฉันนอน แล้วนายทำอะไร?”
หลงเซียวเอาเอกสารที่จี้ตงหมิงส่งมาให้เมื่อคืนมาที่ห้องนอน “ฉันเฝ้าเธอนอนหลับพลางทำงานไปด้วย”
ลั่วหานยู่ปาก “นายนั่งอยู่ตรงนี้แล้วฉันจะนอนหลับได้ยังไง? มันรู้สึกว่ามีคนอยู่เกินไป นายออกไปทำงานข้างนอกดีมั้ย”
หลงเซียวยังคงนั่งอยู่ที่โซฟาหน้าเตียงเปิดแฟ้มแล้วเริ่มอ่าน “หลับตา ไม่ต้องคิดอะไรแล้วนอนหลับดีๆสักตื่น ถ้าตื่นแล้วอาการหวัดบรรเทาลง ฉันจะเป็นเพื่อนเธอทุกที่ที่เธออยากไป ถ้าหากเธอยังเป็นแบบนี้ เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เธอเลือกเองเลย”
ลั่วหานกัดฟันด้วยความกลัดกลุ้ม “เป็นหวัดมีไข้จะกินไม่กินยาก็ต้องรออาทิตย์หนึ่งถึงจะหาย แล้วมันจะหายดีภายในครึ่งวันได้ยังไง?”
“งั้นก็ไม่ออกไปแล้วพักรักษาตัวต่อ” หลงเซียวมองแฟ้มโดยไม่เหล่มองเธอ เขาก้มหน้าลงอย่างจริงจังราวกับลั่วหานไม่อยู่
ลั่วหานแก้มป่อง “โอเคๆ ฉันนอนไปก่อน ถ้าเหงื่อออกก็อาจจะดีขึ้นได้ไวขึ้น”
พอลั่วหานหลับตาลง หลงเซียวก็เงยหน้าขึ้น พับผ้าห่มที่ข้างเท้าเธอไว้ แล้วห่อเธอไว้ในผ้านวมแน่น
ผู้หญิงบนเตียงหน้าซีดเผือด ใบหน้าผอมของเธอดูนุ่มนวลและเงียบขรึม มุมปากของเธอยกสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะเธอยังหลับไม่สนิท ขนตาของเธอจึงสั่นไหวราวกับปีกผีเสื้อ
“อย่าจ้องฉันสิ ฉันกังวลนะ มันจะยิ่งทำให้นอนไม่หลับ” ลั่วหานหลับตาลง อาจเป็นเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาที่เร่าร้อนของหลงเซียว
หลงเซียวแตะหน้าผากเธอ “ยังมีไข้อยู่เลย หนาวมั้ย?”
“ไม่หนาว นายหยุดพูด ให้ฉันค่อยๆง่วง”
มุมปากของหลงเซียวมีรอยยิ้มออกมา
พอเดินถึงหน้าต่างในห้องนั่งเล่นหลงเซียวก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
โทรกลับไปหาเบอร์เมื่อกี้
“หลงเซียวดูเหมือนว่าแกกับฉันจะต้องสู้จนถึงที่สุดแล้วล่ะ”
ปลายสายอีกด้านหนึ่งคือเสียงเย็นชาของหลงถิง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับการที่หลงเซียวตัดสายเขาถึงสองครั้งเอามากๆ!
หลงเซียวกำลังท้าทายและขู่เขา
หลงเซียวไม่เห็นเขาในสายตาเพิกเฉยต่อเขา แม้ความเคารพขั้นพื้นฐานก็ยังไม่มีให้เขาเลย
หลงเซียวขยับมุมปากเงียบๆ “ผมแนะนำให้คุณมีอะไรก็พูดมา ผมรับสายคุณไม่ได้หมายความว่าผมมีอารมณ์จะฟังคุณพูด”
“แก!” หลงถิงโกรธจนปวดขมับ พยายามจะทำให้ตัวเองสงบอารมณ์อยู่นาน “ฉันไม่สนใจว่าแกจะสาดยาเสน่ห์อะไรใส่เสี่ยวจื๋อ ฉันจะบอกแกไว้เลยนะว่าตราบใดที่ฉันยังอยู่เสี่ยวจื๋อจะไม่มีวันเป็นหุ่นเชิดของแกได้!
หลงเซียว แกยังไม่ถึงขั้นสามารถอาศัยอิทธิพลใช้เล่ห์เหลี่ยมปิดบังอำพรางมวลชนได้ อย่าคิดนะว่าจะทำอะไรก็ได้ ถ้าแกกล้าลงมือกับเสี่ยวจื๋อ ฉันจะเอาเป็นเอาตายกับแกแน่นอน”
ได้ฟังหลงถิงพูดเช่นนั้น หลงเซียวกลับใจเย็น “พูดแบบนี้ เสี่ยวจื๋ออยู่ในมือแกงั้นหรอ?”
มิน่าล่ะเขาถึงโทรหาเสี่ยวจื๋อไม่ติด ดูเหมือนว่าหลงถิงจะควบคุมเขาไว้ได้
เรื่องแบบนี้เขาก็ยังสามารถทำได้ลง
“เขาเป็นลูกชายของฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแก” หลงเซียวหวังว่าหลงเซียวจะรู้ตัวตัวเองดี ไม่ต้องมายุ่งให้มาก
หลงเซียวปิดปากเงียบ “เสี่ยวจื๋อเป็นผู้ใหญ่ แถมยังเป็นผู้ใหญ่ที่แต่งงานแยกจากครอบครัวเดิมแล้ว พฤติกรรมของคุณทำให้เกิดอาชญากรรมทางแพ่ง ต้องให้ผมเตือนคุณมั้ย ว่าคุณยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหาฆาตกรรม”
หลงถิงโกรธ “หลงเซียวนับวันแกยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆแล้ว ระวังว่าสักวันว่าจะไปอยู่ในมือใครเข้า จะตายยังไงก็ไม่รู้”
“คุณหลงครับ ถ้าเป็นเรื่องของเราสองพ่อลูก ผมให้เวลาคุณพักฟื้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะใจอ่อน”
หลงถิงหัวเราะเยาะ “หลงเซียว แกไม่คิดว่าขั้นตอนตอนนี้ของแกราบรื่นเกินไปหรือ? ลองคิดดูดีๆสิ”
พอคุยกันได้ครึ่งทางหลงถิงก็ตัดสาย
หลงเซียวมองหน้าจอโทรศัพท์คิ้วขมวด
ราบรื่นเกิน?
หลังจากวางสาย หลงเซียวก็โทรไปหาเบอร์ของเจิ้งซิ่วหยา
เจิ้งซิ่วหยานอนสะลึมสะลือ ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนเอวของถังจิ้นเหยียน พอถูกปลุกด้วยเสียงเรียกเข้าสีหน้าเธอก็เหมือนแทบจะฆ่าคนได้!
“ที่รัก รับสายให้ฉันหน่อยสิ” เจิ้งซิ่วหยาบอกถังจิ้นเหยียนด้วยน้ำเสียงอู้อี้
ถังจิ้นเหยียนเปิดไฟข้างเตียง พอเจอโทรศัพท์ของเธอกลับพบว่าเป็นเบอร์ของหลงเซียว
“หลงเซียว ดึกขนาดนี้แล้วมีอะไรหรือเปล่า?”
เขาส่งวีแชทหาลั่วหาน เขาใช้อำนาจสามีประกาศตัวทำให้เขาไม่มีอะไรจะพูดต่อ แต่ตอนนี้กลับโทรมาหาแฟนเขา
“ตำรวจเจิ้งล่ะ? ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
“ดึกมากแล้ว มีเรื่องอะไรก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ เธอนอนแล้ว” ถังจิ้นเหยียนมองไปที่เจิ้งซิ่วหยาที่หลับสนิท เขาทนปลุกเธอไม่ได้
“ได้ งั้นนายฝากบอกเธอว่าพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลหลงด้วยตัวเองหน่อย แล้วบอกไปว่าขอพบหลงจื๋อและต้องเจอตัวเขาด้วยตัวเองให้ได้ ขอบคุณนะ พักผ่อนต่อเถอะ”
“…” ถังจิ้นเหยียนยังไม่ทันตอบกลับ อีกฝ่ายก็ตัดสายไป
ห๊ะ? แปลกจริง
…
ลั่วหานตื่นขึ้นมาตอนเที่ยง การได้นอนสักงีบทำให้ดีขึ้นมาก ไข้ลดลงแล้ว อาการหวัดก็ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว นอกจากอาการไอเป็นครั้งคราว โดยทั่วไปแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
“สามี เราออกไปกินข้าวเที่ยงกันเถอะ” ลั่วหานลุกจากที่นอนก็เก็บของ พอเธอเปิดกระเป๋าเดินทางหยิบเสื้อผ้าออกมาก็รู้สึกอาย
เธอสวมเพียงแค่เสื้อโค้ตตัวใหญ่เท่านั้น เดิมมีเธอวางแผนว่าพอถึงที่นี่จะไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าสักสองสามตัว ตอนนี้เธอควรทำยังไงดี?
หรือว่าจะใส่ชุดที่ใส่ในสนามบินนานกว่าสิบชั่วโมง?
แพทย์มักจะหมกมุ่นเรื่องความสะอาดอย่างช่วยไม่ได้ เธอก็ไม่เว้น
หลงเซียวยืนพิงประตูมองเธอ “เป็นอะไรไป?”
“พวกเรากินข้าวที่โรงแรมกันเถอะ หลังกินเสร็จนายก็ไปห้างเป็นเพื่อนฉัน แบบนี้ฉันจะได้สะดวก ไม่ต้องเอาเสื้อโค้ตไป” ลั่วหานพูดอย่างจนใจหลังจากเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อคาร์ดิแกนกับกางเกงขายาว
“ไม่ต้องไปที่ห้างก็ได้ เธอลองดูว่าเสื้อผ้าข้างนอกมีตัวไหนที่เธอชอบบ้างมั้ย?” หลงเซียวส่งสัญญาณให้เธอออกมา
ที่ห้องนั่งเล่นมีไม้แขวนเสื้อขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยเสื้อกันหนาว เสื้อสเวตเตอร์ ชุดกระโปรง ทั้งแบบยาวแบบสั้นหลากสีเสื้อหลากหลายแบบ รวมทั้งรองเท้าบูตสั้นสองสามคู่
ลั่วหานอ้าปากค้าง “นายรู้ได้ยังไง?”
“ฉันเห็นว่าตอนที่เธอเปิดกระเป๋าเอาของ เธอไม่ได้เอาเสื้อโค้ตมาด้วย ฉันเลยให้เจี๋ยรุ่ยจัดการให้ ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่เจี๋ยรุ่ยร่วมงานด้วยทั้งปี” หลงเซียวหยิบสายมัดสีน้ำตาลของเสื้อโค้ตคาร์ดิแกนเทียบกับลั่วหานแล้วพยักหน้าด้วยความพอใจ
“…ขอบคุณนะคะคุณสามี วันนี้ใส่ชุดนี้เถอะ เราไปกินอาหารฝรั่งเศสกัน”
“ได้ เลือกให้ฉันสักตัว เอาแบบเดียวกับเธอ”
ลั่วหานเลือกเสื้อโค้ตสีน้ำตาลเข้มยาวปานกลางให้เขา สีและสไตล์เสื้อผ้าของทั้งสองนั้นเข้ากันได้ดีมากดูเป็นคู่รักกัน
ทั้งสองจับมือกันบนถนนในลอนดอน พวกเขาดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมาก แล้วยังสาวผมบลอนด์ตาฟ้ามากมายที่ส่งจูบให้หลงเซียว
ลั่วหานพูดอย่างเย้ยหยันว่า “นายควรใส่หน้ากากเวลาออกมานะ!”
หลงเซียวประสานมือเธอแน่น “ใส่หน้ากากก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตอนนี้ดูกันที่ออร่ากันหมดไม่ใช่เหรอ?”
“เอาแค่พอหอมปากหอมคอพอนะท่านเซียว อย่าหลงตัวเองให้มากนัก!” ขณะที่พูดลั่วหานเห็นข้างหน้าว่ามีร้านอาหารฝรั่งเศสระดับมิชลิน “ร้านนี้แหละ”
“เอาสิ”
“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าวันนี้ฉันจะจ่าย ฉันเลี้ยงข้าวนาย”
มุมปากของลั่วหานยกขึ้น เธอเดินเข้าไปในร้านอาหารพร้อมหลงเซียว
ฮีตเตอร์ในร้านอาหารอุ่นมาก เสียงเปียโนที่แสนไพเราะทำให้บรรยากาศดูมีกลิ่นอายแบบฝรั่งเศส ในร้านมีคนไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคู่รัก แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือหลงเซียว
“ให้เหตุผลฉันสักข้อสิ” หลงเซียวดึงเก้าอี้ออกให้เธอแล้วกดไหล่ให้เธอนั่ง
ที่นั่งข้างหน้าต่างทำให้เห็นสถาปัตยกรรมคลาสสิกของอังกฤษและชายชาวอังกฤษในชุดสูท ความแปลกของประเทศช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับมื้อกลางวัน
“ออกมาทำงานข้างนอก สามารถเบิกค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ ดังนั้นวันนี้นายเที่ยว กินได้มากเท่าที่ต้องการ ฉันออกเอง!” ลั่วหานตบหน้าอกตนเหมือนเป็นเจ้าถิ่น
เบิกเงิน? นั่นมันเงินของเขาไม่ใช่เหรอ?
หลงเซียวยื่นเมนูให้เธอ “เธอไม่กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดว่าฉันเป็นเด็กเลี้ยงเธอหรอ?”
“ทำไม? นายไม่เต็มใจหรอ?”
ตอนนี้ดูเหมือนจะมีกลิ่นทะแม่งๆ
“เต็มใจ เต็มใจมากๆ ใช้หน้าตาทำมาหากิน มันดีไปเลย!”
ลั่วหานสั่งอาหารฝรั่งเศสคลาสสิกสองสามอย่าง ส่วนของหวานก็เลือกเป็นมาการองฝรั่งเศส
หลงเซียวสั่งฟัวกราส์ฝรั่งเศสเพิ่ม การสั่งอาหารก็เสร็จ
“เมื่อวานเข้าชายเจมส์ถามคำถามแปลกๆกับฉัน เขาบอกว่าแม่เล่าเรื่องให้เขาฟังเรื่องหนึ่ง บทสรุปก็เหมือนกับฉากที่ปรากฏในผลงานของแม่ในหลายๆงาน เขาก็ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นกลเม็ดอะไร”
ขณะรออาหารลั่วหานพูดถึงเรื่องนี้โดยไม่ตั้งใจ
สีหน้าของหลงเซียวไม่เปลี่ยน “โอ้? สืบเจอรึยัง?”
“ยังไม่เจอ เขาบอกถ้าได้ความแล้วจะบอกฉัน”
นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ในเมื่อแม่เป็นคนเริ่มพูดเรื่องนี้กับเจ้าชายเจมส์ เธอคิดไว้แล้วว่าเจ้าชายเจมส์จะไม่เข้าใจงั้นหรอ?
“หลังจากที่เขาบอกเธอ พอบอกฉัน ฉันก็อยากรู้มาก”
พออาหารเรียกน้ำย่อยถูกเสิร์ฟแล้ว ลั่วหานก็หยิบไวน์แดงขึ้นมา “นอกจากนี้ จิ้นเหยียนยังบอกว่าล่าสุดพ่อของเขาอาจจะรู้สึกตัว คำพิพากษาครั้งที่สองของศาลอุทธรณ์ของหลงถิง ถ้าเพิ่มคำให้การของถังจงรุ่ยจะดีที่สุด”
หลงเซียวปฏิเสธเธอ แก้วไวน์แดงก็ชนกัน “วันนี้เป็นวันของเราสองคน ไม่พูดเรื่องอื่น แค่กินดื่มให้สนุกกันพอ”
“ไม่พูดเรื่องอื่น! แค่กินดื่มให้สนุก!”
ขณะจิบไวน์ โทรศัพท์ของลั่วหานก็ดังขึ้น
เป็นข่าวจากเจ้าชายเจมส์
“แอนน่าฉันเจอแล้ว! ในที่สุดฉันก็ค้นพบความลับของ หยวนอ้าแล้ว! ในรูปทั้งสามของคุณป้ามีคฤหาสน์หลังเดียวกันปรากฏอยู่ มันอยู่ที่ลอนดอน ฉันรู้จักคฤหาสน์นี้! มันอยู่นอกลอนดอน ที่นี่เคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์อังกฤษเป็นที่อยู่ของสมาชิกคนหนึ่งที่ถูกไล่!”
ลั่วหานแสดงออกราวกับว่าผู้ชายคนนี้แต่งเรื่องราวขึ้นมาใช่มั้ย?
จากนั้นเจ้าชายเจมส์ก็ส่งรูปให้เธอหลายรูป
แบ่งออกเป็นรูปที่เกี่ยวกับคฤหาสน์สามรูปและอีกรูปเป็นภาพรวมของคฤหาสน์ คฤหาสน์ขาดการซ่อมดูแลมานาน ทำให้ข้างในถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืช ดูรกร้าง
“แอนน่า คฤหาสน์นี้ไม่มีคนอยู่มานานมากแล้ว สามสิบปีเป็นอย่างน้อย แต่ฉันให้คนของฉันสืบหาสมาชิกราชวงศ์ที่ถูกเนรเทศ 555 เธอไม่ต้องมารักฉันมากเกินไปล่ะ! ผู้ชายคนนั้นชื่อว่าMax ตอนเขายังหนุ่มเขาเป็นนักการเมืองที่โดดเด่นในเวลานั้น แต่หลังจากมีข้อพิพาทในราชวงศ์ เขาก็พ่ายแพ้ไป
รอเดี๋ยวนะ ฉันจะดูให้ว่าสามารถหารูปของเขาได้ไหม ว่ากันว่าตอนMAXหนุ่มๆน่ะหล่อมาก เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่เติบโตในอังกฤษ ชื่อเสียงของเขาเกือบจะเทียบเท่าเลย”