บทที่ 1073 ยังหวานกันอยู่อีก
ณ ตึกใหญ่บริษัทฉู่ซื่อ
ผู้บริหารสูงสุดทั้ง5ของบริษัทฉู่ซื่อยืนกันเป็นสองแถว มีหลงจื๋อเป็นหัวหน้า หลงจื๋อยืนอยู่ที่ตำแหน่งตรงกลางของแถวหน้า แน่นอน แถวแรกนั้นมีเขาแค่คนเดียว
ไป่เวยและกู้เยนเซินยืนอยู่ที่แถวที่สอง ทั้งคู่แอบส่งสายตากันและรอหลงจื๋อพูดอย่างเงียบๆ
คนที่อยู่ด้านล่างบันไดเป็นผู้คนที่วุ่นวายโมโหตั้งนานแล้ว แค่มองดูสถานการณ์ก็รู้ว่าเป็นการเตรียมการตั้งแต่แรก และยังทำท่าทีเหมือนทำเพื่อมนุษยชาติ น่าตลกสิ้นดี!
ขณะนี้โทรศัพท์ของกู้เยนเซินสั่นดังครืดๆ ไปสองครั้ง
เมื่ออ่านเนื้อหาของข้อความเสร็จสิ้น กู้เยนเซินก็ยิ้มให้กับไป๋เวยอย่างร้ายๆ
หลงจื๋อมองดูผู้คนที่อยู่ด้านล่าง ยังไม่ทันได้เริ่มพูดอะไรออกมา กู้เยนเซินก็ยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู “คุณชายรองครับ ลองดูนี่สิ”
ข่าวที่อยู่เวปเพจมาได้ทันเวลาพอดีเกินไปรึเปล่า?
เขายังไม่ทันได้พูดอะไรเลย พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ก็จัดการกับคนที่มาหาเรื่องที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยเรียบร้อยแล้ว!
ความเร็วและความแข็งแกร่งในการทำงานของพี่ชายใหญ่เก่งกว่าเขาแน่นอน ใช้เวลาไม่ถึง5นาที ทุกคนที่มาหาเรื่องกลับล้มตัวเองลงซะงั้น เนื่องจากซุนปิงเหวินมีคดีติดตัวหลายคดี เขาถึงถูกตำรวจจับตัวไปจากบริษัทโดยตรงเลย ภาพนั้นมันช่างสวยงามเหลือเกิน!
“ทุกคนครับ ในข่าวเขาเขียนไว้ชัดเจนอย่างมาก เรื่องอื่นๆ ผมจะไม่พูดแล้ว ก็ขอเตือนทุกคนไว้ว่า คนที่ยอมขายตัวเองเพื่อแลกกับเงินเพียงเล็กน้อยนั้น มันไม่คุ้มเลย
หลงจื๋อพูดจบ คนที่อยู่ด้านล่างนั้นก็เกินการโวยวายกันชั่วคราวเกินขึ้น บางคนไม่รู้ว่าเกินอะไรขึ้น บางคนก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดู
ไม่น่าเชื่อว่าซุนปิงเหวินจะเป็นฆาตกร!
เขากล้าที่จะลงมือกับท่านเซียวและคุณหมอฉู่งั้นหรือ!
“คุณชายรอง หน่วยงานควบคุมยาและหน่วยงานอนามัยมาถึงแล้วค่ะ ท่านต้องเข้าไปพบพวกเขา”
ไป๋เวยได้รับข้อความจากเลขา ก็เลยบอกข่าวให้กับหลงจื๋อ
“อืม ผลออกมาแล้วหรือ?”
หลงจื๋อหันกลับไปแล้วเดินเข้าไปในตึกปฏิบัติงาน และไม่ได้สนใจเหล่าผู้คนที่มาชุมนุมที่กำลังตกตะลึงกับข่าวอยู่ ผู้บริหารใหญ่สั่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยไล่ผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป และก็ตามเข้าไปด้านในโดยเร็ว
กู้เยนเซินและไป๋เวยเดินอยู่ด้านหลังสุด ทั้งคู่ล้วนแสดงสีหน้าหมดคำจะพูดหลังจากที่ได้เจอเหตุการณ์วุ่นวายเล็กๆ นี้ไป
ไป๋เวยจิ้มไปที่ซุนปิงเหวินที่อยู่บนหน้าจอ “แม่งเอ๊ย เขาควรจะเข้าคุกไปตั้งนานแล้ว อยู่มาถึงตอนนี้ทำเรื่องแย่ๆ ไปเท่าไหร่แล้ว”
กู้เยนเซินพยุงไป๋เวยไว้อย่างระมัดระวัง เขาสนใจแต่ลูกที่อยู่ในท้องของเธอ “คุณภรรยาจ้ะ ตอนนี้คุณชายรองเข้ามารับมือบริษัทฉู่ซื่อต่อแล้ว คุณก็สามารถยื่นเรื่องของลาคลอดได้แล้วใช่ไหม?”
ไป๋เวยมองบนใส่เขา “รีบอะไรกัน? คุณชายรองเพิ่งมายังไม่คุ้นชินกับงานในบริษัท ฉันต้องสอนงานให้กับเขาก่อน ตอนนี้ลูกในท้องยังเล็กอยู่ ไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน”
กู้เยนเซินฟังแล้วรู้สึกกังวลขึ้นมา “บ้าเอ๊ย! ไม่มีผลกระทบอะไรกัน! เธอเป็นคนท้อง! คนท้องก็ต้องนอนพักผ่อนอยู่บ้าน ต้องมีคนคอยดูแล24ชั่วโมง
คุณจะทำงานทำไม? ครอบครัวเราต้องการเงินของคุณด้วยหรือ?”
กู้เยนเซินที่รวยแต่เอาตัวเองเป็นใหญ่เอาข้ออ้างเรื่องเงินมาพูดกับเธอเผื่อว่ามันจะได้ผล และแล้วมันก็ไม่ได้ผลอะไรเลย
“รอ7เดือนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า ตอนนี้ฉันไม่มีความรู้สึกใดๆ ลูกเราเชื่อฟังมาก เขาเองก็กำลังสนับสนุนการทำงานของฉันอยู่ การศึกษาก่อนคลอดของลูกมันสำคัญนะ เข้าใจไหม? ฉันจะสอนให้ลูกยืนด้วยลำแข้งตัวเองตั้งแต่เด็ก อย่าไปเป็นคนที่รอเกาะคนอื่นกิน”
ไป๋เวยปัดแขนของกู้เยนเซินออกอย่างเท่ๆ และก้าวขึ้นไปบนบันไดพร้อมรองเท้าส้นราบ
“โอ๊ยๆๆ ท่านหญิงของผม คุณเดินช้าลงหน่อยได้ไหม? ก้าวใหญ่ขนาดนี้อันตรายมากเลยนะ! จับราวไว้ จับราวไว้!”
กู้เยนเซินอยากจะยอมจำนนกับชีวิตแล้ว
ตั้งแต่ไป๋เวยตั้งท้องมา เขาคิดหาวิธีพูดให้เธอยอมไปเก็บตัวตั้งท้องที่อเมริกาทุกวัน แต่ว่าก็โดนเธอสวนกลับทุกรอบเลย
ดูอย่างท่านเซียวสิ ความสัมพันธ์สามีภรรยาของเขาทั้งคู่มันหวานชื่นแค่ไหน แม้ว่าคุณหมอฉู่เองก็เป็นหญิงแกร่งเช่นกัน แต่เธอเชื่อฟังไอ้หลงเซียวอย่างมาก เรียบร้อยและเชื่อฟังเขามากๆ
แล้วมองมาที่คุณหญิงของบ้านเขาสิ มัน……
คนเปรียบเทียบกับคน คนนี่แหละที่จะบ้านตาย
“กำลังคิดอะไรอยู่จ๊ะประธานกู้? คุณชายรองเข้าไปพบคนของหน่วยงานควบคุมยาแล้ว คุณยังไม่รีบตามเข้าไปอีกหรือ?”
คำตำหนิของไป๋เวยนี้มาอย่างดุดัน กู้เยนเซินตะลึงไป1วิ “คุณภรรยาครับ ผมเป็นสามีของคุณนะ คนที่อยู่ข้างในนั้นเป็นแค่บอสของคุณ”
แบ่งลำดับความสำคัญไม่ออกหรือไง?
ไป๋เวยยักคิ้ว “เพราะฉะนั้น สามีมีไว้สั่ง บอสมีไว้รับใช้นะคะ”
กู้เยนเซินอยากจะตบหน้าตัวเองจริงๆ อยากหาเรื่องดีนัก!
จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับคนท้องทำไม
“ครับๆๆ คุณภรรยาพูดอะไรก็ถูกหมดเลยครับ คุณใหญ่ที่สุดแล้ว”
ณ ตึกMBk
“เลขาจี้ครับ ตอนนี้ร่วงไป12เปอร์เซ็นต์แล้วนะครับ ดูทรงแล้วคงจะร่วงต่อไปเรื่อยๆ”
เสียงของนักเทรดดังมาจากหูฟังบลูทูธ จี้ตงหมิงเองก็ไม่ได้ชะล่าใจ เขาจ้องไปที่กราฟเรื่อยๆ “ไม่ต้องรีบ ดูต่อไปเรื่อยๆ”
ตอนนี้ไม่มีใครกล้ารับบริษัทซุนซื่อต่อ ใครกล้ารับไป มันก็จะเน่าที่มือคนนั้น
ชื่อเสียงของซุนปิงเหวินกับโม่หรูเฟยเสียหายอย่างหนัก โดยรวมแล้วทำให้บริษัทซุนซื่อล้มละลายแล้ว ถ้าไม่ใช่ธุรกิจที่อยู่อันดับต้นๆ ของจีนล่ะก็ ไม่มีทางเลยที่จะมีความสามารถช่วยให้บริษัทซุนซื่อรอดจากวิกฤตครั้งนี้ได้ ตอนนี้คนที่คอยจ้องมองบริษัทซุนซื่ออยู่ส่วนมากก็เป็นพวกบริษัทร่วมลงทุน
จี้ตงหมิงมองไปที่นาฬิกาที่อยู่ด้านล่างขวาของคอมพิวเตอร์
“แอนดี้ คุณมาที่นี่หน่อย”
แอนดี้ กำลังช่วยเลขาทำเอกสารสำเนาประกาศ เธอบอกเรื่องเนื้อหาด้านหลังของเอกสารให้กับเลขาแล้วเขาก็รีบไปที่ห้องทำงานของจี้ตงหมิง
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
จี้ตงหมิงยื่นiPadที่อยู่ในมือให้กับเธอ “คำสั่งของบอส ผมเพิ่งได้รับ ผมจับตาดูบริษัทซุนซื่อไว้ คุณไปจัดการเรื่องนี้ก่อน”
แอนดี้ ปลดล็อกไอแพดอย่างงุนงง บนจอแสดงอีเมลที่ส่งมาจากอีเมลของหลงเซียวเมื่อสองนาทีที่แล้ว
“ท่านประธานจะรับคุณหญิงกลับมาเหรอคะ? คุณหญิงชอบหางโจวมากๆ เลยไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมอยู่ดีๆ ถึงรับเธอกลับมาล่ะคะ?”
แอนดี้ จำได้ว่า หยวนชูเฟินเคยแสดงความชอบที่ตนมีต่อหางโจวตอนที่เธอให้การสัมภาษณ์ และยังกล่าวอีกว่าตนอาจจะพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน เหมือนว่าจะไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาที่นี่เลย
คำสั่งของท่านประธานด่วนเกินไป เธอไม่เข้าใจ
จี้ตงหมิงไม่ได้ละสายตาออกจากคอมพิวเตอร์ “บอสมีความคิดของบอสเอง เธอรีบไปจัดการก่อนดีกว่า ตอนแรกบอสจะบินไปที่หางโจวด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้บริษัทซุนซื่อเกิดมีข่าวเฉาขึ้นมาอย่างกะทันหัน บอสต้องอยู่เพื่อนจัดการเรื่องต่างๆ นาๆ ที่จะตามมา คุณก็เลยต้องไปที่เมืองหางโจว”
แอนดี้ มองตามไหล่ของจี้ตงหมิงไปแล้วไปเห็นกราฟที่ขึ้นอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หุ้นของบริษัทซุนซื่อร่วงลงมาอย่างหนัก ดูทรงแล้วแย่แน่ๆ
“ค่ะ ฉันจะบินไปที่หางโจววันนี้เลยค่ะ อีกเรื่องหนึ่ง ศาสตราจารย์ส้งก็อยู่ที่หางโจวเช่นกัน ให้รับกลับมาด้วยไหมคะ?”
“ศาสตราจารย์ส้งเป็นหมอส่วนตัวของคุณหญิง เขากลับมาพร้อมกันทั้งคู่”
ก่อนที่แอนดี้ กำลังจะหันไปเธอนึกขึ้นได้ว่ายังมีคนอีกคนหนึ่ง “เจ้าชายเจมส์ล่ะ? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
เหมือนว่าสองสามวันมานี้ไม่ค่อยได้ข่าวเจ้าเด็กดื้อเลย
ครั้งนี้ มือของจี้ตงหมิงกระตุกไปหนึ่งที “เขา? ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“……..” รอบนี้แอนดี้ พูดไม่ออก
เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเจมส์ไปไหน สองสามวันก่อนหน้านี้เจมส์บินไปที่ลอนดอนอย่างกะทันหัน จากนั้นมาก็เงียบหายไปราวกับว่าเขาหายตัวไป ไม่มีข่าวอะไรเลย
“อาจจะกลับประเทศไปแล้วรึเปล่า? ถึงยังไงเขาก็เป็นถึงเจ้าชายของประเทศM คงจะเที่ยวเล่นอยู่ที่อื่นนานๆ ไม่ได้ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปสนใจเขา ดูแลคุณหญิงให้ดีก่อน” จี้ตงหมิงเองก็รู้สึกแค้นอยู่ในใจ ขอเถอะเจมส์อย่างแว้งกัดก็แล้วกัน
แอนดี้ออกจากห้องทำงานไป ตอนที่เธอกลับไปถึงชั้นบน เธอจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว อีกสองชั่วโมงบินตรงไปที่หางโจว
“เลขาจี้ ตอนนี้หุ้นร่วงลงมาเปอร์เซ็นต์แล้ว ทางตู้หลิงเซวียนเขาว่ายังไง ยังไม่เริ่มทำอะไรเหรอ?”
จี้ตงหมิงครุ่นคิดไปครึ่งวินาที “ตู้หลิงเซวียนเองก็กำลังจับตามองMBKอยู่ ดึงเขาไว้ อีกเรื่องหนึ่ง ตราบใดที่ตู้หลิงเซวียนเริ่มซื้อหุ้นบริษัทซุนซื่อ คุณก็เริ่มซื้อหุ้นหลวมของบริษัทหลันเทียนเข้ามาจำนวนเยอะๆ เลยนะ มีเท่าไหร่ซื้อเท่านั้น”
“ฮ่าฮ่า เลขาจี้ ไม่รู้ว่ากลวิธีนี้ตู้หลิงเซวียนจะคิดได้รึเปล่า?” อีกฝ่ายดูอารมณ์ดีมากๆ เลย
“ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง (อุปมาว่า มองเห็นแต่สิ่งที่จะได้อยู่ข้างหน้า แต่หารู้ไม่ว่ายังมีภัยมหันต์กำลังจะตามมา)ปกติแล้วบอสของเราชอบโจมตีศัตรูตอนที่เขาไม่รู้ตัวอยู่เสมอ
ตู้หลิงเซวียนคิดให้ตายยังไงก็คงคิดไม่ถึงว่าหลังบ้านเขากำลังจะไฟไหม้”
“เลขาจี้ครับ จบการค้าขายรอบนี้แล้ว มีเปอร์เซ็นต์ไหม? ท่านประธานมีอั่งเปาให้ไหมครับ?”
“อั่งเปาไม่มี แต่อาจจะแบ่งตึกของMBKให้นายสักชุดเพื่อเป็นรางวัล….” ระหว่างที่คุยกันโทรศัพท์ของจี้ตงหมิงก็สั่นขึ้นมา
เถ้าแก่ : “จุดวิกฤติ 19.9%”
ไม่น่าเชื่อว่าบอสจะออกคำสั่งเอง ยอดเยี่ยมมากเลย!
20%เป็นแค่ทางผ่าน สิ่งที่หลงเซียวต้องการสื่อออกมานั้นชัดเจนมาก เขาจะรอให้หุ้นของบริษัทซุนซื่อร่วงจนถึงจุดวิกฤติแล้วดึงราคาหุ้นกลับไปอย่างกะทันหัน ถ้าอย่างงั้นเซอร์ไพรส์ที่เตรียมไว้ให้ตู้หลิงเซวียนมันต้องใหญ่มากแน่ๆ
ข่าวเฉาของบริษัทซุนซื่อยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ จนรามไปถึงฝั่งยุโรป ด้านNASDAQ เองก็มีความวุ่นวายอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นข่าวเฉาของบริษัทซุนซื่อแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเข้าหาสิ่งที่กำลังเดือดร้อนอยู่ตอนนี้
ถ้ากล้าที่จะร่วมมือกับบริษัทซุนซื่อ ก็เท่ากับว่าแข็งข้อกับหลงเซียว พวกเขาไม่ใช่คนโง่
“เริ่ม!”
………
หลงเซียวส่งข้อความเรียบร้อยแล้วก็เก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันลม แล้วยังคงจับมือของลั่วหานไว้แน่น
“คุณภรรยาครับ เดี๋ยวผมจะไปที่บริษัท คุณจะกลับบ้านก่อนไหม?”
ลั่วหานเบะปาก แล้วหันกลับไปมองที่ตึกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลหวาเซี่ย “ไม่ดีกว่า ฉันจะขึ้นไปจัดการเรื่องต่างๆ ต่อ ญาติของผู้เสียชีวิตยังอยู่ด้านในอยู่เลย ถึงยังไงฉันเองก็เป็นหมอรักษาของเขา ฉันต้องคอยจับตาดูไว้”
หลงเซียวลูบไปที่หัวเธอด้วยความเอ็นดู น้ำเสียงที่ราวกับกำลังโอ๋เด็กอยู่นั้นทั้งอ่อนโยนและเซ็กซี่ “จัดการไหวไหม? ให้ผมไปเป็นเพื่อนคุณไหมครับ?”
ลั่วหานใช้มือ1ข้างจัดปกเสื้อให้เขา แล้วพับให้เรียบร้อย “นายเหรอ? ถ้านายขึ้นไปนายก็รวบเอากะจิตกะใจของเหล่าหมอผู้หญิงและพยาบาลไปหมดสิ?”
หลงเซียวก้มหน้าลง สันจมูกของเขาเข้าใกล้ลั่วหานมากขึ้น “ผมเอากะจิตกะใจของคุณไปก็พอแล้ว”
ลั่วหานกลั้นหัวเราะไว้ ในดวงตาที่ใสสะอาดและงดงามนั้นมีแต่เขาทั้งนั้น “รีบไปเถอะ ไม่อย่างงั้นฉันไม่อยากปล่อยมือแล้วนะ”
หลงเซียวตอบกลับว่าอืม แล้วบีบไปที่หูของเธอ “อยากพาคุณไปด้วยจัง”
“โอ๊ย รับไปเถอะ! รีบไปเร็วๆ! อย่ามาทำให้กองทัพของฉันต้องหัวใจกระสับกระส่าย!”
เธอผลักหลงเซียวออกไป ริมฝีปากที่บางๆ นั้นยังคงเต็มไปด้วยความเอ็นดู “คุณรังเกียจผมแล้วเหรอ?”
“รังเกียจ! รังเกียจมากๆ!”
“……..” คิ้วของหลงเซียวโค้งกว้างขึ้นอย่างมีความสุข “ปากอย่างใจอย่าง” คำนี้สร้างมาเพื่อผู้หญิงจริงๆ
ลั่วหานทั้งผลักทั้งไล่เขา สุดท้ายก็ส่งหลงเซียวขึ้นรถจนได้ เธอมองดูรถค่อยๆ หายไปจากสายตา แต่รอยยิ้มที่หน้ายังคงหวานซึ้งเช่นเคย
“ชิชิชิ พี่ลั่วคะ แต่งงานกันมากี่ปีแล้วยังหวานกันอีกเหรอ? น้ำตาลสูงนะคะเนี่ย”
เมื่อสักครู่หลินซีเหวินได้เห็นภาพที่ลั่วหานและหลงเซียวบอกลากันอย่างไม่อยากแยกจากกันมากับตา เธอไม่อยากจะขัดจังหวะ ก็เลยรอจนลั่วหานเดินเข้าห้องโถงไปจึงจะมาแซวเธอ
“ทำไมหรอจ๊ะคุณหมอหลินของเรา?” ลั่วหานก้าวเดินไปที่ลิฟต์ เงยหน้าขึ้นก็เห็นถังจิ้นเหยียนยืนอยู่หน้าประตูลิฟต์ เหมือนว่ากำลังรอเธออยู่
มือทั้งสองข้างของหลินซีเหวินสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเสื้อกาวน์แล้วแกว่งไปมา “ญาติของเฉินจุนเซ็นชื่อแล้ว คุณใช้วิธีไหนกันเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะพูดให้พวกเขายอมได้? คณบดีเฉินเองก็อยากมอบป้ายเชิดชูเกียรติให้คุณนะ”
“เซ็นแล้วเหรอ?” ลั่วหานไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
“ใช่ครับ ตอนแรกพวกเขายังลังเลอยู่ แต่เมื่อได้ฟังคำกล่าวที่มีพลังมากๆ ของคุณ พวกเขาก็ซึ้งมาก และตัดสินใจเซ็นชื่อในทันที และยังบอกอีกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ” หลินซีเหวินยกนิ้วโป้งขึ้นมา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ลั่วหานและหลินซีเหวินกำลังพูดคุยกันอยู่ และมาถึงด้านนอกของลิฟต์แล้ว
หลินซีเหวินเห็นถังจิ้นเหยียนอยู่ ก็เลยชี้ไปที่ห้องเก็บยาอย่างรู้งาน “รองคณบดีถังคะ พี่ลั่วคะ ฉันขอตัวไปหยิบยาแอสไพรินหน่อยนะ ไว้เจอกันค่ะ”
ทั้งคู่ก็สบตากันแล้วยิ้มออกมาอย่างเข้าใจตรงกันทั้งคู่
ถังจิ้นเหยียนยิ้มอย่างสง่า “คุณมีเวลาไหมครับ?”
ลั่วหานยักไหล่ “เรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวคะ?”
ถังจิ้นเหยียนลืมตัวแล้วหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า เรื่องงานแล้วทำไม? เรื่องส่วนตัวแล้วทำไม?”
“ถ้าเป็นเรื่องงาน มีเวลา ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวก็……”
ลั่วหานยื่นมือไปกดลิฟต์ แต่ถังจิ้นเหยียนห้ามเธอไว้ “อย่าเพิ่งขึ้นไป คุณตาผมมาหน่อย