บทที่1009 ไอคิวโดนสุนัขกินไปแล้วครึ่งหนึ่ง
หลินเค่อเฟย : “…….”
คำอธิบายนี้…..
แม้ว่าพูดไม่ออกว่ามันไม่ดีตรงไหน แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ดี
ลางสังหรณ์ของเธอแม่นมากจริงๆ แต่ลางสังหรณ์ไม่ใช่ทุกอย่าง เราสู้คดีต้องมีหลักฐานชัดเจน เรามีหลักฐานที่หนักแน่นมากพอ จึงจะทำให้ผู้พิพากษาเชื่อได้
แค่คำว่าลางสังหรณ์ มันเท่ากับว่าเราไม่มีอะไรเลย
“แต่ฉันรู้ ว่าไม่มีใครเอาลางสังหรณ์ไปเป็นหลักฐาน” rose ยิ้มเพราะพูดเยาะเย้ยตัวเอง แล้วเธอก็ดูเอกสารต่อ
แต่ว่าคำพูดของเธอเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ มันร่วงอยู่ในใจของหลินเค่อเฟยแล้วค่อยๆ ฝังรากและแตกใบออกมา เขาอดที่จะคิดไม่ได้ ว่ามันเป็นแค่นี้อย่างที่เห็นจริงๆ หรือ?
ใช่ที่เมื่อมองผิวเผินแล้วมันดูไม่ธรรมดามากๆ
และในขณะที่เขากำลังลังเล โทรศัพท์ของหลินเค่อเฟยก็ดังขึ้น
คนสำคัญของคดีนี้โทรมาพอดี
“โทรศัพท์ของหลงเซียว” หลินเค่อเฟยพูดอย่างใจเย็น
Roseไม่ได้มีปฏิกิริยาที่พิเศษอะไร เธอแค่ถือเอกสารไปที่ห้องทำงานใหญ่อย่างรู้งาน แล้วนั่งศึกษาต่อบนโซฟา
ยิ่งดูเอกสาร เธอยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ แต่ถูกกั้นด้วยหมอกหนาๆ อยากมองเห็นแต่ก็มองไม่เห็น
เป็นความรู้สึกที่แบบเส้นผมบังภูเขาจริงๆ
ทางนี้หลินเค่อเฟยรับโทรศัพท์ของหลงเซียวแล้ว
“คุณหลงครับ เชิญพูดได้เลยครับ”
หลงเซียวมาถึงที่สนามบินแล้ว เขาเดินเข้าไปในห้องเทอร์มินอลธุรกิจโดยตรง คนของบริษัทสายการบินรินกาแฟให้เขาโดยเฉพาะ ลูกค้าระดับสุพรีมได้รับการบริการที่ต่างจากลูกค้าธรรมดา
ห้องส่วนตัว มีแค่หลงเซียวและจี้ตงหมิงสองคน จี้ตงหมิงถือโน๊ตบุ้คไว้แล้วก้มหน้าดูเอกสารที่ทางบริษัทส่งมา
“ทนายหลินครับ คืนนี้เรามาเจอกันหน่อย”
“พอดีเลยผมมีจุกสงสัยหลายจุดที่อยากจะคุยกับคุณ 8โมงเย็นได้ไหมครับ?” หลินเค่อเฟยมองดูนาฬิกา ตอนนี้5โมงครึ่งแล้ว
“โอเค 8โมงเย็น ผมจะไปที่สำนักงานกฎหมายของคุณ”
“คุณกินข้าวหรือยังครับ?” หลินเค่อเฟยได้ยินเสียงประกาศสายการบิน เขาจึงคิดว่าหลงเซียวน่าจะอยู่ที่สนามบิน
อาหารเย็น?
ตอนแรกหลงเซียวตัดสินใจไว้ว่าจะไปคุยเรื่องงาน เรื่องกินข้าวไม่รีบ
แต่ว่าเสียงของลั่วลั่วก็ดังขึ้นข้างหู เขาต้องเชื่อฟังภรรยา
“8โมงเย็นที่ร้านอาหารหรงเหยียน ผมเลี้ยงข้าวคุณ” หลงเซียวเปลี่ยนจุดนัดพบ พอดีเลยจะได้กินข้าวพร้อมกัน เขาไม่ได้กินอะไรดีๆ มาทั้งวันแล้ว
“โอเค ผมจะไปก่อน”
ร้านอาหารหรงเหยียนเป็นร้านที่ดี หลินเค่อเฟยเองก็เป็นลูกค้าVIPของที่นั่น เขาสามารถจองโต๊ะได้เลย
แต่ว่าเขายังไม่ทันได้โทร ข้อความของร้านอาหารหรงเหยียนก็ส่งมา
“คุณหลินที่เคารพคะ ห้องของคุณและคุณหลงเซียวอยู่ที่ห้องLaurel
เมนูอาหารเราเตรียมไว้ให้ท่านแล้วค่ะ โปรดเลือกเมนู”
หลินเค่อเฟยหัวเราะ
………
“บอสครับ หวังเค่ยส่งอีเมลไปที่อีเมลของบอสครับ”
จี้ตงหมิงย่อภาพหุ้นให้เล็กที่สุด แล้วเอาโน๊ตบุ้คให้หลงเซียว
หลงเซียวเปิดอีเมลมา เนื้อหาคือข้อมูลของMAXที่เขาให้หวังเค่ยสืบมา
แต่ว่า ตอนนี้อีเมลนี้ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่แล้ว
เรื่องที่ควรรู้และเรื่องที่ไม่ควรรู้ เขารู้ทุกอย่างแล้ว
แต่เมื่อเห็นในนั้นแนบรูปมาด้วย หลงเซียวก็เลือกที่จะโหลดไฟล์
เป็นไปตามที่คิด ในรูปนั้นเป็นใบหน้าหนุ่มหล่อที่ดูดี ว่ามองในมุมมองของผู้ชาย หลงเซียวเองก็เห็นด้วยกับคำชมที่ผู้คนมีให้กับเขา
MAX มีใบหน้าที่หล่อจนสามารถเป็นปัญหาให้กับประเทศและประชาชนได้ แค่จุดนี้ก็สามารถช่วยให้เขาราบรื่นกว่าคนอื่นๆ ในวงการการเมืองแล้ว ก็ไม่แปลกที่เขาได้รับตำแหน่งใหญ่ๆ มาตั้งแต่ยังหนุ่ม
หึ!
ตอนนั้นก็ยังเป็นสังคมที่ดูหน้าตากันอยู่
เขาปิดรูปลง หลงเซียวดูข้อมูลผ่านๆ
วันเดือนปีเกิดของMAX การศึกษา การผันเปลี่ยนของตำแหน่งงาน เรื่องใหญ่เรื่องเล็ก แม้แต่เรื่องส่วนตัวบางอย่างก็เขียนไว้อย่างละเอียด
แต่……..
มีแค่คนในครอบครัวที่ไม่มีข้อมูล
พ่อแม่ : ว่างเปล่า
พี่น้อง : ว่างเปล่า
ถูกคนลบทิ้งไป
หวังเค่ยยังใส่หมายเหตุมาด้านล่างอีกว่า : “ท่านประธานครับ ผมสืบหาข้อมูลสมาชิกในครอบครัวของMAX ไม่ได้ครับ เรื่องที่เกี่ยวกับการเกิดของเขาไม่มีข้อมูลให้สืบเลยครับ ผมจะพยายามและหวังว่าจะได้มีผลครับ”
นิ่วที่เรียวยาวและขาวอิ่มของหลงเซียเคาะไปที่คีย์บอร์ด กดลงเบาๆ แต่ไม่ได้พิมอะไรออกมา
ไม่มีสมาชิกครอบครัว?
อาจจะมีสองเหตุผล
หนึ่ง Max กำลังปกป้องความเป็นส่วนตัวของคนในครอบครัว ไม่อยากให้มีบุคคลภายนอกไปรบกวนชีวิตของพวกเขา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ตามมาจากสถานะของเขา
สอง เขาโกรธแค้นคนในครอบครัวของตน จนถึงขั้นที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขาเกิดมายังไง
แล้วมันเป็นแบบไหนกันแน่?
ตอนนี้ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรู้ได้
หลงเซียวปิดโน๊ตบุ๊ค แล้วก็มีสายตามสายประกาศพอดีว่าไฟล์ทบินของพวกเขากำลังจะบิน
จี้ตงหมิงเก็บโน๊ตบุ้คเข้ากระเป๋า “บอสครับ วันนี้ตอนปิดตลาดหุ้น ราคาหุ้นของMAxไม่เปลี่ยนแปลงครับ แต่ว่าหุ้นของบริษัทหลันเทียนเพิ่มมา3เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นอย่างมากครับ”
หลงเซียวเดินอย่างชิวๆ เงาร่างที่เรียวยาวโกบเอาลมกลิ่นหอมของโคโลญขึ้นมา “ยังไม่ต้องไปสนใจเขา”
พอคำนวณเวลาแล้ว เกาจิ่งอานคงจะเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้ว
“ครับ โครงการในเมืองเจียงเฉิงกำลังเข้าสู่ช่วงที่ดุเดือดที่สุดแล้ว มีบริษัทหลายสิบแห่งร่วมประมูล เกาจิ่งอานจะจัดการได้ไหม? แค่ตู้หลินเซวียนคนเดียวก็จัดการยากแล้ว”
จี้ตงหมิงค่อนข้างกังวล
เขาคิดว่า เกาจิ่งอานยังไม่มีความอดทนที่สามารถสู้กับคู่แข่งอยย่างตู้หลินเซวียนได้
“ถ้าเกาจิ่งอานจัดการไม่ได้ เขาต้องหาคนช่วยอย่างแน่นอน”
ดวงตาที่ไม่อาจคาดเดาได้ของหลงเซียวเผยออร่าแห่งความฉลาดออกมาอย่างสงบ
——
หลงจื๋อยังยุ่งดูแผนการดำเนินงานในขุ้นตอนแรกของโครงการอยู่ที่บริษัท หลงถิงมองงานด้านการเงินให้เขาจัดการ เขาปวดหัวมาก
เขาไม่ได้ชอบอสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้าเป็นการเงิน…..
เขาเองก็ไม่ได้ชอบมาก เขาเรียนด้านการเงินและการจัดการธุรกิจที่เมืองนอก แต่การเงินเขาเรียนเพียงแค่ผิวเผิน พอต้องใช้จริงๆ ก็โกรธที่มีความรู้น้อยเกินไป
ประประชุมจบไปแล้ว หลงจื๋อกำลังสงสัยว่าไอคิวของตัวเองโดนสุนัขกินไปแล้วครึ่งหนึ่งรึเปล่า ครึ่งหนึ่งใหญ่ๆ เลย
ขณะที่เขากำลังวุ่นวายและปวดตัวอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หลงจื๋อไม่ได้มองก็รับแล้วหนีบโทรศัพท์ไว้ข้างหู “ว่ามา”
อีกฝั่ง เสียงของเกาจิ่งอานยิ้มแย้มมีความสุข “ น้องครับ คิดถึงพี่ชายหรือยัง?”
มือที่กำลังเซ็นเอกสารอยู่ของหลงจื๋อก็หยุดลงมา ใบหน้าที่หล่อเหลาก็เปลี่ยนไปทันที “มีเรื่องอะไร?”
เขาไม่ได้ตอบกลับอย่างเป็นมิตรมากนัก พี่ชายรองที่ไปเก็บมาจากข้างทางยังไงก็สำคัญสู้พี่ชายใหญ่ไม่ได้หรอก
เกาจิ่งอานมาถึงที่เมืองเจียงเฉิงแล้ว เขาเตรียมตัวรับมือกับประเปิดประมูลอย่าสุดฝีมือ เขานั่งอยู่ให้ห้องของโรงแรม เมื่อฟังสิ่งที่เลขาพูดถึงตู้หลินเซวียนแล้ว เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
“อืม ครั้งนี้มีเรื่องจริงๆ เรื่องจริงจัง”
เขาตั้งใจเน้น แสดงว่าเขาเองก็รู้ว่าภาพลักษณ์ของตนในหัวของหลงจื๋อมันไม่ดีเท่าไหร่
“เรื่องอะไร? ว่ามา”
หลงจื๋อขมวดคิ้ว บ้าเอ๊ย นี่มันอะไรกัน? ทำไมอยู่ดีๆ ก็มีคำศัพท์เฉพาะที่เขาไม่รู้จัดโผล่ออกมา
“นายมีเพื่อนที่เมืองเจียงเฉิงไหม? แบบที่สนิทมากๆ ชนิดที่สามารถยอมเสียสละให้นายได้” เกาจิ่งอานจริงจังมาก
“ทำไม? จะเล่นอะไร? ผับผมไม่ค่อยรู้จัก เพื่อนผมก็ไม่ค่อยสนิท ย่านสีแดง (ซ่อง) ผมยิ่งไม่รู้จักเลย ถ้าเป็นงานปล้นงานกระทืบคนก็อย่าหาผมดีกว่า”
ความรู้สึกแรกของหลงจื๋อคือเกาจิ่งอานจะทำเรื่องไม่ดี!
เกาจิ่งอาน “………”
นี่เขาสร้างภาพลักษณ์แบบไหนไว้กันแน่เนี่ย!
“นายพูดอะไรบ้าๆ เนี่ย? พี่ชายดูเป็นคนแบบนั้น……..หรือ? อย่างน้อยตอนนี้ไม่ใช่!”
หลงจื๋อ “……..”
นายมีความสุขก็พอแล้ว อธิบายยังไงก็ได้
“พี่เข้าร่วมการประมูลของการรื้อถอนของเมืองเจียงเฉิง หนังสือประมูลของเขาแก้ไปแล้ว3รอบ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว…….ช่วยพี่หน่อยสิ” น้ำเสียงของเกาจิ่งอานเป็นมิตรมาก
หลงจื๋อ “……..คุณอยากได้โครงการนี้มา คุณก็ไปแย่งมาด้วยความสามารถตัวเองสิ มาหาผมทำไม?”
เกาจิ่งอาน “…….”
ไอ้บ้าเอ๊ย!
อดทน เรามีเรื่องต้องขอให้เขาช่วยเหลือเราต้องอดทน
“หึหึหึ เพราะว่าพวกเรามีศัตรูคนเดียวกันไงล่ะ ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของพี่คือตู้หลินเซวียน และสาวของเขาเจิ้งซิน แล้วนายคิดว่าพี่จะหานายทำไมล่ะ?”
ตู้หลินเซวียนกับเจิ้งซิน?
หลงจื๋อนั่งยืดหลังตรง แล้วจับโทรศัพท์ไว้ดีๆ “ต้องการให้ผมทำอย่างไรบ้าง?”