คุณป้อนฉันเมื่อกี้เห็นว่าเธอมีความสุขมากจึงไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่ซีดของเธอ พอเธอได้ยินเธอจาม คิ้วของหลงเซียวก็ย่นอย่างชัดเจน
“เป็นอะไร? ไม่สบายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หลงเซียวเอาหลังมือตนวัดอุณหภูมิที่หน้าผากเธอ ดูเหมือนจะมีไข้เล็กน้อย ดวงตาเธอมีเลือดฝอยสีแดงซึ่งดูแล้วไม่ใช่เพิ่งจะติดเชื้อแน่
“แค่เป็นหวัดนิดเดียวเอง ฉันเอายามาด้วย เดี๋ยวไปที่โรงแรมค่อยดื่มยาแล้วกินอีกเม็ดหนึ่ง” ลั่วหานกลัวว่าเขาจะกังวลจึงพูดเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ
หลงเซียวขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีกแล้วจับรถเข็นกระเป๋าแทนเธอพร้อมตำหนิอย่างปวดใจ “ทำไมไม่อยู่บ้านรักษาตัวให้หายดีก่อนแล้วค่อยมา? บินมาตั้งสิบกว่าชั่วโมง คนที่ดีๆก็ยังป่วยได้เลย นับประสาอะไรกับเธอ?”
ลั่วหานคล้องแขนที่ถือร่มของเขาแล้วหัวเราะคิกคัก “โอเค โอเคค่ะ ท่านประธานของดิฉัน ฉันเป็นหมอนะ ฉันมีขอบเขต พวกหวัดพวกไข้น่ะเป็นแค่ปัญหาเล็กๆประจำวันเอง การมีไข้ขนาดที่พอดีสามารถช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ด้วยนะ จริงๆการไม่กินยาทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองสามารถสร้างแอนติบอดีได้ง่ายขึ้น”
หลงเซียวได้ฟังก็อยากจะต่อยคน!
“เหลวไหล ป่วยก็คือป่วย ห้ามอวดเก่ง”
ลั่วหานพยักหน้า “เอาตามที่นายบอกเลย กลับไปจะไปกินยา ดื่มน้ำร้อนเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ โอเคนะ”
ริมฝีปากบางของหลงเซียวขยับยิ้มอย่างโกรธๆ “หมอฉู่ คุณดูแลคนไข้ของคุณแบบนี้หรือ? คุณออกคำสั่งของแพทย์แบบนี้ให้คนไข้หรอ?”
“ฉันรักษาคนไข้ยังไง นายจะไม่รู้เลยหรอ? ในเมื่อนายก็เป็นหนึ่งในคนไข้ของฉันด้วย” ดวงตาที่สดใสของลั่วหานเป็นประกาย
หลงเซียวพูดไม่ออก
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเหตุผลของเธอ ดูเหมือนว่าในเรื่องการเถียงข้างๆคูๆเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ
เขาพาลั่วหานขึ้นรถ แล้วเอาของเธอใส่เข้าไปในกระโปรงหลัง กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 24 นิ้วที่ไม่รู้ว่ายัดอะไรเข้าไป มันหนักมาก กระเป๋าเดินทางธรรมดาในมือของเธอก็ยัดจนแน่นเช่นกัน เตรียมมาขนาดนี้ดูไม่เหมือนมาทำงานสองสามวัน
“เธอมาลอนดอนเพื่อมาหาฉันเหรอ? ” หลังจากขึ้นรถแล้วหลงเซียวก็สตาร์ตรถแล้วถามลั่วหานที่นั่งเช็ดน้ำมูกอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ
ลั่วหานถูจมูกไม่ให้ตัวเองจามอีก “แน่นอนว่าไม่”
หลงเซียวมองเธอไม่ได้ขยับไปไหน สีหน้าดูหงุดหงิดมาก
“ทำไม? นายคิดว่าฉันจะแอบบินไปเพื่อเจอนายหรอ? หลงเซียวนายอย่าหลงตัวเองได้มั้ย?” ลั่วหานไม่ยอมให้เขารู้ว่าเธอใช้ความพยายามมากแค่ไหนกว่าจะได้ที่อยู่ของเขามา
และจะไม่ให้เขารู้ว่าเดิมทีเธออยากให้เขาประหลาดใจ
แต่ทว่าเธอคิดไม่ถึงว่าเขาประหลาดใจแล้ว
“ยิ่งพูดยิ่งน่าโกรธขึ้นเรื่อยๆ” หลงเซียวยิ้มอย่างจนใจ ขับรถมุ่งหน้าสู่ตัวเมือง
ลั่วหานเห็นท่าทางแบบนี้ของเขาก็อารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด “วัตถุประสงค์ของฉันมาเพราะการทำงาน ในมุมมองหลักฉันถือโอกาสมาหานาย ฉันได้รับคำสั่งจากคณบดีเพื่อตรวจโรคผู้ป่วยรายหนึ่งที่ลอนดอน”
ไม่บอกเขาดีกว่าว่ามานาน มิฉะนั้นความสุขในการได้พบกันในตอนนี้จะลดน้อยลง
เธอเห็นค่าทุกนาทีที่ได้อยู่กับเขา ช่วงนี้อยู่ด้วยกันดีๆ ไม่ทะเลาะหรือปะทะฝีปากกัน ไม่พูดเรื่องที่รบกวนใจใดๆ รอจนส่งเขากลับไป เธอค่อยอธิบายทุกอย่าง
“คนไข้คนไหนที่ต้องให้เธอมาด้วยตัวเอง?”
หลงเซียวสงสัย
ปกติผู้ป่วยก็ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล เว้นแต่กรณีฉุกเฉิน 120 แถมตัวคนยังอยู่ไกลถึงอังกฤษแล้วยังใช้คณบดีหวาเซี่ยส่งลั่วลั่วมาเป็นพิเศษอีก แสดงว่าคนคนนั้นต้องมีสถานะไม่ธรรมดา
ลั่วหานกระแอม “แน่นอนว่าเป็นคนไข้ที่อันตรายถึงชีวิตไง ไม่งั้นฉันจะมาได้ไง? สภาพของผู้ป่วยไม่เหมาะสำหรับบินทางไกล และผู้เชี่ยวชาญที่มีอำนาจมากที่สุดในการรักษาโรคของเขาคือฉันภรรยาของนายไง ดังนั้นฉันจึงมาพร้อมด้วยความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง” พอพูดถึงตอนท้ายเธอก็รู้สึกภูมิใจ
“ฉันถามเธอว่าคนไข้อะไร? ชื่อ เพศ ตัวตน ที่อยู่” หลงเซียวจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างคลุมเครือ
“ชายอายุห้าสิบ เป็นนักธุรกิจ ฉันบอกข้อมูลอื่นไม่ได้ แพทย์ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพ ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยได้ หากนายถามรายละเอียดมากกว่านี้นายจะทำให้ฉันลำบากใจ”
ลั่วหานมีสายตาขี้เล่น พูดดักคำถามที่หลงเซียวกำลังจะถามออกมา
ใช้จรรยาบรรณในวิชาชีพมากดดันเขา
ดีมาก คิดว่าเขาจะต้องรู้คำตอบจากปากของเธอเท่านั้นหรอ?
“ในเมื่อสถานการณ์ของผู้ป่วยเร่งด่วนขนาดนั้น แล้วเธอไม่ต้องไปตอนนี้หรอ?”
หลงเซียวเอานิ้วแตะพวงมาลัย หลังจากคิดๆดูเขาก็คิดได้ว่าลั่วหานไม่ได้พูดความจริง
อย่างแรก ในเมื่ออาการของผู้ป่วยดูเร่งด่วน ลั่วหานที่เพิ่งลงจากเครื่องก็ควรมีคนของพวกเขามารับ
อย่างที่สอง พอลั่วหานมาถึงลอนดอน เธอควรติดต่อผู้ป่วยโดยเร็วที่สุดเพื่อเข้าใจสภาพล่าสุดของผู้ป่วย ไม่ใช่มาขึ้นรถเขา
สุดท้ายและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ลั่วหานไม่ได้แสดงอาการรีบร้อนใดๆ ในทางกลับกันเธอดูเหมือนจะมาพักร้อน
“อาการของเขาตอนนี้คงที่ชั่วคราวไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต ดังนั้นฉันจึงมีเวลาพักผ่อนเล็กน้อย ส่วนจะไปเมื่อไร ยัง ต้องรอผลการตรวจทั้งหมดของคนไข้ออกมา ขั้นตอนการตรวจเลือดมีความซับซ้อนใช้เวลาประมาณสามวัน” ลั่วหานโกหกโดยไม่มีอาการหน้าแดงใจเต้น
หลงเซียวดูออกนานแล้วว่าเธอโกหก แต่ก็ไม่ได้แฉออกมา “อืม งั้นฉันไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเธอ แต่ฉันต้องรอหลังจากอาการหวัดฟื้นตัวเต็มที่ก่อน”
พอมาถึงโรงแรม หลงเซียวก็ขนข้าวของทั้งหมดของลั่วหานเข้าไปที่ห้องชุดของตัวเอง
ห้องที่เงียบเหงาเมื่อคืนนี้เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาเพราะการมาของเธอ สิ่งของวางโชว์ทั้งหมดก็แตกต่างกัน
อุณหภูมิเครื่องทำความร้อนเต็มรูปแบบของห้องสวีทนั้นสบายมาก หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานสามารถมองเห็นสะพานลอนดอนที่เป็นสัญลักษณ์ของอังกฤษ
“เรื่องงานของนายเป็นยังไงบ้าง? ราบรื่นมั้ย?”
หลงเซียวช่วยลั่วหานถอดเสื้อโค้ตหนาแขวนไว้บนไม้แขวนเสื้อ “อืม ก็ใช้ได้ ยากกว่าที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา”
ลั่วหานเห็นว่ามีเอกสารอยู่บนโซฟาข้างๆ ทั้งหมดล้วนเป็นชื่อของบริษัทในประเทศ
“วันนี้นายจะคุยเรื่องงานอยู่ไหม? ออกไปข้างนอกหรือเปล่า?” ลั่วหานชำเลืองมองเวลา ตอนนี้เจ็ดโมงครึ่งแล้ว ถ้าเขาต้องออกไปคุยงานข้างนอก เธอก็ต้องนอนอยู่โรงแรมคนเดียว?
หลงเซียวรินน้ำร้อนให้เธอหนึ่งแก้ว “ยาล่ะ? ฉันเตรียมให้”
“ในกระเป๋า กล่องสีเขียวกินครั้งละถุง แคปซูลอยู่ที่ช่องกระเป๋าเสริมกินครั้งละเม็ด นายยังไม่ได้ตอบคำถามของฉัน”
หลงเซียวเปิดซิปกระเป๋าหยิบยาออกมา พอเห็นว่าโทรศัพท์ที่อยู่ข้างในสว่างขึ้นมา เป็นข้อความวีแชทจากถังจิ้นเหยียน
“ลั่วหานถึงลอนดอนรึยัง?”
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ของลั่วหานขึ้นมาป้อนรหัสผ่านแล้วตอบด้วยข้อความเสียง “ถึงแล้ว ปลอดภัยดี”
ส่งเสร็จก็เอาโทรศัพท์ของเธอยัดลงในก้นกระเป๋า
“วันนี้ไม่คุยเรื่องงาน อยู่เป็นเพื่อนเธอโดยเฉพาะ เธอนอนก่อนเถอะแล้วค่อยออกไปตอนบ่าย อย่างน้อยก็นอนซักสามชั่วโมงปรับอาการเจ็ตแล็ก”
หลงเซียวช่วยเธอชงยาแก้หวัดแล้วเป่าให้คลายร้อน
ลั่วหานกอดหมอนพิงโซฟา “ฉันหิว ฉันอยากกินข้าว มีอะไรอร่อยๆไหม?”
หลงเซียวส่งยาให้เธอ “ของอร่อยส่วนใหญ่จะเลี่ยน เธอเป็นหวัดควรกินอาหารอ่อนๆเป็นหลัก ฉันจะให้ทางโรงแรมทำอาหารจีนให้ น่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แต่เธอจะกินเบเกอรี่ขึ้นชื่อของที่นี่ก่อนก็ได้ ฉันสั่งแล้วเดี๋ยวคงมาส่ง”
ลั่วหานถือแก้วยา ความอุ่นของแก้วทำให้หัวใจของเธออบอุ่น
เธอทนไม่สบายใจที่บ้าน พอเธอเห็นเขาถึงรู้ว่าการป่วยก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งเช่นกัน การได้รับการดูแลความเป็นห่วงจากเขามันดีมากๆ!
ลั่วหานนอนซบลงบนหน้าอกเขาราวกับว่าไม่มีกระดูกแล้วค่อยๆดื่มยา “หลงเซียว นายทำนายโชคชะตาได้ใช่รือเปล่า? หรือว่านายมีพลังพิเศษ?”
หลงเซียวแกะแคปซูลมา 1 เม็ดแล้วเอาใส่ปากเธอเพื่อให้เธอดื่มน้ำตาม “ถ้าฉันสามารถทำนายดวงได้ ฉันจะต้องเตือนเธอก่อนที่จะเป็นหวัด ถ้าฉันมีพลังพิเศษฉันจะไม่ปล่อยให้เธอกินยาขมๆรักษาโรคแล้ว”
ลั่วหาน “…”
กล้าไม่กล้าไม่พูดแบบนี้!!
“จิ้นเหยียนสรุปมาได้ถูกต้อง นายเป็นข้อยกเว้น!”
ลั่วหานบ่นหลังจากดื่มยาเสร็จ ความจริงมันไม่ขม แต่เธอทำหน้าขมแลบลิ้นออกมาอย่างเกินจริง “เค้กล่ะ? เค้กอยู่ไหน? ยามันขมเกินไป!”
หลงเซียว “…”
ภรรยาของเขาขี้อ้อนเก่ง เขาจะพูดอะไรได้?
“เค้กยังมาไม่ถึง แต่…”
เขาโน้มตัวเอามือข้างหนึ่งประคองใบหน้าของเธอแล้วประกบริมฝีปากบางบนปากของเธอ ปลายลิ้นนุ่มๆที่ฝังอยู่ในฟันของเธอ น้ำหวานในปากของเขาไหลเข้าปากเธอ เขารู้สึกได้ถึงรสฝาดหวานอย่างประหลาดของยาที่ยังคงอยู่ที่ปลายลิ้นเธอ
“เค้กนี้ได้ผลดีกว่าใช่ไหม?”
ผ่านไปอยู่นาน เขาถึงจะปล่อยริมฝีปากที่แดงเล็กน้อยของเธอ เขาแตะที่ริมฝีปากล่างของเธอ สายตาที่อ่อนโยนทำให้เธออ่อนยวบ
ลั่วหานละลายแล้ว เอาแขนโอบคอเขาเพื่อดึงตัวเอง “อยากจะ…กินเค้กทีละคำๆจนหมด กินจนไม่เหลือ!”
หลงเซียวกลับถูกเธอจีบจนหน้าท้องส่วนล่างเกร็ง พอคำนึงถึงสภาพร่างกายของเธอ เขาตัดสินใจที่จะอดทน “อย่ามาอาศัยจังหวะที่ตัวเองป่วยมาท้าฉัน ไม่งั้นฉันจะข่มขืนแน่”
เหอะๆ
ลั่วหานอยากจะหัวเราะมากๆ!
ก๊อกๆ
พอได้ยินเคาะประตู ลั่วหานก็ผลักหลงเซียวออกแล้วยืนขึ้นราวกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับเอาแก้วเปล่าเข้าปาก
หลงเซียว “…”
หลงเซียวสั่งเค้กน้ำตาลต่ำไขมันต่ำจากแฮนเมดราชวงศลอนดอนไว้ล่วงหน้า เพราะคิดว่าเธอเดินทางไกลมาคงจะหิวจึงอยากให้เธอได้อิ่มท้อง อีกฝ่ายมาส่งที่ห้องอย่างตรงเวลา
“ชิมดูสิ”
หลงเซียวเปิดกล่องเค้ก ข้างในเป็นเครปเค้กเฮเซลนัตถั่วแครนเบอร์รี่รูปสี่เหลี่ยม แค่ได้กลิ่นมันก็ทำให้อยากกัดคำโตๆแล้ว!
ลั่วหานมองลง เธอวางมือบนเข่าโดยไม่หยิบมีดและส้อม “นายป้อนฉัน”
ส้อมในมือหลงเซียวแทบจะสั่นหลุดมือ “…ได้สิ ป้อนเธอ”
หลังจากกินเค้กไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ลั่วหานก็อิ่มได้ครึ่งท้อง เธอลูบท้องอย่างพอใจ “หลงเซียว การที่ผู้หญิงออดอ้อนนั้นดีต่อชีวิตจริงๆเลย! ถ้าฉันรู้ว่าสวัสดิการจะดีมาก ฉันจะออดอ้อนนายตั้งนานแล้ว”
หลงเซียวพบว่าตัวเองดูเหมือนจะไม่เข้าใจผู้หญิงแล้ว
“ไม่เป็นไร ตั้งแต่นี้ไปยังมีเวลาอีกหลายสิบปี เธอค่อยๆทำไป” หลงเซียวพูดปลอบเธออย่างอารมณ์ดี
ลั่วหานหัวเราะ “อย่าๆ เมื่อกี้ฉันขนลุกเลยเนี่ย จริงสิ แล้วทำไมนายไม่กินล่ะ? มันอร่อยมากจริงๆนะ แน่นอนว่าสู้มาการองที่นายทำไม่ได้นิดหนึ่ง!”
หลงเซียวมองไปที่เค้ก “ฉันไม่กินดีกว่า เก็บไว้ให้เธอ”
ครืน…ครืน…ครืน…
ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของหลงเซียวดังขึ้น
พอเห็นตัวเลขด้านบนหลงเซียวก็เลิกคิ้วแล้วตัดสาย
“ทำไมไม่ไปรับล่ะ?”
“คนไม่สำคัญ ไม่ต้องรับ”
หลังจากตัดสายไปไม่ถึง 5 วินาที โทรศัพท์ที่ยังไม่ทันวางก็สั่นอีกครั้ง
หลงเซียวยังคงเลือกปฏิเสธ