บทที่ 1119 ปีเก่าผ่านไปด้วยดี ปีใหม่มาพร้อมกับความหวัง
หมอหมดหนทางรักษาแล้ว มอบช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตให้กับญาติผู้ป่วย
ลั่วหานเช็ดน้ำตา คว้าลูกบิดประตู ไม่กล้าเดินเข้าไป ขณะก้าวเข้าไป ไหล่ของเธอก็ถูกกอดเอาไว้ด้วยมือที่อบอุ่น
กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย เป็นหลงเซียวนั่นเอง
“เดี๋ยวผมเข้าไปกับคุณ”
“เหมือนแม่จะ…”
“ผมรู้”
ยังดีที่เขามาแล้ว ไม่งั้น เธอจะทำยังไง แม้แต่ความกล้าที่จะเดินเข้าไปเธอก็ยังไม่กล้า
ห้องพักเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงเครื่องช่วยหายใจ ลั่วหานและหลงเซียวนั่งอยู่หน้าเตียง จ้องมองหยวนชูเฟินที่กำลังหลับใหล
ยาที่ใช้รักษามาเป็นเวลานาน ไม่ง่ายเลยที่จะรักษาสภาพเธอเอาไว้ ตอนนี้เส้นผมที่พึ่งเกิดขึ้นมา ร่วงลงไปอีกครั้งแล้ว
เธอผอมมาก เห็นกระดูกชัดเจน ใบหน้าซีดขาว ดวงตาโบ๋ลง มีจุดๆอยู่รอบดวงตา บวกกับเครื่องต่างๆ ริมฝีปากเธอแห้งแตก
“แม่ครับ นี่เป็นของขวัญที่พ่อกับแม่ควรจะได้รับมัน ผมจะสวมมันให้นะ”
หลงเซียวหยิบกล่องกำมะหยี่สวยขึ้นมา หยิบแหวน สัมผัสมือหยวนชูเฟินเบาๆ หัวใจของเขาราวกับถูกบีบแน่น เจ็บปวด เจ็บปวดที่สุด
มือของเขาสั่นเทา สั่นถึงขั้นสวมแหวนไม่ได้ ลั่วหานจับมือหยวนชูเฟินเอาไว้ ช่วยให้หลงเซียวทำสำเร็จ
แหวนวงสวย กับมือผอมบางนั้นดูไม่ค่อยเข้ากัน เห็นได้ชัดว่ามือของเธอนั้นไม่มีสีเลือดแล้ว
หยวนชูเฟินหลับจนถึงห้าโมงเย็น พระอาทิตย์ค่อยๆลับไป เธอถึงได้ค่อยๆลืมตาอย่างยากเย็น
แสงแดดอบอุ่นตกกระทบเข้ามาที่ดวงตาของเธอ ท้องฟ้างดงามราวกับปุยนุ่น มันคือการกระโดดโลดเต้นครั้งสุดท้ายในชีวิต
การหายใจของหยวนชูเฟินแต่ละครั้งนั้นต้องใช้แรงมหาศาล กะพริบตาอยู่หลายครั้งกว่าจะเห็นคนตรงหน้าชัดๆ
หลงเซียว ฉู่ลั่วหาน ชูชู ส้งชิงเซวี๋ยน และหลงถิงที่อยู่ในอาการเลอะเลือน มาอยู่ในนี้ทั้งหมด
“เซียวเอ๋อ…”
หยวนชูเฟินพยายามอย่างหนักเพื่อยิ้มออกมา ร่องรอยสองมุมปากปรากฏเด่นชัด
“ผมอยู่นี่ครับ แม่”
หลงเซียวกุมมือเธอเอาไว้แน่น แนบใบหน้าลงไปให้ความอบอุ่นกับเธอ
“เซียวเอ๋อ แม่จะไปหาพ่อของแล้วนะ ลูกไม่ต้องเสียใจ รับปากแม่ อย่าโศกเศร้าเลย”
หลงเซียวพยักหน้าแรงๆ ความเจ็บปวดในใจนั้นแทบแยกเลือดและหัวใจเขาเป็นชิ้นๆ “ผมรับปากครับ”
“ลั่วลั่ว…”
หยวนชูเฟินพยายามอย่างหนักเพื่อจะลืมตา มองลั่วหาน ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
“แม่คะ หนูอยู่ตรงนี้ หนูอยู่ตรงนี้”
หยวนชูเฟินปลอบใจเธอ “ร้องไห้ทำไม เธอเป็นหมอ…หมอเจอมาเยอะแล้ว…การจากลา”
ลั่วหานอดไม่ได้ เธอไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตาและการหายใจนั้นไม่อาจหยุดได้ “แม่คะ…”
คำหนึ่งคำ พลางสะอื้นหนึ่งครั้ง
ชูชูน้อยอยู่ในอ้อมแขนของลั่วหาน มือเล็กยื่นออกไปสัมผัสใบหน้าหยวนชูเฟินเบาๆ มือเล็กนุ่มนิ่ม ใบหน้าซูบผอม ตรงกลางนั้นเป็นน้ำตาที่เปียกชื้น
“ขอบคุณนะ…ลั่วลั่ว…ไม่มีเธอ ก็คงไม่มีวันนี้…เซียวเอ๋อ…ก็ ก็ไม่มีฉัน…เด็กดี…แม่ขอโทษนะ…ให้ ให้อภัยแม่นะ”
ลั่วหายคว้ามือของเธอเอาไว้ ห้ามความเศร้าโศกเอาไว้ไม่ได้ “แม่คะ หนูไม่โทษแม่ ไม่โทษแม่เลยสักนิด แม่อยู่ต่อได้ไหมคะ แม่คะ ให้เวลากับพวกเราอีกหน่อย รอให้ลูกคลอดออกมาก่อนดีไหมคะ”
ลั่วหานสะอึกสะอื้น ร้องไห้บอก น้ำตาบดบังดวงตา มองไม่ไม่ชัด
กระบอกตาหลงเซียวแดงก่ำ เสียงขึ้นจมูก “ชูชู เรียกคุณย่า…คุณย่า…”
ชูชูตัวน้อยเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของผู้ใหญ่ในห้อง ปากเล็กปิดสนิท ทว่าดวงตากลมโตเบิกกว้างไม่กะพริบ
ลั่วหานสูดหายใจ บอก “ลูกรัก เรียกคุณย่าสิคะ คุณย่ารักชูชูมากเลยนะ เร็ว เรียกคุณย่า…”
ไม่นาน ทุกคนต่างพุ่งความสนใจไปที่ชูชู หยวนชูเฟินเองก็เฝ้ารอด้วยความคาดหวัง
หลงถิงนั่งอยู่บนรถเข็น ไม่สามารถควบคุมใบหน้าได้ น้ำลายไหลไม่หยุด พยาบาลช่วยเขาเช็ดครั้งแล้วครั้งเล่า
ชูชูน้อยยู่ปาก เสียงอ้อแอ้ออกมาจากปากเล็ก “ย่า…ย่า…”
เสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย ทำให้หยวนชูเฟินเบิกบานอยู่ในใจ หัวใจแทบหลอมละลาย
เธอใช้ความพยายาม นานทีเดียวกว่าจะตอบรับออกมา “อืม. และ “อืม” อีกครั้ง “เด็กดี…ชูชู…เด็กดี…น่า…รัก…”
หยวนชูเฟินพึงพอใจ ชาตินี้เธอได้มาหมดแล้ว ไม่เสียดายแล้ว
“เด็กดี…ชูชู…”
หยวนชูเฟินยังคงพึมพำ ไร้เรี่ยวแรง
“เหอะๆ…เหอะๆ…”
หลงถิงหัวเราะออกมา ดวงตาไร้แวว คล้ายกับกำลังดูอะไรอยู่ เขาอ้าปาก น้ำลายก็ไหลออกมา เปรอะเปื้อนเสื้อผ้า
เปียกชื้นไปหมด
หยวนชูเฟินเอ่ยขึ้น “ใครก็คิดไม่ถึง…ใครก็คิดไม่ถึง…”
ช่วงเวลาไม่กี่ปี ทว่าหลายอย่างกลับเปลี่ยนไปตามการกระทำ
เมื่อลองคิดทบทวนกลับไปดู แสงสาดส่อง ความเลวร้าย คำวิพากษ์วิจารณ์ ความสุขและความอบอุ่น
ความทรงจำไม่เคยชัดเจนเท่านี้มาก่อน ราวกับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
เนิ่นนาน มือที่แนบอยู่บนใบหน้าของลั่วหาน ในที่สุดก็สิ้นกำลัง ตกลงไป
“ตี๊ด….”
เสียงเครื่องช่วยหายใจดังขึ้น เส้นที่เคลื่อนไหวราวกับกระแสคลื่นได้ลากตรงแล้ว
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องพักผู้ป่วยอยู่ชั่วครู่ ไม่มีเสียงร้องไห้แทบขาดใจ ไม่มีเสียงกรีดร้อง ไม่มีการยื้อรักษาชีวิต
หยวนชูเฟินจากไปอย่างสงบ สิ่งที่เหลือไว้ให้ลูกๆคือความสงบเช่นกัน
เพียงแต่ ความเจ็บปวดนั้นได้วิ่งวนอยู่ในใจ และกักเก็บจังหวะการเต้นของหัวใจและลมหายใจของทุกคน เจ็บปวดราวกับมีเข็มทิ่มแทง ลูบกับผิวไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ป้าหลันอุ้มชูชูออกไป มือของลั่วหานพลันอ่อนแรง กอดแขนหลงเซียวเอาไว้ ฝังตัวลงไปในแผ่นอกกว้าง น้ำตาหลั่งรินโดยไร้เสียง
ส้งชิงเซวี๋ยนเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา ยืนนิ่งอยู่หัวเตียง ลากผ้าห่มคลุมร่างซึ่งไร้ลมหายใจ ส่งไปอยู่อีกชาติภพ
จี้ตงหมิงทราบข้าวการเสียชีวิตของหยวนชูเฟิน ทำตามคำสั่งของเจ้านาย ไม่ได้แจ้งกับนักข่าว และปฏิเสธให้ข่าวกับสำนักข่าว
เขาอยากให้แม่จากไปอย่างสงบ ไม่อยากให้ใครมารบกวน
ความจริงความปรารถนาของเธอคือ แก่เฒ่าไปพร้อมๆกับคนที่เธอรัก ไม่ใช่ในฐานะนายหญิงใหญ่แห่งตระกูลหลง
ร่างของหยวนชูเฟินถูกส่งไปยังห้องดับจิต ลั่วหานและหลงเซียวยืนอยู่ทางเดินนานทีเดียว ทั้งสองกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ ปลอบใจกันและกัน
สาววันหลังจากนั้น เผาร่างหยวนชูเฟินแล้ว
วันนั้น หิมะตกที่เมืองหลวง
ตื่นเช้าขึ้นมา ท้องฟ้าก็มืดสลัว ประมาณเก้าโมง หิมะก็ค่อยๆโปรยปรายลงมา ไม่นานหิมะสีขาวก็ปกคลุมรถที่จอดอยู่ริมถนน ต้นไม้ใบหญ้าเองก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
สีเขียวสวยงามท่ามกลางหิมะสีขาว บ่งบอกถึงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง รอยเท้าประทับอ่อนตื้นลึกลงบนหิมะ หิมะที่ตกลงมาใหม่ปกคลุมรอยเท้าเก่าๆ และมีรอยใหม่ๆเกิดขึ้น
ไม่ใช่ครั้งแรกที่หิมะตกที่เมืองหลวง แต่ครั้งนี้ตกหนักกว่าครั้งไหนๆ จากหิมะปรอยๆกลายเป็นหิมะขนห่าน ไม่นานหิมะก็ปกคลุมเป็นแผ่นหนาลงมาบนเสื้อผ้า ตั้งแต่เส้นผมจะตกมายังคอเสื้อ เกล็ดหิมะค่อยๆหลอมละลาย
ชานเมืองลมแรง ลมพัดเอาเกล็ดหิมะตกลงมาในคอเสื้อ แขนเสื้อ เมื่อสัมผัสกับผิวแล้วก็อดที่จะขนลุกไม่ได้
ทุกคนกางร่มสีดำ มองจากด้านบนลงมา ร่มสีดำทำให้ดูเคร่งขรึมและดูโศกเศร้า
ภายใต้ร่ม ดวงตาของลั่วหานร้องไห้จนบวมเป่ง คล้ายกับลูกท้อห่อหุ้มอยู่รอบดวงตา
ข้างกายเธอ หลงเซียวท่าทางเคร่งขรึม กระบอกตาแดงก่ำ ไม่ได้ร้องไห้หนักเหมือนลั่วหาน แต่มองออกว่าเขากำลังเสียใจ
ป้ายหลุมฝังศพหินอ่อนสีดำ แกะว่า “หยวนชูเฟินแม่ผู้ลาลับ” ตัวอักษรตัวใหญ่ๆ ด้านล่างเขียน “จดจำอยู่ในใจหลงเซียว” ด้านล่างเป็นเถ้ากระดูกของหยวนชูเฟิน และแหวนอีกสองวง
ถัดจาดหลุมฝังศพใหม่ คือสุสานของมู่เส้าเอิน ป้ายหลุมศพตั้งอยู่เคียงคู่กัน กลิ่นหอมของดอกพลัมสีเหลืองมากับสายลม หิมะละลายไปกับกลีบดอก ช่วยบรรเทาความหนาวของฤดูหนาวลงได้บ้าง
งานพิธีดำเนินต่อไปอีกไม่นาน ลั่วหานกำลังท้อง หลงเซียวไม่อยากให้เธอต้องทนหนาว เมื่อบาทหลวงอ่านคัมภีร์จบแล้ว ทำพิธีไหว้ง่ายๆ “อาเมน” จบลง โค้งคำนับให้แก้ผู้วายชนม์
“อาหมิง พานายหญิงไปขึ้นรถ”
จี้ตงหมิงกางร่มให้ลั่วหาน เข้ามารับแทนหลงเซียว ส่งลั่วหานขึ้นรถไป ประคองแขนเธอไปตลอดทางเพราะกลัวว่าเธอจะลื่นหิมะ
หน้าสุสาน เหลือเพียงหลงเซียวและส้งชิงเซวี๋ยนสองคน
ร่มสองคันมีหิมะหนาเกาะอยู่ สีขาวของหิมะตัดกับสีดำของร่มอย่างเด่นชัด
ส้งชิงเซวี๋ยนควักกล่องบุหรี่ขึ้นมา “ผมสูบหนึ่งมวนได้ไหม”
“ขอผมหนึ่งมวน”
ส้งชิงเซวี๋ยนชะงัก ส่งบุหรี่หนึ่งมวนให้เขา
ทั้งสองจุดบุหรี่ สูบบุหรี่ไร้เสียงพูดคุย แสงสีแดงจุดขึ้นและดับลง ตามมาด้วยควันสีขาวลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ
“ต่อไป คุณจะทำยังไงต่อ” หลงเซียวจุดบุหรี่ และเคาะเบาๆ
ส้งชิงเซวี๋ยนอยู่จีน เพื่อดูแลหยวนชูเฟิน ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว หรือบอกง่ายๆว่าแรงจูงใจที่คอยสนับสนุนเขาไม่อยู่แล้ว
ส้งชิงเซวี๋ยนดูดบุหรี่ไปเรื่อยๆ หมดหนึ่งมวน ก็จุดมวนใหม่ “ผมเหรอ ที่ไหนก็ได้ สำหรับผมแล้ว ก็เหมือนๆกัน”
“จะอยู่จีนต่อหรือเปล่า”
“จีน…ไม่รู้สิ”
ที่นี่มีความทรงจำที่เจ็บปวดมากมาย โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย ทุกครั้งที่มองเห็นประตูโรงพยาบาล ก็มักจะนึกถึงหยวนชูเฟิน
“ผมอยากให้คุณอยู่ ต่อไปผมกับลั่วลั่วจะดูแลคุณเอง”
เขาไม่เหลือพ่อแม่แล้ว บุญคุณที่ส้งชิงเซวี๋ยนมีต่อพวกเขา พวกเขาควรใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อตอบแทนเขา เป็นเหมือนลูกหลาน คอยดูแลเขา
“สองปีนี้ ผมอยากออกไปข้างนอก”
“ไปคนเดียวเหรอครับ”
“อืม คนเดียว ไม่เคยมีความผูกพัน ดีมากแล้ว”
“สองปีเหรอ”
“อืม สองปี หลังจากสองปีแล้ว อาจจะกลับมา หรือไม่…”
“ให้เวลาคุณสองปี หลังจากสองปีแล้ว เจอกันที่เมืองหลวง นี่คือคำสัญญา”
หลงเซียวไม่ได้พูดคุยตกลงกับเขา เขากลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับส้งชิงเซวี๋ยน กลัวแม้เป็นเรื่องเล็กน้อย เขาไม่อยากเสี่ยง
เคยประสบมาแล้ว ยิ่งอยากรักษาคนที่เขารักทุกคนไว้ให้ดีที่สุด อยากใช้ความสามารถของตัวเองทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดี
“ผมจองตั๋ววันนี้เอาไว้แล้ว เดี๋ยวอีกสักพักก็จะไปสนามบิน”
การตัดสินใจของเขา รวดเร็วขนาดนี้
“ผมจะไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก ส่งกันไปมา มันเจ็บปวด ผมไม่เป็นไร วางใจเถอะ”
“ดูแลตัวเองด้วย”
“คุณก็ด้วย ดูแลตัวเอง”
จี้ตงหมิงและลั่วหานมองทั้งสองคนมีเพียงกระจกกั้น หลงเซียวตัวสูง สูงกว่าส้งชิงเซวี๋ยนเยอะมากทีเดียว
“คุณผู้หญิงครับ คุณว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน”
ด้านนอกนั้นหนาว ด้านในร้อน บนกระจกมีหยดน้ำเกาะอยู่ ไหลลงเป็นทาง
“ปีเก่าผ่านไปด้วยดี ปีใหม่มาพร้อมกับความหวัง