บทที่1095 คิดไม่ถึงว่าจะรู้จักก่อนแล้ว
เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าจะกลับไปเก็บของที่โรงแรม? แล้วทำไมถึงโทรไม่ติด?
จางหย่งพยายามอีกครั้งอย่างสงสัย แต่คำตอบก็ยังคงเหมือนเดิม
เจิ้งซิ่วหยากับโจวจั่นเดินไปสิบกว่าเมตรแล้ว ถึงพบว่าจางหย่งยังคงตกตะลึงอยู่ด้านหลัง โจวจั่นนั้นมีความทรงจำไม่ค่อยดีกับจางหย่งนัก จึงถอนหายใจอย่างอารมณ์เสีย
“นายจะไปหรือไม่ไป?”
“รีบทำไม หิวจนจะตายแล้วรึไง? รออีกนิดแล้วจะตาย?” จางหย่งเหน็บแนม
นิ้วมือของเขาพิมพ์ข้อความหาอิสซาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าข้อความส่งไปสำเร็จแล้วจึงได้เก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
ต่อให้จะไปในวันนี้ อย่างน้อยก็น่าจะให้เขาไปส่งสิ? ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทั้งสองอยู่ด้วยกันมานานและพวกเขามีชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบากและผ่านความเป็นความตายมาแล้วหลายครั้งเป็นไปไม่ได้ที่อิสซาจะจากไปโดยไม่มีคำพูดใด ๆ
สนามบิน
อิสซาก้าวขึ้นไปบนบันไดและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่นกสองสามตัวบินไปทั่วท้องฟ้าและหายไปบนขอบฟ้าท้องฟ้ายังคงกระจ่างและไม่มีร่องรอยใด ๆ
บอดีการ์ดที่อยู่ข้างเธอก้มลงและกระซิบ “คุณหนูใหญ่ เชิญคุณด้านในเถอะครับ เครื่องบินจะขึ้นแล้ว”
ด้วยใบหน้าที่เย็นชาอิสชาเดินเข้าไปในห้องโดยสารโดยไม่พูดอะไร
เพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลนั้นจะกลับมาอย่างปลอดภัยบอดี้การ์ดทั้งสองปกป้องเธอทั้งด้านหน้าและด้านหลังอย่างระมัดระวัง อีกนิดคงจะต้องมัดมือมัดเท้า
อิสซาปรับที่นั่งให้เข้าที่จนเกือบจะนอนราบ เธอหลับตาและพูดประชด “ไม่ต้องมองฉัน ฉันไม่กระโดดเครื่องบินหรอก”
พูดออกมาแบบนี้ บอดีการ์ดไม่อยากจะเชื่อ ท้ายที่สุดแล้วความประทับใจของอิสซาเบลล่าได้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง มันยากจริง ๆ ที่จะคิด
อิสซาหยิบแว่นกันแดดที่ปกคอเสื้อและสวมมันเพื่อปิดบังสายตา
เลนส์สีดำปิดกั้นดวงตาของเธอ
จนเครื่องบินเทคออฟเธอก็ยังไม่เปิดโทรศัพท์มือถือดู
สิ่งที่ยากทำได้เพียงแค่แนบมือกับโทรศัพท์ผ่านเสื้อเท่านั้น อิสซาลูบมันและรอยยิ้มของเธอค่อย ๆ เย็นลง “เอานี่ไปทิ้งที”
บอดี้การ์ดจ้องไปที่โทรศัพท์ด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูใหญ่ คุณ…”
อันที่จริงไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้
อิสซายิ้ม “ภารกิจของพวกนายคือพาฉันกลับไป ถ้าปล่อยมันไว้ ไม่กลัวฉันจะหนีอีกเหรอ?”
บอดี้การ์ดเจอไม้นี้มาบ่อยจึงไม่กล้าจะชะล่าใจ ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายยอมจำนนและปลดอาวุธ พวกเขาก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ “ครับ คุณหนูใหญ่”
บอดี้การ์ดเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าที่อยู่ข้างตัวและใส่รหัสล็อกไว้
และข้อความที่เพิ่งถูกส่งเข้ามาเมื่อครู่ก็ถูกล็อกอยู่ในความมืดในกระเป๋าใบนั้นด้วย
……
จางหย่งกินอะไรไม่ลงแล้ว อาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะมีแต่จะทำให้เขาอยากจะอาเจียน ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ทำให้ตัวเองเป็นตัวตลก
ตรงกันข้าม เจิ้งซิ่วหยาและโจวจั่นหิวอยู่ครึ่งค่อนวัน ทั้งสองคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ร้านอาหารอิตาลีดั้งเดิมทำให้โจวจั่นนั้นเปรม
จางหย่งกินน้ำอึกหนึ่ง “คุณคนนี้ไม่เคยกินข้างรึไง? ไม่กลัวติดคอตาย?”
โจวจั่นกลอกตา “มีอะไร? มีอะไรก็พูดมาเลย”
เจิ้งซิ่วหยากลืนพาสต้าและยกคางขึ้น “อกหัวเหรอ? เลือดจะไปลมจะมา? เหวี่ยงจริง ๆ”
จางหย่งรู้สึกเหมือนลิงที่โดนเหยียบหางแล้วกระโดดโหยงเข้าอย่างจัง “เฮ้ย! เธอสิอกหัก!”
ข้าไม่เคยมีความรักสักครั้ง อกหักบ้านเธอสิ!
“เอาเถอะ ฉันไม่มีเวลาจะมาถกปัญหาหัวใจด้วยหรอก พูดเรื่องงาน ไอ้ลูกกระจ๊อกที่อยู่ในบ้านนั่นมีความสัมพันธ์กับ Cres ไม่ธรรมดาเลย” เจิ้งซิ่วหยาดื่มน้ำเพื่อให้ชุ่มคอและใช้มือเช็ดคออย่างมืออาชีพ ทำท่าฆ่าคน
โจวจั่นเอียงมุมปาก “เพ้อเจ้อ ผมรู้ เข้าประเด็น”
“ประเด็นคือ Cres ต้องการดึงคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา น่าเสียดาย แต่เพราะแผนการของ Cres นั้นไม่ราบรื่น เขาต้องการฆ่าคนหนึ่งในนั้นคือศัตรูของเขาพูดไปคุณไม่ก็รู้จัก”
เจิ้งซิ่วหยาเขย่าแก้วน้ำในมือของเธออย่างงดงามการแสดงออกของเธอค่อนข้างเหมือนนักสืบที่มีประสบการณ์
แต่จางหย่งไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเห็นรูปร่างเว้าของเธอ “คุณจะพูดหรือไม่พูดกันแน่? ผมให้คุณพูดใจความสำคัญ ไม่ต้องอารัมภบทยาวขนาดนี้”
“ฉันกลัวว่าถ้าพูดออกไปตรง ๆ คุณจะรับไม่ได้ ช่างเถอะ ๆ ฉันจะบอกคุณแล้วกัน” เจิ้งซิ่วหยาโบกมือไปมา ให้จางหย่งเขยิบหูเข้ามาใกล้อีกนิด จากนั้นอีกฝ่ายก็แนบใบหน้าไปอย่างรังเกียจ
“MAX สมาชิกรัฐสภาชายผู้มีชื่อเสียงระดับเทพของสหราชอาณาจักร เมื่อสามสิบปีก่อน เขามีชื่อเสียงมากจนก้าวลงจากตำแหน่งในเวลาต่อมา เขาทำธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่าง จนเข้าไปกระตุกหนวดเสือของ Cres เข้า
ตอนนั้นทั้งสองต่างอยู่บนจุดสูงสุดและทั้งคู่ต้องการรับสมัครเพื่อนร่วมทีมที่แข็งแกร่งที่สุด MAX นั้นลงมือได้เร็วกว่า จึงได้ชักชวนคุณมู่เส้าเอินมาเป็นผู้ช่วยของตนจนได้ คุณอย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้ว่ามู่เส้าเอินเป็นใคร”
เจิ้งซิ่วหยาดื่มน้ำอีก
จางหย่งเงยเปลือกตามองเธอ “ไอ้นั่นมันเปิดปากบอกเองเหรอ?”
“อือ เขายังบอกด้วยว่า สิบปีก่อน พวกเขาทั้งหมดแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ตามฆ่าคนสามคน”
จางหย่งเกลียดวิธีการพูดแบบค้างคาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของเจิ้งซิ่วหยาจนอยากจะฉีกปากของเธอ “ใคร?”
เจิ้งซิ่วหยาป้องหูของจางหย่งด้วยมือข้างเดียวและกระซิบ “อันดับแรก หลงเซียว”
ทันใดนั้นดวงตาของจางหย่งลุกวาว “เจ้านายผม? ไม่น่านะ ตอนนั้นเขาถูกหลงถิงตามฆ่า หลงถิงทำเพื่อต้องการจะกำจัดปัญหาในอนาคต ไม่ยอมให้หลงเซียวสืบทอดกิจการ ไม่มีอะไรเกี่ยวโยงถึง Cres ?”
เขาได้ยินแล้วงง เจ้านายถูกหลงถิงตามฆ่าจนเกือบตายในอุบัติเหตุรถยนต์ นี่คือสิ่งที่หลงถิงสารภาพด้วยตัวเอง
เจิ้งซิ่วหยายิ้ม “คุณรู้แค่ส่วนแรก ยังไม่รู้ส่วนที่สอง หลงถิงตามฆ่าหลงเซียว เป็นคำสั่งของ Cres รู้ไหมว่าทำไม?”
ดวงตาของจางหย่งกำลังจะสับเธอ “ถ้าคุณเล่นแบบนี้อีก อย่าหาว่าผมไม่เตือน”
เจิ้งซิ่วหยาวางแก้วน้ำอย่างดูถูกเหยียดหยาม เตือน? นายกล้ารึไง?
แน่นอนว่าเวลาแบบนี้เธออดทนไว้จะดีกว่า “ฉันไม่สนใจเรื่องบุญบาปบุญคุณระหว่างหลงถิงกับเจ้านายของคุณ เรื่องที่เป็นกระแสนิยมจากข้างนอกฉันก็ไม่ใส่ใจ เรื่องสำคัญวันนี้คือ หลงถิงเป็นหมากตัวหนึ่งของ Cres ถูก Cres ควบคุม หลงถิงอาจจะคิดฆ่าหลงเซียว แต่ก่อนที่เขาจะลงมือ Cres จะต้องออกคำสั่งก่อน”
เจิ้งซิ่วหยาพอใจกับท่าทีตกตะลึงของจางหย่งมาก
“หลงเซียวแย่งธุรกิจอันหนึ่งของ Cres มา อีกทั้งยังเกือบทำให้ Cres ตาย”
จางหย่งใช้ความคิดอย่างหนัก ธุรกิจ?
หรือว่าตอนนั้นเจ้านายนำเงินที่พลิกวิกฤตของ MBK เป็นเงินจากธุรกิจของ Cres? ดังนั้น… Cres จึงโกรธและต้องการจะฆ่าเขา?
เจิ้งซิ่วหยาย่อยข้อมูลได้พอประมาณแล้วจึงพูดต่อ “คนที่สองที่เขาอยากฆ่าคือถังจิ้นเหยียน”
จางหย่ง: “…”
เธอพูดให้ชัดกว่านี้หน่อย!
ทันทีที่เจิ้งซิ่วหยาพูดถึงถังจิ้นเหยียนคิ้วเธอก็ขมวดแน่น “อันที่จริง Cres ต้องการจะฆ่าพ่อของพังจิ้นเหยียน แต่พ่อของเขาไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลยหลังจากเลิก Cresจึงคิดว่าฆ่าเขาไม่มีความหมายอะไร ดังนั้นจึงอยากจะให้เขาต้องเป็นคนหัวหงอกส่งคนหัวดำ ให้เขาต้องทนทุกข์เสียใจไปตลอดชีวิต แรงมะ?”
จางหย่งอุทาน “แม่ง! ร้อยเล่ห์เพทุบาย!”
พูดถึงตรงนี้เหมือนจางหย่งจะเข้าใจแล้ว
ในตอนที่ Cres จะฆ่า MAX เขาจุดชนวนระเบิดทำร้ายผู้บริสุทธิ์รวมถึงคนที่เขารักด้วย
และอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้เจ้านายเกือบตาย ก็เป็นผลงานของ Cres
หลงถิงเป็นเป้า หรือจะบอกว่าเขาเป็นระเบิดควัน
เจิ้งซิ่วหยาขบขากรรไกร “ให้โอกาสคุณ เดาดูว่าคนที่สามคือใคร?”
จางหย่งคิดอย่างจริงจัง “คนในตอนนั้น…หรือว่าจะเป็นศาสตราจารย์ส้งชิงเซวี๋ยน?”
“ฟู่! คิดให้ดีสิ คิดดูอีกที”
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่ถึงขั้นนั้น เขาเป็นเพียงหมอที่น่าสงสารเท่านั้น
“หรือว่าจะเป็นหลงถิง?”
ดำจะกินดำได้ยังไง?
“คุณไม่มีศักยภาพในการเป็นนักสืบจริง ๆ คุณจะเป็นโปรแกรมเมอร์ไปตลอดชีวิต” เจิ้งซิ่วหยาไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
โจวจั่นกินจนเกือบเสร็จแล้วและฟังอยู่นานพอแล้ว เขามองจางหย่งอย่างดูถูก “คิดดูสิ ใครที่สามารถคุกคาม Cres ได้? คนที่มีอิทธิพลต่ออาชีพของเขาคือคนที่ทำให้เขาตอบสนอง”
จางหย่งอยากจะด่าแม่ “แม่ง สามสิบปีก่อนผมจะเป็นอากาศอยู่เลย ผมจะไปรู้ได้ยังไง!”
เจิ้งซิ่วหยาใช้ลิ้นดุนฟันเพื่อต้องการจะเอาเศษเนื้อออกและก็ล้มเหลวหลังจากลองแล้ว “ฉันก็อุตส่าห์บอกว่าสิบปีก่อน คิดดี ๆ สิ”
จางหย่งค่อย ๆ เอนพิงเก้าอี้ “ใคร…ผมไม่รู้”
คนที่พอจะเดาได้เขาก็เดาไปแล้ว ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะคิดถึงใครได้อีก
“คนนั้นคือฉู่ลั่วหาน”
“อะไรนะ? !”
จางหย่งลุกขึ้น ครั้งนี้มันน่าโมโหจริง ๆ
พูดจาบ้า ๆ! มันเกี่ยวอะไรกับเธอ! สิบปีก่อนเธอยังเป็นนักเรียนแพทย์อยู่เลย ถึงจะฝีมือดีและตามอาจารย์เข้าห้องผ่าตัดแล้ว
เจิ้งซิ่วหยาเลิกคิ้วพลางซุบซิบ “สิบปีก่อน ตอนที่หลงเซียวกำลังแย่ ใครช่วยเขาไว้?”
จางหย่งมึน “เถ้าแก่เนี้ยของเรา”
จิ้งซิ่วหยาตบต้นขา “แล้วไง?”
จางหย่งยังคงคิดไม่ออก “แต่…ผมไม่เห็นว่า Cres จะทำอะไรเถ้าแก่เนี้ยของเรา เถ้าแก่เนี้ยถูกเพ่งเล็งหลังจากคบหากับเจ้านายของเราแล้ว”
เจิ้งซิ่วหยาหัวเราะหึ ๆ “ นายมันเด็กน้อยไร้เดียงสาไปแล้ว นายคิดว่าที่คุณหมอฉู่ตกจากหน้าผาและมีคนพบ จากนั้นก็กลับประเทศจีน และเรื่องต่าง ๆ มันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นเหรอ?”
จางหย่งรู้สึกถึงความทรมานในหัว “เดี๋ยวก่อนคุณ อย่าพูดมั่ว ๆ ผมคิดตามไม่ทัน”
“ไม่มีอะไรให้คิดไม่ออก Cres ต้องการจะทำลายทุกคนที่อยู่รอบตัวหลงเซียว จะฆ่าให้ตายทันที หรือปล่อยทิ้งไว้ให้ทรมาน ผ่านไปแล้วมากมาย แต่ข้อดีที่ Cres มีคือความอดทน เขาเหมือนกับแมวตัวหนึ่งที่มองดูเจ้าหนูสีขาวที่กำลังดิ้นรนอยู่ในอุ้งเท้า เพลิดเพลินอย่างไร้ความปรานี
บุญคุณความแค้นระหว่างตู้หลิงเซวียนกับ Cres เริ่มต้นจากวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อหลายสิบปีก่อน จากนั้น เรื่องของคุณหมอฉู่กับตู้หลิงเซวียนที่พัวพัน อีกทั้งยังมีเรื่องของหลงเซียวอีก เรื่องนี้ มันบังเอิญขนาดนั้นเหรอ?”
เจิ้งซิ่วหย่ากินอิ่มแล้วและไม่อยากกินอีกแล้ว
ความจุสมองของจางหย่งไม่เพียงพออีกต่อไป “เขาบอกคุณทั้งหมดนี่เหรอ?”
เพชฌฆาตรู้มากขนาดนี้เลยเหรอ?
“ใช่น่ะสิ คุณคิดว่าเขาเป็นแค่ฆาตกรธรรมดาเหรอ? คุณนี่ไร้เดียงสาอีกแล้ว เขาเป็นคนที่ Cres ส่งให้มาอยู่ข้างจิ้นเหยียนเพื่อหาข่าว เขาเล่นฉากช่วยชีวิตผู้คนและหลอกเพื่อให้จิ้นเหยียนไว้ใจ เพื่อที่จะได้หาข่าวจากเขาได้มากขึ้น แต่ความดีของจิ้นเหยียนทำให้เขาซาบซึ้ง เขาไม่ลงมือ…ดังนั้นพูดได้ว่า ผู้ชายของฉัน…”
“คุณพอเลย! พูดเรื่องจิงรัง!”
ผู้หญิงคนนี้! มีโอกาสก็เอาแต่โฆษณาถังจิ้นเหยียน!
“เรื่องจริงจังก็คือ Cres หมดความอดทนแล้ว เขาอยากจะฆ่าคนที่เขาต้องการทั้งหมด เจ้านายของคุณ เถ้าแก่เนี้ยคุณ…แล้วก็ผู้ชายของฉัน
อ้อ MAX ชายอังกฤษผู้เสียโฉม Cres ก็ไม่อยากจะเล่นเกมแมวจับหนูด้วยแล้ว”
เจิ้งซิ่วหยาหัวเราะอย่างดูแคลน ดูเหมือนคิดว่าเรื่องตลกเป็นเรื่องตลกร้าย
จางหย่งกับหัวเราะไม่ออก “นี่คุณโรคจิตปะเนี่ย? หัวเราะอะไร?”
เจิ้งซิ่วหยากางมือของเธอออก “หัวเราะโลกที่ไร้สาระนี่ไง ตลก”
จางหย่งหน้าดำคร่ำเครียดจนเหมือนก้นกระทะ “คุณไม่รีบติดต่อคน ควบคุมตัว Cres ก่อนที่เขาจะลงมือ!”
เจิ้งซิ่วหยายิ้มเล็กน้อย “ไม่ทันแล้ว”
ทันทีที่พูดจบ ลำแสงของรังสีอินฟราเรดได้รวมจุดแสงไว้ที่หน้าผากของเจิ้งซิ่วหยา สายตาของปืนไรเฟิลพุ่งเข้ามาในที่สาธารณะอย่างโจ่งแจ้ง
จางหย่งอ้าปากค้าง สวบ