ปฏิกิริยาของหลงจื๋อนั้นใหญ่มากจนหลินซีเหวินทนฟังไม่ได้อีกต่อไป ความไม่พอใจและความโกรธที่มีต่อเขาก็หายไปหมดใจของเธอ
ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เขาโทษตัวเองต่อ ขณะที่หลินซีเหวินกำลังจะลืมตา หมอโฉเห็นดวงตาของเธอขยับจึงเดินไปบังหน้าของเธออย่างแนบเนียน “คุณชายรองครับ ซีเหวินเป็นคนดี คุณอย่าไม่รู้จักรักษา ผู้หญิงนั้นอ่อนไหวและมีความระมัดระวังมาก คุณเป็นผู้ชายคุณต้องรู้วิธีดูแลเธออย่างระมัดระวัง”
หลงจื๋อพยักหน้าอย่างตำหนิตัวเอง “ต่อไปผมจะให้ความสนใจ ขอบคุณหมอที่เตือนครับ”
หลินซีเหวินกัดฟันขาว ในใจรู้สึกหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง
เมื่อก่อนเคยคิดว่าผู้หญิงที่มีความรักส่วนใหญ่เป็นพวกงี่เง่าพิการทางสมอง พอถึงตาตัวเองถึงรู้ว่าตัวเองนั้นงี่เง่าไม่มีสมอง แต่ก็หลงใหลความลำบากนี้
“อาการบาดเจ็บที่ขาของเธอต้องดูแลรักษาให้ดี ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและโภชนาการ นอกจากนี้ช่วงนี้อย่าปล่อยให้เธอเดิน”
หลงจื๋อตอบตกลงโดยไม่คิด “ได้ครับ ผมจะดูแลเธอ ตอนนี้ผมจะอุ้มเธอไปสแกนสมองเดี๋ยวนี้”
เปลือกตาหลินซีเหวินกระตุก ปากเม้มเป็นเส้นตรง เธอสงสัยว่าตอนนี้เธอควรรีบตื่นหรือเปล่าจะได้ไม่ต้องไปทำCTสแกนจริงๆ
หมอโฉก้าวไปข้างๆ “ได้ แผนกสมองอยู่ชั้นบนคุณอุ้มเธอขึ้นไปเถอะ”
“ครับ”
“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆหมอโฉก็ถอนหายใจแรงๆอีกครั้ง “คุณชายรอง ผมมีบางเรื่องต้องเตือนคุณ ศูนย์รวมประสาทสมองของหมอหลินประมาณแปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ถูกชน ผลการตรวจอาจแย่มากๆ ที่แย่กว่านั้นคือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจทำให้ไอคิวเธอต่ำลง ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ คุณต้องเตรียมใจไว้ด้วย”
หลินซีเหวิน “…”
เชดดดด!
หมอโฉที่มักจะใจดีและอ่อนโยนโกหกได้สุดยอดมาก
คราวนี้แม้แต่เจิ้งซิ่วหยาที่ยืนอยู่นอกประตูก็สังเกตได้ว่ามันแปลกๆ หมอกระดูกคนนี้กำลังพูดจาไร้สาระอย่างเห็นได้ชัด ถ้ามันหนักหนาอย่างที่เขาพูดจริง สิ่งแรกที่หลินซีเหวินต้องทำคือการผ่าตัดสมอง ไม่ใช่นอนอยู่ในห้องทำงานของหมอหลังจากพันแผลที่ขาแล้ว
เป็นห่วงเกินเหตุอย่างที่คิด
ไอคิวตอนนี้ของหลงจื๋อน่าจะแค่ระดับป.1เท่านั้น เหอะๆๆ!
หลงจื๋อกุมมือหลินซีเหวินไว้แน่น มองเธอที่นอนอยู่บนเตียงมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก สายตาของเขาอ่อนโยนและมั่นใจ “ไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไร เธอก็เป็นภรรยาผม”
หัวใจหลินซีเหวินเต้นเร็วขึ้น เธอตื้นตันเกินคำบรรยาย
ตาโง่!
เธอควรจะมีความสุขหรือกลัดกลุ้มดี? ที่ผู้ชายของตัวเองถูกปั่นหัวจนยับเยิน!
หมอโฉกระแอม “คุณพาเธอไปตรวจได้นะ ระวังตัวด้วยล่ะ”
“ขอบคุณครับหมอ เมื่อกี้รบกวนคุณหมอแล้ว”
หมอโฉพูดอย่างกระอักกระอ่วน “เหอะๆ ไม่เป็นไร”
หลงจื๋ออุ้มหลินซีเหวินขึ้นมาอย่างระมัดระวังแล้วจัดขาของเธอวางเบาๆ เพราะกลัวว่าจะบาดเจ็บซ้ำ
หมอโฉยกนิ้วให้หลินซีเหวิน เลือกผู้ชายได้ดี ทนการทดสอบได้
พอออกจากประตูเดินไปที่ลิฟต์ หลงจื๋อมองลงคนในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง “ซีเหวิน ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่กับเธอแล้ว”
เจิ้งซิ่วหยาลูบจมูก “ฉันว่านะถ้าหมอหลินไม่ใช่หมอ เป็นนักแสดงก็ไม่เลว”
หลงจื๋อมองเธออย่างเย็นชา “ตำรวจเจิ้ง อย่าคิดว่าคุณช่วยผมแล้วจะมีสิทธิ์ล้อเลียนภรรยาผมได้”
เจิ้งซิ่วหยาพูดอย่างหงุดหงิด “คุณมันงี่เง่า! จนถึงป่านนี้ยังไม่รู้อีกหรอว่าเธอแกล้ง? กระดูกหักอะไรนั่น? สมองการกระทบกระเทือนอะไรนั่น? คุณลองดูสิ ที่ขาเธอได้ใส่เผือกไหม? ผ้าพันแผลสามารถช่วยแก้กระดูกหักได้หรอ? แล้วอีกอย่าง คุณรู้ว่าอะไรคือสมองกระทบกระเทือนไหม? ถ้าสมองถูกกระทบกระเทือนจริง หมอจะให้คุณอุ้มเธอหรอ? คงจะนอนบนเตียงเข็นไปนานแล้ว”
เจิ้งซิ่วหยาเป็นห่วงกับIQของหลงจื๋อ เธอวิเคราะห์ออกมาอย่างละเอียดและชัดเจน
หลงจื๋อตะลึง “ซีเหวิน?”
หลินซีเหวินเห็นว่าโดนจับโป๊ะได้จึงลืมตาข้างหนึ่งแล้วหัวเราะเยาะในอ้อมแขนของหลงจื๋อ “ที่รัก มาแล้วหรอ?”
สีหน้าของหลงจื๋อหม่นลง “เมื่อกี้เธอไม่ได้หมดสติไปเหรอ?”
หลินซีเหวินเกาหัว “จริงเหรอ? ฉันหมดสติไปหรอ? ฉัน…ดูเหมือนหมดสติไป แต่ว่าตอนนี้ฉันตื่นแล้ว 555+”
สีหน้าอีกด้านของหลงจื๋อเข้มขึ้น “เมื่อกี้เธอจงใจทำฉันตกใจหรอ?”
หลินซีเหวินเห็นว่าเธอเป็นฝ่ายผิดจึงรีบเปลี่ยนแผน จึงตำหนิหลงจื๋อ “ใครใช้นายปิดเครื่องล่ะ! ใครใช้ให้นายไม่ติดต่อฉัน! ใครใช้ให้นายหายไปดื้อๆ!”
หลงจื๋อเงยหน้าด้วยความโกรธ “โอเค ความผิดฉันเอง ไว้ฉันจะกลับไปอธิบายให้เธอฟัง”
“ฉันรอคำอธิบายจากนาย ทางที่ดีนายควรอธิบายให้ชัดเจน แต่ตอนนี้อุ้มพาฉันไปที่แผนกสูตินรีเวชก่อน” หลินซีเหวินพับคอเสื้อเขา ดวงตาของเธอโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว
หลงจื๋อใจเต้น “สูตินรีเวช?”
เจิ้งซิ่วหยา “…”
หลินซีเหวินกระแอม “เดี๋ยวแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ฉันจะมา ฉันจะคุยกับหมอแผนกสูตินรีเวชแล้วว่าจะใช้โอกาสนี้…แค่กๆ บอกแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ว่าฉันแท้ง”
หลงเจ๋อ “…”
เจิ้งซิ่วหยาที่ไม่รู้เรื่องมาก่อน “…”
จุดหักมุมเร็วเกินไปไหม?!
เมื่อเห็นหลงจื๋อหน้าเสีย หลินซีเหวินก็ร่าเริง “ไม่งั้นจะทำไงล่ะ? ฉันจะหาหลานให้พวกเขาได้ที่ไหน? ฉันไม่ได้ท้อง ถ้าผ่านไปอีกไม่กี่เดือนแล้วฉันคลอดไม่ได้จะทำยังไง?”
หลงจื๋อรู้สึกว่าที่เธอพูดก็มีเหตุผล แม้ว่าตนอยากจะบอกว่ามากกว่าว่า ตอนนี้ไม่มีลูกก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่มี ตราบใดที่พวกเขาพยายามก็ยังคงมีความหวังที่จะมีลูกได้
“อืม ได้”
เจิ้งซิ่วหยาเข้าใจแล้วว่าพวกเขาแต่งงานกันเพราะหลอกพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายว่าท้องก่อนแต่ง มันได้จริงๆ!
หลงจื๋อกับหลินซีเหวินไปแผนกสูตินรีเวช ภารกิจของเจิ้งซิ่วหยาสำเร็จลุล่วง ในเมื่อมาโรงพยาบาลแล้วจึงตัดสินใจแวะไปหาถังจิ้นเหยียนที่แผนกศัลยกรรมหัวใจ
“ตำรวจเจิ้ง คุณมาหารองคณบดีถังใช่มั้ยครับ?”
หมอหวังที่เพิ่งกลับมาห้องผู้ป่วยเห็นเจิ้งซิ่วหยาพอดีจึงเข้ามาทักทายอย่างอบอุ่น
เจิ้งซิ่วหยาพยักหน้ายิ้มให้อย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะหมอหวัง จิ้นเหยียนยุ่งหรือเปล่าคะ?”
หมอหวังชี้ไปที่ห้องทำงานห้องหนึ่งตรงทางเดิน “รองคณบดีกำลังประชุมก่อนจะผ่าตัด คุณรอสักครู่เถอะ”
“ได้ค่ะ!”
เจิ้งซิ่วหยาหันกลับเดินเข้าไปในห้องทำงานของถังจิ้นเหยียน ห้องทำงานนั้นสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยให้ความรู้สึกปลอดโรค ของทุกอย่างต่างมีการเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ วางไว้เหมือนกันหมดไม่น้อยเกินและไม่มากเกิน ดูเป็นระบบระเบียบมาก
แตกต่างจากห้องทำงานที่ยุ่งเหยิงของเธอ
หลังจากนั่งไปสองนาที โทรศัพท์ของถังจิ้นเหยียนที่อยู่ในลิ้นชักก็สั่น
เจิ้งซิ่วหยาสะดุ้งมากที่ถูกขัดจังหวะตอนเธอกำลังคิดเรื่องต่างๆตอนมองรูปของถังจิ้นเหยียน
ในฐานะที่เป็นแฟนของถังจิ้นเหยียน เจิ้งซิ่วหยาจึงย่อมสามารถเปิดลิ้นชักดู ข้างในมีโทรศัพท์
แอนดรอยด์ สีดำรุ่นเก่า บนหน้าจอแสดงหมายเลขโทรศัพท์จากต่างประเทศ
โทรศัพท์โบราณอะไรเนี่ย? ตกรุ่นมาตั้งหลายปีแล้ว ราคาอะไหล่ก็ตก
แต่เพราะเจ้าของโทรศัพท์ ของโบราณก็สวยเช่นกัน
เจิ้งซิ่วหยาเอาโทรศัพท์แนบหูอย่างสงสัย
เธอยังไม่ได้พูด ปลายสายก็มีเสียงชายสำเนียงภาษาอังกฤษแบบอเมริกันพูดขึ้นก่อนว่า “ถัง ฉันมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
เจิ้งซิ่วหยาขมวดคิ้ว มีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ?
“ซิ่วหยา?”
ยังไม่ทันที่คนในสายจะพูดประโยคถัดมา จู่ๆเสียงของถังจิ้นเหยียนก็ดังเข้ามาในหูอีกข้าง เจิ้งซิ่วหยาเงยหน้าขึ้น ในขณะเดียวกันโทรศัพท์ก็วางสายแล้ว