บทที่ 1004 ให้สาวสวยตายไปพร้อมคุณ
“เซียวเอ๋อ ความหวังที่แม่หวังมากที่สุดก็คือขอให้นายปลอดภัย และปราศจากจากสิ่งสกปรกทั้งหลาย”
มือของหยวนชูเฟินข้ามโต๊ะไปจับที่มือของหลงเซียวอย่างสั่นๆ เธอจับมือเขาไว้แน่นๆ และกำนิ้วมือของเขาไว้แน่นๆ เห็นเส้นเลือดที่หลังมือที่ผอมแห้งของเธอได้อย่างชัดเจน
หลงเซียวจับมือเธอไว้เช่นกัน
ปลอดภัยและปราศจากสิ่งสกปรกทั้งหลาย
เขาคงทำไม่ได้
สายตาของหยวนชูเฟินมองไปที่ใบหน้าของลูกชาย วินาทีนั้นราวกับว่าข้ามภพเวลากลับไป กลับไปถึงเมื่อก่อนที่นานมาแล้ว ความหวังในใจของเธอที่เธอทำไม่สำเร็จ
ความผิดที่เธอทำขึ้นมาเอง ตอนนี้คงทำได้แค่ทิ้งมันไว้ให้ลูกชายแล้วล่ะ
“เซียวเอ๋อ รับปากแม่นะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่าท้าทายอำนาจของกฎหมาย อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยว รับปากแม่นะว่านายจะเป็นนักธุรกิจที่ บริสุทธิ์ อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสภาวะอันตราย รับปากแม่ได้ไหม?”
ดวงตาของหยวนชูเฟินเต็มไปด้วยน้ำตา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังนั้นมองไปที่เขาอย่างไม่กะพริบตา
ลูกชายเป็นความปรารถนาเดียวของเธอ หลายๆ สิ่งที่ผ่านๆ มาเธอไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ สิ่งที่เธอทำได้ก็คือห้ามไม่ให้มันผิดไปมากกว่านี้
คำพูดเหล่านี้ของเธอไปสะกิดที่ใจของหลงเซียว เขาหลังตึงขึ้นมา ลิ้นแข็งจนพูดอะไรไม่ออก
“เซียวเอ๋อ นายรับปากฉันได้ไหม?”
ผ่านไปนานมาก เสียงของคุณแม่ก็ถามขึ้นมา มันหยุดความคิดของหลงเซียวไว้
“ผมรับปากครับ”
เพื่อให้คุณแม่วางใจลง เขาทำได้แค่รับปาก
หยวนชูเฟินวางใจลงได้สักที เธอถอดหายใจออกอย่างโล่งอก ดวงตาที่โค้งงอขึ้นทำให้เห็นตีนกา “ถ้าอย่างงั้นก็ดีเลย แม่เชื่อในตัวนาย นายทำได้อย่างแน่นอน”
หลงเซียวไม่ได้ตอบ เขายังคงเงียบและทำสีหน้าท่าทีเหมือนตอนแรก
เมื่อเธอได้รับคำรับปากจากลูกชาย หยวนชูเฟินก็เช็ดน้ำตาตรงหางตาออก แล้วเริ่มดูภาพวาดพวกนั้น
“เรื่องนี้ต้องพูดตั้งแต่ที่พ่อของนายเริ่มทำธุรกิจเมื่อ30ปีก่อน ตอนนั้นเป็นฤดูร้อน ลอนดอนร้อนมาก ฉันกำลังเรียนวาดรูปอยู่ในโรงเรียน หลังจากนั้น…..”
เธอถอดหายใจออกยาวๆ แล้วความคิดเธอก็กลับเข้าไปในความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว…….
เมื่อ30ปีก่อน ณ ลอนดอน มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
หยวนชูเฟินสวมชุดเดรสยาวสีขาว กำลังวาดรูปอยู่ริมสะพานหิน เธอกำลังใช้ดินสอวาดภาพวัดความใกล้และสัดส่วนของภาพที่จะวาด แสงแดดส่องลงบนใบหน้าที่งดงามและสดใสของเธอ ขนตาของเขาส่องสองวิบวับตามแสงพระอาทิตย์ส่อง
เพียงแค่เธอนั่งลงบนพื้นหญ้าที่เขียวขจีนี้ มันก็กลายเป็นภาพวาดที่สวยงามแล้ว
เธอวัดสัดส่วนของภาพจนเสร็จสิ้น ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าเตรียมลงมือวาดภาพนั้น มีเงาร่างดำมืดปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เงาดำที่มืดมิดนั้นบังแสงพระอาทิตย์ที่สอดส่องมาเมื่อสักครู่ไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงเงามืดที่ปรากฏขึ้นบนกระดาษวาดภาพที่ขาวสะอาด
หยวนชูเฟินเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง เธอมองเห็นภาพหน้าที่ย้อนแสง
อีกคนอยู่ในจุดย้อนแสงจึงมองเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัด แต่มองจากเงาร่างแล้วสามารถเห็นส่วนสูงและสรีระร่างกายของเขาได้ เขาสูงมาก ค่อนข้างผอม มีกลิ่นหอมของโคโลนโชยมา
“คุณเป็นใคร?”
หยวนชูเฟินกัดริมฝีปากไว้แล้วถามชายคนนั้นด้วยความหวาดระแวง ในขณะเดียวกันเธอก็มองไปรอบๆ ตัวด้วย เมื่อเกิดเหตุจำเป็นขึ้นเธอก็จะร้องขอความช่วยเหลือทันที
ชายคนนี้มิได้โจมตีเธอ แต่เขาเพียงแค่ยิ้มออกมาอ่อนๆ จากในมุมมืดๆ เขาพูดด้วยภาษาอังกฤษที่ติดสำเนียงบริติชว่า “คุณคือแฟนสาวของมู่เส้าเอินใช่ไหม?”
เมื่อหยวนชูเฟินได้ยินคำว่ามู่เส้าเอินเธอก็เกร็งขึ้นมา “เส้าเอินล่ะ?”
“เขาสบายดี แค่……..มีปัญหาเล็กน้อย”
หยวนชูเฟินทำตาโต เธอกำดินสอวาดภาพไว้แน่น “มีปัญหาอะไร?”
ชายคนนั้นยิ้มราวกับมันไม่มีอะไร “คุณมู่เส้าเอินเป็นแขกของผม แต่เหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยชอบอาหารเที่ยงที่ผมเตรียมไว้ให้สักเท่าไหร่ คุณน่าจะรู้ว่าเขาชอบอะไรใช่ไหม?”
หยวนชูเฟินยืนขึ้น แล้วถอยหลังไปครึ่งก้าว ขณะเดียวกัน เธอได้เห็นใบหน้าของชายคนนี้อย่างชัดเจน
ใบหน้าของเขาดูดี ดวงตาสีฟ้าที่สวยงามคู่นั้นอยู่ตรงส่วนลึกใต้คิ้ว ริมฝีปากที่บางเบาของเขาดูเหมือนว่ากำลังยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ได้ยิ้ม เขาเผยราศีของวงตระกูลผู้ดีออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า
โดยเฉพาะบุคลิกที่มั่นใจในตัวเองของเขา แม้ไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ออกมาแต่ก็มากเพียงพอที่ทำให้คนแหงนมองเขา
เมื่อหยวนชูเฟินคิดถึงเรื่องนี้ สายตาของเธอจากที่เหม่อลอยก็แน่วแน่ขึ้นแล้วมองไปที่ลูกชาย “ฉันคิดว่านายก็คงรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร เขาก็คือMAXก่อนที่จะเสียโฉม”
หลงเซียวคิดถึงเขาอย่างที่พูดจริงๆ “แล้วหลังจากนั้นล่ะ? แม่ไปกับเขาเหรอ?”
หยวนชูเฟินพยักหน้าด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ใช่ ฉันไม่กล้าเอาชีวิตพ่อนายมาเสี่ยง ตอนนั้นฉันยังเด็กเกินไป ยังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ และขี้กลัวมากเกินไป”
หลงเซียวส่ายหัว “มันไม่ใช่ความผิดของคุณ”
หยวนชูเฟินขึ้นรถตามMAXไป รถขับไปเรื่อยๆ จนถึงชนบทของลอนดอน ผ่านไป1ชั่วโมงกว่าๆ เธอถึงจะเห็นจุดหมายปลายทาง
เป็นวิลล่าหรูหราแบบส่วนตัว
ตอนนั้นMAXออกจากวงการการเมืองมาแล้ว ชื่อเสียงของเขาไม่ดังเท่าเมื่อก่อน แต่ด้วยหน้าตาและตำแหน่งที่เขาเคยดำรง ก็ยังคงมีคนคอยประจบเขาอยู่มากเช่นเคย
เพราะฉะนั้นตอนนั้นหยวนชูเฟินไม่ถือว่าแปลกหน้าเขามาก สามารถเห็นข่าวเกี่ยวกับเขาบนหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ มันก็ยากที่เธอจะไม่รู้จักเขาเลย
“เชิญด้านในครับ”
MAXเชิญเธอเข้าไปในบ้านอย่างสุภาพ
กิริยาท่าทางของเขาดูสุภาพและสง่า แต่ความอันตรายที่เผยออกมานั้นกลับทำให้หยวนชูเฟินรู้สึกหนาวเหน็บในใจ เธอเหงื่อออกที่หลังทันที
“เขาอยู่ไหน? เส้าเอินอยู่ไหน?”
เมื่อเข้าบ้านมา หยวนชูเฟินก็ตามหามู่เส้าเอินอย่างรีบร้อน แต่ภายในห้องรับแขกที่กว้างใหญ่นี้กลับไม่เห็นเงาคนเลย
วิลล่าหลังนี้ใหญ่ แต่มันกว้างมาก เธอขนลุกที่แขนทั้งสองข้าง แม้ว่าจะเป็นเดือนมกราคมที่ร้อนมาก แต่เธอก็รู้สึกหนาวจนตัวสั่น
MAXยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างเยือกเย็น “คุณเป็นห่วงเขามากจริงๆ ด้วย แสดงว่าผมมองคนไม่ผิด”
หยวนชูเฟินกัดฟันไว้แน่น แล้วเงยหน้ามองเขาด้วยความโกรธ “เขาอยู่ไหนกันแน่?!”
MAXยื่นมือชี้ไปที่ชั้นสองอย่างไม่เร่งรีบ “อยู่บนนั้น”
หยวนชูเฟินรีบวิ่งขึ้นไป เธอเห็นมู่เส้าเอินในห้องนอนห้องใหญ่ที่เปิดประตูไว้
เขาใส่เสื้อสูทตัวเดิมกับที่ใส่ออกมาในตอนเช้า เขาบอกว่าเขาจะมาคุยเรื่องงาน ตอนที่เขาออกจากบ้านมาเขาสง่าและดูดี
แต่ตอนนี้ ดวงตาที่อยู่หลังแว่นของเขากลับดูหม่นหมองเล็กน้อย
“เส้าเอิน! คุณไม่เป็นไรใช่ไหม!”
หยวนชูเฟินวิ่งเข้าไปเช็คดูว่ามู่เส้าเอินเจ็บตรงไหนไหม เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไม่เป็นอะไรเธอก็โล่ง อก
มู่เส้าเอินกระตุก เขารู้สึกเศร้าใจมาก!
“อาเฟิน คุณ……คุณมาที่นี่ได้ยังไง? พวกเขาลักพาตัวคุณมาเหรอ?”
มู่เส้าเอินกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขนตัวเองด้วยความกังวลใจ เขารู้สึกได้ว่าเธอตัวสั่นไปทั้งตัว
“ไม่ได้ถูกลักพาตัวมา MAX…….เขาให้ฉันมาหานาย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ดวงตาที่ไร้เดียงสาของหยวนชูเฟินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอจับปกเสื้อของมู่เส้าเอินไว้ไม่กล้าปล่อย
“เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ”
MAXปรบมือสามที เขายืนอยู่หน้าประตู “เป็นภาพที่น่าซึ้งใจยิ่งนัก ผมจะซึ้งใจไปกับพวกคุณแล้วนะ”
มู่เส้าเอินมองไปที่เขาด้วยสายตาโกรธแค้น “ปล่อยเธอไป เรื่องระหว่างเราสองคนมันไม่เกี่ยวกับเธอ”
MAXก้าวเท้าเดินเข้าไป เขาเดินวนรอบเขาสองคนที่กำลังกอดกันอยู่ “จากที่ผมเห็นนะ มันเกี่ยวข้องกันมากเลยนะครับ มู่เส้าเอิน นายเป็นคนที่จัดการยาก ปากแข็ง ใจกล้า แต่เหมือนว่านายจะลืมไปว่า นายยังมีผู้หญิงของนายอยู่ นายคิดดูซิว่า ถ้าผมกรีดใบหน้าที่สวยงามดั่งดอกไม้ของผู้หญิงคนนี้ หรือว่าทำให้ขาเธอหักสักข้างหนึ่ง เธอจะยังสวยขนาดนี้อยู่ไหมนะ?”
MAXใช้นิ้วที่เรียวยาวของเขาดันคางของหยวนชูเฟินขึ้นมา ฟันของเขาค่อยๆ เผยออกมาพร้อมรอยเย็นที่ดูเยือกเย็น
“ถ้านายกล้าทำอะไรเธอล่ะก็ เราสองคนจะต้องตายพร้อมกัน”
กล้ามเนื้อส่วนหน้าของมู่เส้าเอินกระตุก ความโกรธที่ปรากฏขึ้นตรงมุมปากของเขาทำให้ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวไปด้วย
MAX ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย “มู่เส้าเอิน นายลองพิจารณาดีๆ ดีกว่า ร่วมมือกับผม ต่อไปนายก็จะรุ่งโรจน์ และเป็นใหญ่ในลอนดอน จะไปหาอย่างราบรื่นระหว่างนิวยอร์กและลอนดอน ผมจะทำให้คุณกลายเป็นผู้ดีคนใหม่ที่มีอำนาจมากในวอลสตรีท ไม่เกิน5ปี ไม่สิ 3ปี ผมรับรองว่าจะให้เมืองธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งยุโรปและเอเชียตะวันออกกับคุณ”
มือของเขาจับคางของหยวนชูเฟินไว้อย่างแรง “มิเช่นนั้น ผมจะให้สาวสวยคนนี้ตายไปพร้อมคุณ