บทที่ 1102 หน้าหนาพอควร
งานเลี้ยงประจำปีของ MBK ได้เลือกสถานที่เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง สถานที่มีนักร้องชื่อดังได้เลือกในการจัดคอนเสิร์ตให้กับผู้ชมหลายหมื่นคน อีกทั้งเป็นพื้นที่ขุมทรัพย์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ
แต่เมื่อบริษัท MBK ได้ประกาศออกมาสิทธิ์ในการเช่าใช้นั้นต้องให้พวกเขาก่อนเป็นแน่
งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นตอนหนึ่งทุ่มตรง แถวหน้าสุดมีโต๊ะกลมทั้งสิ้นสิบโต๊ะ จัดเตรียมไว้ให้สำหรับคณะผู้บริหารระดับสูงในบริษัท MBK โดยเฉพาะ เมนูอาหารได้คัดเลือกมาอย่างดี และลงมือทำโดยหัวหน้าเชฟของโรงแรมด้วยตนเอง แต่เนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เริ่ม ดังนั้นบริเวณกลางโต๊ะจึงมีเพียงดอกไม้สวยสดงดงามวางอยู่
บริเวณถัดมาจากโต๊ะทั้งสิบโต๊ะนั้นก็มีโต๊ะอีกมากมาย โดยจัดให้ตัวแทนของบริษัทต่างๆเข้ามาตามลำดับ
เนื่องจากจะมีกิจกรรมจับรางวัล ดังนั้นทุกคนที่เข้ามาร่วมในงานเลี้ยงจะต้องนำบัตรที่แจกจ่ายให้ก่อนหนึ่งวันมาด้วย เมื่อถึงเวลาแล้วตัวเลขจะปรากฏบนจอแสดงผลขนาดยักษ์ แขกผู้มีเกียรติที่ขึ้นไปจับฉลาก ตัวเลขจะรันไปเรื่อยๆ เมื่อเขาบอกให้หยุด ตัวเลขตกอยู่ที่ใครก็จะเป็นผู้โชคดี
ตอนนี้งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม พวกเขาจึงได้ทำการตรวจสอบเวทีอย่างทั่วถึง
แอนดี้และจี้ตงหมิงวุ่นอยู่กับสถานที่จัดงานทั้งตอนบ่าย หลังจากที่ตรวจสอบไฟฟ้า การป้องกันไฟไหม้ ช่องทางฉุกเฉิน แสงสีบนเวที ลำโพง และความปลอดภัยในอุปกรณ์ต่างๆแล้วได้ใช้เวลาถึงสามชั่วโมงเต็ม จึงได้ให้พนักงานในทุกแผนกทำการตรวจสอบเสร็จสิ้น
ขณะนี้ในมือของแอนดี้ได้ถือแก้วกาแฟStarbucksด้านในมีอเมริกาโน่อยู่ เธอจิบมันไปแล้วพูดว่า “ฉันเรียนจบมาได้ 8 ปีแล้ว เพิ่งจะได้พบกับงานเลี้ยงบริษัทแบบนี้เป็นครั้งแรก ปีนี้ท่านประธานลงทุนมากจริงๆ”
จี้ตงหมิงยืนพิงเก้าอี้ที่วางไว้แถวแรก เขาดื่มกาแฟเข้าไปแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า “เพราะว่าปีนี้เจ้านายได้พบกับจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ยิ่งใหญ่ MBKเองก็เกิดเรื่องต่างๆมากมาย เมื่อคิดดูแล้วในปีนี้มันไม่ธรรมดาเลยเชียว”
แอนดี้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เมื่อเธอนึกย้อนกลับไป300กว่าวันที่ผ่านมา มันช่างมีหลากหลายอารมณ์จริงๆ ราวกับว่าพลังงานทั้งหมดที่สั่งสมมาได้เก็บมาระเบิดในปีนี้ การเปลี่ยนแปลงระบบภายในMBK ตัวตนที่แท้จริงของท่านประธานถูกเปิดเผย ตอนนี้สภาพของหลงถิงย่ำแย่ไม่เป็นผู้เป็นคน อีกทั้งการขยับขยายของบริษัทฉู่ซื่อ เรื่องที่เมืองเจียงเฉิง เรื่องใหญ่ต่างๆมากมายเข้ามาไม่มีหยุดหย่อน
ราวกับงานเลี้ยงปาร์ตี้ที่บีบอัดกันเข้ามาอย่างครึกครื้น
“ถ้าคิดแบบนั้น ก็ควรจะถึงเวลาฉลองกันสักทีแล้วล่ะ”
แอนดี้ยกแก้วกระดาษขึ้น จี้ตงหมิงนำแก้วไปชนกับเธอเบาๆ “นั่นสิครับ ต้องฉลองจริงๆด้วย ผมเป็นโสดมาตั้ง 30 ปี ปีนี้เพิ่งจะหาภรรยาได้”
“เรื่องอะไรก็เอามารวมกับตัวคุณได้หมดเลยจริงๆเชียว หน้าไม่อาย” แอนดี้จิบกาแฟในมือของเธอ แต่ในใจนั้นกลับหอมหวาน
นั่นสินะ เธอเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
ก่อนหน้านี้เธอตั้งใจว่าจะไม่แต่งงานและจะอยู่เป็นหญิงแกร่งตัวคนเดียว เธอเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะเชื่อใจได้ และเชื่อว่าเมื่อผู้หญิงเราตกหลุมรักก็จะกลายเป็นคนบ้า
แต่จี้ตงหมิงทำให้มุมมองของเธอเปลี่ยนไป เมื่อพบคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่ ความรักก็จะผลิบาน ทำให้เธอมีชีวิตชีวาขึ้นมามากจริงๆ
ตอนที่เธออยู่ตัวคนเดียวเป็นอิสระไม่ถูกจำกัดก็จริง แต่การแข็งแกร่งอยู่ตัวคนเดียวนั้นท้ายที่สุดก็ไม่อบอุ่นเท่ากับอยู่สองคน
เมื่อสังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของแอนดี้ จี้ตงหมิงจึงได้โอบเอวเธอเข้ามาให้อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า “หลังจบงานเลี้ยงประจำปีพวกเราแต่งงานกันนะครับ?”
แอนดี้ชะงัก เงยหน้ามองดูสายตาของเขา “แต่งงานเหรอคะ?”
“ครับ แต่งงาน ผมอยากให้ครอบครัวที่มั่นคงกับคุณ……”
“อะแฮ่ม!……”
ในขณะที่จี้ตงหมิงกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ก็มีเสียงกระแอมดังขึ้นขัดจังหวะของพวกเขาทั้งสองคน
จี้ตงหมิงกัดฟันกรอด!
ใครกัน รนหาที่ตายเหรอ!
กู้เยนเซินโบกไม้โบกมือแล้วพูดว่า “ฮ่าๆๆ ผู้ช่วยจี้ วุ่นอยู่เหรอครับ?”
จี้ตงหมิงปล่อยมือออกจากเอวของแอนดี้ อดทนในความโมโหเอาไว้ “ประธานกู้ มีเรื่องอะไรครับ?”
กู้เยนเซินสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วหันมองไปรอบๆพูดว่า “ผมมาตรวจดูสถานที่ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“ตรวจสอบแล้วไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน ท่านประธานกู้วางใจได้” จี้ตงหมิงฝืนยิ้มออกมา กู้เยนเซินไม้เบื่อไม้เมาคนนี้เข้ามาขัดจังหวะดีๆของเขาได้
แอนดี้พยักหน้าแล้วถามว่า “ประธานกู้คะ ในส่วนของท่านประธานเป็นยังไงบ้าง?”
กู้เยนเซินเบ้ปาก เขาก้าวขึ้นไปตรงเวทีกลมตรงกลาง “ผมล่ะเบื่อจริงๆ เดิมทีผมมายัง MBK เพื่อช่วยคุณชายหลงเท่านั้น ถือว่าเป็นการสนับสนุนจากมิตรภาพ ตอนนี้ดูไปเหมือนผมเป็นพนักงานเงินเดือนอย่างนั้นแหละ เจ้านายของพวกคุณใช้ผมตามอำเภอใจขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้พวกคุณก็เรียนแบบเขาอย่างนั้นเหรอ?”
แอนดี้อยากจะหัวเราะออกมา เธอนึกอยู่ในใจว่าท่าทางของกู้เยนเซินก็เหมือนกับพนักงานเงินเดือนจริงๆ “ไม่หรอกค่ะ ท่านประธานกู้เป็นคนใจดี ช่างพูด หน้าตาหล่อเหลา พวกเราอดไม่ได้ที่อยากจะเข้าใกล้สิคะ”
อย่าหลงตัวเองมากนักได้ไหม เรื่องที่สามารถติดต่อได้กับหัวหน้าโดยตรง ก็คงไม่ติดต่อผ่านเขาหรอก
นี่เป็นเพราะไม่สะดวกที่จะรายงานต่อเจ้านายโดยตรงไม่ใช่หรือ?
กู้เยนเซินที่ถูกแอนดี้ตบหัวแล้วลูบหลังพูดขึ้นว่า “แอนดี้ คุณนี่เข้าใจพูดจริงๆ มิน่าล่ะคุณชายหลงถึงได้ชื่นชมคุณ เอ่อคือ คุณชายหลงไปโรงพยาบาลแล้ว เขาไปเยี่ยมแม่ของเขาแล้วก็รับภรรยาตอนเลิกงาน จะเดินทางมางานเลี้ยงตรงเวลา”
“ต้องขอบคุณประธานกู้มากนะคะ ขอถามหน่อยได้หรือไม่ คืนนี้ท่านประธานกู้จะขึ้นเวทีแสดงอะไรหรือเปล่า ?เพราะว่าท่านประธานจะขึ้นไปแสดงในคืนนี้ เนื่องจากแอนดี้รู้กำหนดการของงานในค่ำคืนนี้ แต่ไม่เห็นว่ามีรายการของกู้เยนเซิน ช่วงเดียวที่เขาต้องขึ้นไปบนเวทีก็คือ ขึ้นไปในฐานะแขกรับเชิญเพื่อมอบรางวัลพนักงานดีเด่นประจำปี
กู้เยนเซินนำมือลูบไปที่คาง “การแสดงอย่างนั้นเหรอครับ……ก็ต้องดูอารมณ์ผมก่อน เอาล่ะพวกคุณจัดการธุระต่อไปเถอะ”
กู้เยนเซินทำท่าทางเหมือนตนนั้นหล่อเหลา ทำให้แอนดี้และจี้ตงหมิงมองหน้ากันแล้วหัวเราะขึ้น
“ท่าทางของประธานกู้เมื่อสักครู่ฉันอยากจะถ่ายรูปเอาไว้จริงๆเลย ช่างทำตัวไร้เดียงสาจริง” แอนดี้หัวเราะออกมาอย่างไม่หยุด
“เขานะเหรอ ถูกคุณชายเซียวจำไว้จนแน่น คำว่าคนโง่แต่รวยก็คือเขานี่แหละ!”
ตอนนี้ความคิดของจี้ตงหมิงไม่ได้จับจ้องอยู่ที่เขา แต่กลับเป็นกังวลถึงเรื่องที่พูดเมื่อสักครู่ เมื่อไหร่ถึงจะได้มีโอกาสที่เหมาะสมพูดมันอีกละ
……
“พี่ลั่วคะ คืนนี้พี่จะไปที่งานเลี้ยงโดยตรงเลยหรือเปล่า?”
เมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงาน หลินซีเหวินก็เอามือลูบไปที่คออันเมื่อยล้าแล้วพิงประตูห้องทำงานของลั่วหานแล้วถามเธอขึ้น
ลั่วหานมองดูโทรศัพท์มือถือรู้สึกว่าเวลาใกล้จะถึงแล้ว “เดี๋ยวหลงเซียวจะมารับค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆฉันทำตามที่เขาจัดการไว้”
หลินซีเหวินเคยชินกับความหวานซึ้งของคู่นี้แล้วจึงพูดว่า “พี่สะใภ้ที่รักคะ ฉันละสงสัยจริงๆ พวกคุณถนอมความรักให้สดชื่นเหมือนเดิมได้ยังไงกัน ลูกเต้าก็มีตั้งสองคนแล้วทำเหมือนกับเป็นข้าวใหม่ปลามันอยู่ได้ น่าเบื่อจริงๆ”
“อันนี้เหรอ……ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันสิ พวกเราหวานซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หรือเธอจะเคยชินกันแล้ว? ไม่หวานเลยอย่างนั้นเหรอ?
ลั่วหานถอดเสื้อกาวน์สีขาวออก แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อแจ็คเก็ตยาว ผมของเธอถูกเสื้อทับเอาไว้ ในขณะที่มืออันเรียวงามกำลังจะเอื้อมไปหยิบผมที่อยู่ในเสื้อออก ทันใดนั้นก็มีมือที่อบอุ่นมือหนึ่งมาสัมผัสกับมือของเธอ จากนั้นเลื่อนผ่านไป รวบผมอันสลวยเงางามของเธอออกมา
ความอบอุ่นของหลงเซียวโอบล้อมไปที่เธอราวกับอ้อมกอด
“ทำไมมาเร็วจังเลยคะ?” ในใจของเธอรู้สึกหวานและอบอุ่นเธอช่างมีความสุขมากจริงๆ
หลงเซียวยืนอยู่ตรงข้ามกับเธอ ร่างอันสูงโปร่งเปล่งประกายความร้อนแรงออกมา “เสร็จหรือยังครับ?ผมมารับคุณ”
หลินซีเหวินค่อยๆอ้าปากค้างทำปากเป็นรูปตัวโอ “ให้ตายสิ พวกคุณยังบอกว่าไม่หวาน ยังไม่หวานอีกเหรอ! ฉันเลี่ยนจะตายอยู่แล้ว”
หลงเซียวไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด “อะไรนะ?”
ลั่วหานหัวเราะออกมา “เมื่อตอนกลางวันเธอกินขนมหวานเข้าไปนะคะ ยังบ่นว่าหวานติดปากจนถึงตอนนี้”
หลินซีเหวิน “……”
พี่ลั่วคนนี้จริงๆเลย
หลงเซียวคิดว่าเป็นเรื่องจริง “ขนมหวาน? คุณชอบเหรอครับ? เดี๋ยวคืนนี้ผมจะให้พ่อครัวปรุงให้”
ลั่วหานหัวเราะจนแทบจะเป็นตะคริว “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันว่าตอนนี้ก็หวานพอแล้ว หวานมาก”
หลินซีเหวินเอามือปิดหน้าแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เราตัดขาดเป็นพี่เขยพี่สะใภ้กันเถอะ!
เธอตัดสินใจว่าวันนี้เธอจะไม่นั่งรถไปกับพวกเขา “พี่ใหญ่ พี่ลั่ว พวกคุณไปกันก่อนเถอะ ฉันยังมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย เดี๋ยวหลงจื๋อจะมารับฉัน พวกเราเจอกันที่งานนะคะ”
เมื่อพูดจบหลินซีเหวินก็ก้าวขาออกไป
ตอนที่เดินออกจากห้องนั้นพบบังเอิญพบเข้ากับถังจิ้นเหยียน “ท่านรองคณบดี ไม่เตรียมตัวเลิกงานเหรอคะ?”
ในมือของถังจิ้นยังมีเอกสารอยู่บางส่วน “เดี๋ยวผมจะไปที่ห้องทำงานของคณบดีหน่อย แล้วจะรีบกลับมา”
หลินซีเหวินยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสาแล้วพูดว่า “เหอะๆ ท่านรองจะขับรถไปที่งานใช่ไหม?”
“ใช่ครับ มีอะไรเหรอ?” ถังจิ้นเหยียนเซ็นชื่อเสร็จก็นำปากกากลับมาใส่ไว้ในกระเป๋า
“ฉันไม่ได้ขับรถมา ไปกับคุณด้วยได้ไหม?”
หลินซีเหวินไม่ได้ขับรถมาทำงานเนื่องจากบนถนนหิมะตกและเธอก็มีทักษะไม่เพียงพอ กลัวว่าจะกลับไม่ถึงบ้าน ส่วนหลงจื๋อวันนี้ต้องยุ่งอยู่กับงานเลี้ยงประจำปีจนมืดค่ำ ไม่มีเวลามารับเธอ
แต่จากสถานการณ์เมื่อสักครู่เธอ เธอจำเป็นจะต้องดึงหลงจื๋อออกมาเป็นเกราะป้องกันตัว ไม่อย่างนั้นเธอคงเสียเปรียบแย่
“ได้สิครับรอผมสัก 10 นาทีนะ”
“ได้ค่ะๆ ท่านรองคณบดีช่างอบอุ่นจริงๆ คุณเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลกเลย”
ถังจิ้นเหยียนยืนส่ายหัวแล้วยิ้มขึ้น “ก็แค่ติดรถไปด้วยเท่านั้นเองจำเป็นต้องชมกันขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
หลงเซียวเดินโอบเอวลั่วหานลงไปข้างล่าง จากนั้นขึ้นรถไป การบริการที่ควรจะมีทุกอย่างเขาทำให้เธอจนหมด
ลั่วหานมองดูเวลาแล้วยังค่อนข้างเหลือเวลามาก จึงได้เอนศีรษะแล้วกะพริบตามองเขา “ที่รักคะ คุณจะพาฉันไปไหน?”