ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 1058

ตอนที่ 1058

บทที่ 1058 จับมือกับหลงเซียวเถอะ

หลงเซียวไม่ได้ออกหน้า จี้ตงหมิงเป็นตัวแทนคุณลักษณะของเขาครบทุกด้าน ลงนามสัญญาการซื้อขายกับหลินซีเหวิน ที่ลงนามในขณะเดียวกันยังมีสัญญาที่หลงเซียวซื้อหุ้นกิจการบริษัทหลินซื่อ

สัญญาสองฉบับที่เพิ่งเซ็นต์ชื่อเสร็จยังมีไอร้อนลอยออกมาถูกจี้ตงหมิงใส่เข้าไปในกระเป๋าเอกสาร ยื่นมือด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นพิธี “คุณหลิน ยินดีที่ได้ร่วมเซ็นต์สัญญากันครับ”

หลินซีเหวินปิดปลอกปากกาเซ็นต์ชื่อโลหะเข้าหากันอย่างเชื่องช้า ในใจรู้ว่าชื่อหากเซ็นต์ลงไปแล้ว กระดาษสีขาวตัวหนังสือสีดำก็จะมีผลทางกฎหมาย คิดเสียใจในภายหลังจะเปลี่ยนแปลงอีกก็คือผิดสัญญา ต้องดำเนินการชดเชยสิบเท่าตามเงื่อนไขที่อยู่ด้านบน

ดังนั้น หลินซีเหวินไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถยิ้มอย่างผ่อนคลายได้ เธอบีบรอยยิ้มหนึ่งออกมา “ยินดีที่ได้ร่วมเซ็นต์สัญญากันค่ะ คุณจี้。”

เซ็นต์สัญญาเสร็จ จี้ตงหมิงและหลินซีเหวินออกจากสำนักงานกฏหมาน แยกกันสองทางไปเอารถที่ลานจอดรถ

“บอสครับ สัญญาได้ลงนามเสร็จเรียบร้อย เงื่อนไขทุกอย่างต่างก็ดำเนินการตามที่บอสกำหนด คุณหลินไม่ได้มีการคัดค้านใดๆ ตอนนี้ผมก็จะไปบ้านตระกูลหลิน ไปเอาผลงานศิลปะทั้งหมด”

แต่ว่าผลงานศิลปะมากมายขนาดนั้น ทุกชิ้นต่างก็ราคาสูงมาก เอามาแล้ววางไว้ที่ไหนถึงจะเหมาะสมกันล่ะ?

ลั่วหานนอนหลับไปแล้ว หลงเซียวกดเสียงเบาเดินออกจากห้องนอน ปิดประตูห้องลงอย่างเบามือ “ของวางเอาไว้ที่รีสอร์ทหยีจิ่งก่อน ต่อไปฉันมีการจัดการอย่างอื่น”

จี้ตงหมิงมีความสงสัยเป็นอย่างมาก ตอนนี้สภาพแวดล้อมการตลาดแย่ขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าบอสจะจ่ายเงินจำนวนมหาศาลซื้อสิ่งของที่ขาดทุนเข้าเนื้อมาจำนวนหนึ่ง ดูแลตระกูลหลินมากเกินไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง?

“ครับ บอส”

จี้ตงหมิงวางสายโทรศัพท์ลง ตอนที่เตรียมจะสตาร์ทเครื่องยนต์นั้น รถของหลินซีเหวินขับมาจากอีกทางด้านหนึ่ง ตอนที่ผ่านหน้าต่างรถของเขาเธอลดหน้าต่างรถของตนเองลงมาเล็กน้อย “ผู้ช่วยจี้ ตอนนี้ไปเอาของเลยหรือเปล่าคะ? ฉันไปด้วยกันกับคุณ”

จี้ตงหมิงบิดกุญแจรถดังแกร็ก “งั้นก็รบกวนคุณหลินสักรอบแล้ว”

หลินซีเหวินยิ้มขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่านี้อีก

เธอแน่นอนว่าต้องกลับไป ไม่เช่นนั้นหากแด๊ดดี้ขัดขวาง ไม่แน่อาจจะเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงได้

มองดูสัญญาที่อยู่บนเบาะด้านข้างคนขับแวบหนึ่ง คิ้วเขาหลินซีเหวินขมวดเข้าหากันเป็นก้อน จะอธิบายกับแด๊ดดี้ยังไง…ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ยุ่งยากเช่นเดียวกัน

เรื่องที่ทำก่อนบอกทีหลังเธอทำมาไม่น้อย แต่เรื่องที่เกี่ยวกันถึงผลประโยชน์ของบริษัทอย่างแนบชิดขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรก

“คุณจี้ นี่คุณหมายความว่าอะไรกัน?”

มองเห็นสัญญา ใบหน้าของหลินเหว่ยเย่มืดมนยิ่งกว่าท้องฟ้าในยามค่ำคืนเสียอีก ความนิ่งและแสร้งทำเป็นไม่รู้ที่ฝึกฝนมาเป็นเวลานานก็เก็บซ่อนความโมโหเอาไว้ไม่อยู่

จี้ตงหมิงพยักหน้าเล็กน้อยอย่างมีมารยาท “บนสัญญาเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน ตอนนี้ ผลงานศิลปะเหล่านี้เป็นได้เป็นของส่วนบุคคลของคุณหลงทั้งหมดแล้ว ในส่วนเงื่อนไขแนบ ในขณะเดียวกันคุณหลงได้ซื้อหุ้นผู้ก่อตั้งของบริษัทหลินซื้อไว้ห้าเปอร์เซ็นต์

จุดที่คุณท่านหลินไม่เข้าใจ ผมจะช่วยคุณทำการอธิบายอย่างละเอียด”

หลินเหว่ยเย่ในที่สุดก็ไม่สามารถฝืนทนได้ นิ้วมือใช้แรงสะบัดไป สัญญาสองฉบับบินพริ้วตกลงพื้น กระดาษพลิกเปิดออกไปหลายหน้าถึงไม่ได้ขยับอีก

“ฉันไม่เห็นด้วย สัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะ”

จี้ตงหมิงยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยด้วยนิสัยที่ดีเป็นอย่างยิ่ง “คุณท่านหลินคิดจะทำให้สัญญาเป็นโมฆะก็ไม่ยาก ตามกฏข้อที่ยี่สิบของสัญญา ขอเพียงแค่คุณจ่ายชดใช้ค่าผิดสัญญาสิบเท่า เนื้อหาทั้งหมดในสัญญาฉบับนี้ก็เป็นโมฆะทั้งหมด”

“แก!”

ดวงตาทั้งสองข้างของหลินเหว่ยเย่ถลึงจนกลมโต ปากกระตุกหลายทีอย่างแรง จากนั้นมองไปทางหลินซีเหวินด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง “ซีเหวิน!”

หลินซีเหวินเดินเข้าไป โน้มตัวลงเก็บสัญญาขึ้นมา ทำให้เรียบ “แด๊ดดี้ เพื่อบริษัทหลินซื่อ พวกเราได้แต่ทำเช่นนี้ นอกจากหลงเซียวแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครสามารถช่วยบริษัทหลินซื่อได้”

“แกเข้าใจอะไร!”

หลินเหว่ยเย่โมโหจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ แต่ครึ่งประโยคหลังถึงปากแล้วก็ยังไม่สามารถพูดออกมา เขารู้สึกได้ลางๆว่า หลงเซียวได้รู้สถานะของเขาแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่รีบร้อนลงมือกับบริษัทหลินซื่อ!

หลินซีเหวินก้มศีรษะลงอธิบายด้วยเสียงที่อ่อนหวานอย่างกินปูนร้อนท้อง “แด๊ดดี้ พูดอย่างยอมจนถึงที่สุด ต่อให้บริษัทหลินซื่อสุดท้ายถูกซื้อรวบกิจการ ก็ยังดีกว่าล้มละลาย ไหนจะบริษัทหลินซื่อต่อไปไม่ใช่ว่าคือของหนูหรอกหรอคะ? หนูตัดสินใจโชคชะตาของมันล่วงหน้าก็เท่านั้นเอง”

“พูดซี้ซั้ว!แกไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหลงเซียวแฝงเจตนาที่ไม่ดีอะไรเอาไว้!แกนึกว่า…” พูดมาถึงตรงนี้ หลินเหว่ยเย่เหลือบมองจี้ตงหมิง ไม่ได้พูดต่อไปอีก

จี้ตงหมิงมองดูเวลาเล็กน้อย “คุณท่านหลิน หากคุณไม่คิดชดเชยเงินค่าผิดสัญญา ตามกฏในสัญญา ตอนนี้ผมก็มีสิทธิ์เอาของไป อีกทั้งบริษัทของคุณต้องนำหุ้นจำนวนห้าเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในมือของคุณนายหลินโอนเข้าสู่ภายใต้ชื่อคุณหลงภายในระยะเวลาที่ตกลงกันเอาไว้”

“คุณคะ ขายหุ้นคือการตัดสินใจของฉันเอง”

เสียงของคุณนายหลินทำลายการโต้แย้งภายในห้องโถงใหญ่อย่างเหมาะสมกับเวลา เส้นเสียงที่อ่อนแรงกลับหยุดความโกลาหลระลอกหนึ่งเอาไว้ได้

หลินเหว่ยเย่หันศีรษะมองดูภรรยาที่ห่อเหี่ยว ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจนัก “คุณลงมาได้ยังไงกัน?”

“สัญญาคือฉันที่ให้ซีเหวินเซ็นต์ เงื่อนไขทั้งหมดฉันต่างก็เห็นด้วย สัญญาฉบับนี้ผ่านการรับรองเอกสารจากทนาย มีผลทางด้านกฎหมาย ผิดสัญญาก็ต้องชดเชยเงินสิบเท่า เงินก้อนนี่ฉันเอาออกมาไม่ได้ คุณทำได้ไหมคะ?”

คำพูดเดียวของคุณนายหลิน เท่ากับขวางทางหนีทีไล่ของหลินเหว่ยเย่โดยสมบูรณ์แบบแล้ว

หลินเหว่ยเย่โมโหจนสมองขาดออกซิเจน แต่ดันทำได้เพียงกำหมัดแน่นกลืนกลับเข้าไปในจิตใจ!

เขาพยายามอย่างสุดความสามารถมาครึ่งชีวิต คิดไม่ถึงว่าจะเป็นภรรยาและลูกสาวของตนเองที่ทำให้เขายับเยินหมดรูปจนไม่อาจกอบกู้กลับคืน!

คุณนายหลินล้วงเอากุญแจดอกหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าเสื้อผ้า ส่งให้กับจี้ตงหมิง “คุณจี้ นี่คือกุญแจ คนรับใช้จะพาคุณไปที่ห้องเก็บของ ของอยู่ด้านในทั้งหมด คุณสามารถตรวจสอบอีกครั้งตามลิสต์รายการ”

คุณนายหลินท่านนี้กลับเป็นคนที่รู้เหตุรู้ผล ช่วงเวลาสำคัญพูดง่ายกว่าหลินเหว่ยเย่

“ขอบคุณคุณนายมากครับ ขอให้คุณนายรักษาอาการป่วยให้ดี ดูแลสุขภาพด้วย”

คุณนายหลินพยักหน้า “ขอบคุณมาก”

หลินซีเหวินประคองคุณแม่เอาไว้ ดวงตาใสแป๋ว “หม่ามี๊ ดีขึ้นหน่อยหรือยังคะ?”

มองดูจี้ตงหมิงออกไปจากห้องรับแขก คุณนายหลินตบมือของลูกสาวเบาๆ “ลูกไปทำงานเถอะ แม่กับแด๊ดดี้ของแกมีเรื่องจะต้องพูดกัน”

หลินซีเหวินมองดูฉากนี้ ตัวเองอยู่ก็เก้กัง “ค่ะ หนูไปโรงพยาบาลก่อน”

หลินเหว่ยเย่กับคุณนายนั่งตรงข้ามกันอยู่ที่ห้องหนังสือ ความอบอุ่นภายในห้องหนังสือเพียงพอมาก คุณนายหลินยังคงคลุมผ้าห่มผืนหนาเอาไว้ บนใบหน้าคือความซีดเผือดจากความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ

“เหว่ยเย่ ตั้งแต่ที่พวกเราแต่งงานกันมา ฉันไม่เคยถามอดีตที่ผ่านมาของคุณมาก่อน จนกระทั่งก่อนหน้าที่จะถึงวันนี้ ฉันไม่เคยถามมาก่อน”

หลินเหว่ยเย่นั่งอยู่ทางโต๊ะทำงาน ถูกดวงตาของคุณนายมองจนค่อนข้างไม่เป็นสุข “คุณอยากจะพูดอะไร?”

สมองที่ฉลาดและการสังเกตที่หลักแหลมของคุณนายหลิน เขารู้มาตั้งนานแล้ว ไม่อย่างงั้นบริษัทที่ใหญ่โตก็คงไม่มอบให้กับเธอ

“ระหว่างคุณกับหลงถิง มีต้นกำเนิดความสัมพันธ์อะไรกัน คุณไม่พูด ฉันก็รู้” คุณนายหลินยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างขมขื่น มือถือโอกาสดึงผ้าห่มให้ชิดกัน ห่อตัวเองเอาไว้แน่นยิ่งขึ้น

หลินเหว่ยเย่ราวกับถูกแกะห่อออกไปชั้นหนึ่ง “ผมกับเขาจะมีต้นกำเนิดความสัมพันธ์อะไรกันได้”

“คุณไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าฉัน พวกเราเป็นสามีภรรยากันมายี่สิบกว่าปี ร่วมเรียงเคียงหมอนเผชิญหน้ากันทั้งคืนวัน หากฉันแม้แต่คนที่อยู่ข้างหมอนของตัวเองก็ยังไม่รู้จัก เหอะๆ หากโง่ขนาดนั้นจริงๆเกรงว่าคงตายไปตั้งนานแล้ว”

บนใบหน้าของคุณนายหลินคือความนิ่งสงบมั่นคงหลังจากผ่านลมคลื่นที่โหมกระหน่ำ

“คุณยังรู้อะไรอีกกันแน่?”

“หลงถิงเข้าร่วมคดีฆ่ายกครัวของมู่เส้าเอิน คุณก็คือหนึ่งในฆาตกรของคดีในปีนั้น ไม่ว่าทางตรงหรือว่าทางอ้อม คุณก็คือผู้ได้รับผลประโยชน์ คุณสามารถก่อตั้งบริษัทหลินซื่อได้ในอายุยี่สิบกว่าปี ทุนเริ่มต้นที่อยู่ในมือเกรงว่าคงจะไม่ได้สะอาดหรอกมั้งคะ?”

คุณนายหลินได้พูดอย่างอ้อมค้อมมากแล้ว

หลินเหว่ยเย่จำเป็นต้องสังเกตภรรยาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมายี่สิบกว่าปีคนนี้ใหม่อีกครั้ง “คุณรู้ได้ยังไง?”

คุณนายหลินยิ้มเล็กน้อย “หลังจากที่พวกเราแต่งงานกัน มีคนเคยมาหาฉัน เขาถามหาเงินก้อนหนึ่งจากฉัน เหตุผลก็คือ ไม่ให้เงินเขาจะพูดความจริงออกมา อีกทั้ง ในมือของเขามีหลักฐานที่สามารถฆ่าคุณให้ตายได้จำนวนหนึ่ง”

หลินเหว่ยเย่หรี่ดวงตาที่อันตรายทั้งสองข้างลง ตัวเขาเองยอมรับว่าในปีนั้นไม่มีหลักฐาน!

“ใคร?”

คุณนายหลินพิงไปบนพนักเก้าอี้ ดูเหมือนว่าเหนื่อยแล้ว “เป็นใครไม่สำคัญ เขาได้ตายแล้ว หยวนชูเฟินเคยจ้างวานฆ่าและเข้าคุก ภายหลังถูกหลงเซียวพยายามชำระล้างจนสะอาด คนๆนั้นที่เธอฆ่า เป็นคนที่ฉันอยากจะฆ่าด้วยเช่นเดียวกัน”

คุณนายหลินมองดูการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของสามีราวกับชื่นชมภาพวาดการ์ตูนยังไงอย่างงั้น “คุณไม่ต้องคิดแล้ว เรื่องของคุณฉันต่างก็รู้หมอ คุณคือคนของกลุ่มมาเฟีย ใช่ไหมคะ?”

หลินเหว่ยเย่ลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างทำให้คนตกใจ ลุกยืนขึ้นมาในทันที!

“คุณรู้ได้ยังไงกัน?!”

เธอรู้เรื่องอื่นเขาต่างก็สามารถเข้าใจได้ แต่สถานะขั้นนี้ ตัวเขาเองคิดว่าได้เก็บซ่อนเอาไว้อย่างไร้ร่องรอยแล้ว!

จะต้องไม่มีทางถูกเธอรู้อย่างแน่นอน!

คุณนายหลินโอบแขน กอดตัวเองเอาไว้ “กลุ่มมาเฟียเคยมาหาเรื่องคุณ อีกทั้งใช้ชีวิตของซีเหวินมาข่มขู่ เพื่อปกป้องซีเหวิน คุณรับปากพวกมัน ช่วยพวกมันฟอกเงินที่บริษัท”

หลินเหว่ยเย่นั่งลงอย่างหนักอึ้ง ตกลงไปบนเก้าอี้ “คุณพบเข้าแล้ว?”

คุณนายหลินยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันทำอะไรคะ? ฉันบริหารบริษัทมาหลายปีขนาดนี้ บัญชีรอยรั่วใหญ่ขนาดนั้นฉันจะไม่รู้? คุณนึกว่าที่บริษัทเดินมาถึงทุกวันนี้คือความบังเอิญหรอคะ? ฉันคิดได้ตั้งนานแล้วว่าต้องมีวันนี้

ในขณะเดียวกัน ฉันก็รู้ว่า นอกจากหลงเซียวแล้ว ไม่มีใครสามารถช่วยบริษัทหลินซื่อได้ นอกจากหลงเซียว ไม่มีใครสามารถเป็นปรปักษ์กับกลุ่มมาเฟียได้”

หลินเหว่ยเย่ยกมือขวาที่หนักอึ้ง กดลงบนหน้าผาก “พวกมันไม่มีทางปล่อยผม”

“จับมือกับหลงเซียวเถอะค่ะ มีเพียงแค่ร่วมมือกับหลงเซียว ถึงจะมีโอกาสหลุดพ้นจากการควบคุมของพวกมัน” คุณนายหลินมองเขาด้วยสายตาที่เปล่งประกาย ยื่นแขนยาวออกมา กุมมือซ้ายของเขาเอาไว้

หลินเหว่ยเย่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบอะไรออกมา

จับมือกับหลงเซียว?

มองดูชะตาของหลงถิงก็รู้ว่าหลงเซียวจัดการกับศัตรูที่อยู่ในปีนั้นยังไงแล้ว เขาไม่มีทางกลายเป็นหลงถิงคนที่สอง!

ในปีนั้นพวกเขาเข้าสู่กลุ่มมาเฟียต่อๆกัน บางทีควรจะคิดได้ตั้งนานแล้วว่าจะมีวันที่บาดเจ็บอย่างรุนแรงกันทั้งสองฝ่าย

แต่เขาไม่มีทางกลายเป็นคนที่ล้มเหลวภายใต้น้ำมือของหลงเซียวโดยเด็ดขาด!

“แอนน่า!”

ลองติดต่อลั่วหานเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ในที่สุดเจมส์ก็ต่อสายของเธอติด

ลั่วหานถูกเสียงกรีดร้องของเขาสั่นสะเทือนจนหูเกิดอาการชา ละออกจากมือถือ “เจมส์ คุณสปิริตท่วมท้นมาก”

“เมื่อครู่นี้ผมทานข้าวกับคนของราชสำนัก คุณอยู่ไหน พวกเราทานข้าวด้วยกัน”

เจมส์กระโดดโลดเต้นอย่างเหมือนกับเด็กยังไงอย่างงั้น ไม่ใช่คนเดียวกับเจ้าชายเจมส์ที่อยู่ในงานเลี้ยงของราชวงศ์อย่างเด็ดขาด!

คนรับใช้ของราชสำนักที่รับผิดชอบดูแลชีวิตประจำวันของเขาตกตะลึงโดยสมบูรณ์แบบ คิดไม่ถึงว่าเจมส์เป็นเจ้าชายแบบนี้

ลั่วหานมองดูหลงเซียว เอ่ยขึ้นอย่างค่อนข้างที่จะปวดหัว “ทานข้าวไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้ฉันไม่ค่อยสะดวกเท่าไร”

บนศีรษะพันผ้าก๊อซอยู่ สามารถทานข้าวได้หรอ?

“คุณไม่สะดวก ผมสะดวกนี่ ผมไปหาคุณ!”

เจมส์แกะโบว์ติดคอที่ซับซ้อนออกอย่างเร่งรีบ ส่งไปให้คนรับใช้สาวที่อยู่ทางด้านซ้ายแบบลวกๆ จากนั้นก็เริ่มแกะกระดุมชุดสำหรับงานพิธีการออกทีละเม็ดๆ

“คุณพักอยู่ที่โรงแรมไหน? หมายเลขห้องเท่าไร?”

เจมส์ยังไม่ได้กลับถึงห้องของตนเอง เสื้อได้ดึงแขนเสื้อข้างหนึ่งออกแล้ว

แขนยาวของหลงเซียวยื่นออกหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของลั่วหานไป “เจมส์”

“…” เจมส์ที่กำลังถอดเสื้อผ้าอย่างตื่นตัวอยู่ทางนั้นตกตะลึง นิ่งอึ้ง “คุณ…คุณอยู่ด้วยกันกับแอนน่าได้ยังไงกัน?”

“คุณอยากจะเลี้ยงข้าวภรรยาของผม?”

เจมส์กลืนน้ำลายเล็กน้อย “ทำไม…ไม่ได้หรอ?”

“แน่นอนว่าได้ แต่ต้องพาคนในครอบครัวไปด้วย” หลงเซียวพูดกับเจมส์ แต่ดวงตาไม่ได้ออกจากลั่วหานแม้แต่วินาทีเดียว

“…” งั้นก็อย่ากินเลยดีกว่า กินอาหารด้วยกันกับหลงเซียว สิบครั้งมีเก้าครั้งที่ต้องกินจนแน่น

เพราะว่านอกจากข้าว ยังต้องถูกบังคับกลืนความหวานที่โรยมา!

แต่ว่า…

ฮิฮิฮิ!

“ได้สิ!”

เจมส์ตอบตกลงอย่างสบายใจ

วางโทรศัพท์มือถือลง เจมส์ถอดเสื้อส่งให้กับคนรับใช้ “ช่วยฉันจองที่นั่ง ชื่อร้านอาหารฉันเขียนให้กับเธอ เมนูอาหารฉันจะเขียนให้เสร็จ เธอส่งตรงให้กับหัวหน้าพ่อครัว”

คนรับใช้โน้มตัวลงอย่างเคารพนบนอบ “ค่ะเจ้าชาย เชิญรับสั่ง”

“คุณรับปากได้ยังไงกันคะ? ฉันสภาพนี้จะออกจากบ้านไปทานอาหารได้ยังไงกัน?”

ลั่วหานแม้แต่ความกล้าที่จะมองกระจกก็ยังไม่มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงออกไปทานอาหารเลย สภาพช่างสะดุดตาเหลือเกิน

หลงเซียวโอบกอดหัวไหล่ของเธออย่างสบายใจ ถูสันจมูกของเธอเบาๆ “คุณคือภรรยาของผม ขอเพียงแค่ผมคิดว่าคุณสวย สายตาของคนอื่นต่างก็ไม่สำคัญ”

ใจอบอุ่นขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าจะถูกโน้มน้าวสำเร็จแล้ว

“ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“ครับ”

สายตาส่งลั่วหานไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ด้านใน หลงเซียวหยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นเมื่อสักครู่นี้ออกมา

“บอส ของได้เอามาถึงห้องเก็บของบ้านคุณทั้งหมดแล้ว เหมือนกันกับในลิสต์”

ข้อความจากจี้ตงหมิง

“ดีมาก ต่อไป แกนัดเจอกับจ้าวไห่เซิงสักครั้ง ไม่ต้องเอ่ยถึงข่าวคราวใดๆที่เกี่ยวข้องกับบริษัทหลินซื่อ บอกกับเขาอ้อมๆว่า ฉันมีความสนใจต่อสายอาชีพวัตถุโบราณ”

นิ้วมือของหลงเซียวพิมพ์เนื้อหาข้อความอย่างรวดเร็วและเบามือ กดส่งสำเร็จ

จี้ตงหมิงจ้องมองข้อความหลายต่อหลายครั้ง

ลังเลในใจว่า บอสคิดจะทำอะไรกัน?

นัดเจอจ้าวไห่เซิง ไม่เอ่ยถึงบริษัทหลินซื่อ กลับต้องบอกว่ามีความสนใจต่อวัตถุโบราณ

จี้ตงหมิงไม่คิดมากอีกต่อไป “ครับ วันนี้ผมก็จะนัดเจอเขา”

ลั่วหานเปลี่ยนเป็นชุดเดรสสีกรมท่าที่เรียบง่ายสบายๆชุดหนึ่ง บนแขนมิกซ์ด้วยโอเวอร์โค้ทสีคาเมล บนศีรษะสวมด้วยหมวกใบใหญ่ขอบกลมสีดำปิดบังผ้าก๊อซเอาไว้ ผมยาวดัดลอนที่ทิ้งตัวเป็นธรรมชาติรวมตัวมาที่ด้านหน้าของเธออย่างพอดี เติมเต็มซึ่งกันและกันกับส่วนเว้าโค้งของรูปร่าง

เพียงแค่แต่งตัวเล็กน้อยอย่างลวกๆแบบนี้ เธอก็งดงามจนราวกับเจ้าหญิงก็ไม่ปาน

หลงเซียวสังเกตเสื้อผ้าของเธอตั้งแต่บนลงล่าง “ผมเป็นห่วงจริงๆว่า พาคุณออกไปแล้วจะพากลับมาไม่ได้”

“คุณไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า?” ลั่วหานเบ้ปากเล็กน้อย ภายนอกไม่ยอมรับ ในใจกลับหวานปานน้ำผึ้ง

“สวมเสื้อคลุมตัวนอกก็พอแล้ว ผมกลัวว่าผมเปลี่ยนชุดออกจากบ้าน คุณจะพากลับมาไม่ได้แล้วจริงๆ” หลงเซียวเฉียงมุมริมฝีปากขึ้นอย่างกวนๆ มือกลับปีนป่ายขึ้นไปที่เอวของลั่วหานอย่างอ่อนโยน โอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน

ราวกับคือกฏที่ว่าคนรักไม่เจอกันช่วงเวลาหนึ่งพอพบกันอีกครั้งต้องหวานยิ่งกว่าตอนแต่งงานใหม่ๆ อยู่ร่วมกันกับเขาอีกครั้ง ลั่วหานก็เหมือนกลับไปยังวัยสาวที่อยู่ในช่วงเวลาความรักร้อนแรง ทุกวันต่างเป็นสีชมพูอ่อน

ครืนๆ

โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าของหลงเซียวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง

“รอผมสักเดี๋ยว” หลงเซียวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา มองเห็นชื่อที่อยู่ด้านบนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ฉันไปช่วยคุณหยิบเสื้อคลุม”

ลั่วหานถือโอกาสหมุนตัวกลับเข้าห้องสวีท

หลงเซียวเลื่อนเปิดรับสาย เดินไปถึงระเบียง “ว่ามา”

“บอส ข่าวดีหนึ่ง ข่าวร้ายหนึ่ง คุณอยากจะฟังอันไหนก่อน?”

ทางนั้นคือจางหย่ง

และก็มีเพียงแค่เขา ทุกครั้งต่างก็ถามบอสของตัวเองอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือขนาดนี้

“ร้่ายก่อน”

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท