บทที่ 1137 ความคิดในใจอย่าเยอะมากจนเกินไป
ในสติที่เลือนลาง เจิ้งซินได้ยินเสียงเครื่องยนต์มหึมาดังก้องที่เครื่องบินเท่านั้นถึงจะมี
ดวงตาทั้งสองของเธอหนักอึ้งลืมไม่ขึ้นไปชั่วขณะ อยากจะยื่นมือออกไปขยี้ตา แต่เพิ่งจะคิดขยับมือ ก็พบว่าแขนถูกของอะไรบางอย่างยึดเอาไว้แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะขยับไม่ได้
สมองของเจิ้งซินคิดอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างราวกับถูกไฟฟ้าช็อต!
กู้เยนเซินกำลังโน้มตัวมองดูเธอจากทางด้านบนเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม ยังมองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่งอย่างสนใจเป็นอย่างยิ่ง “ดูเหมือนตัวเลขที่ผมควบคุมจะยังคงใช้ได้เป็นอย่างยิ่ง ไม่มากไม่น้อย”
เจิ้งซินมองของตรงหน้าที่สามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็วด้วยความระมัดระวังไปรอบหนึ่ง นี่เธอถึงได้รู้ว่า ตัวเองถูกมัดไว้บนเก้าอี้ที่นั่งของเครื่องบิน เธอแทบจะนอนราบ มือและเท้าทั้งสองข้างถูกยึดด้วยเชือก บนเอวคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้
เครื่องบินกำลังลงจอด ผ่านทางหน้าต่าง สามารถมองเห็นเมืองที่อยู่ด้านล่าง ท้องฟ้ามืดมาก เหนือเมืองมีไฟสว่างอยู่ อีกทั้ง แวบแรกเธอก็มองเห็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองหลวง ดังนั้น…
เธออยู่ที่เมืองหลวง!
คิดไม่ถึงว่าเธอจะถูกพากลับประเทศจีนแล้ว!
กู้เยนเซินชื่นชมการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของเธออย่างสงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้าน ไม่ต้องถามก็สามารถเดาออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“คุณเจิ้งมคุณอยากจะพูดขอบคุณกับผมสักคำใช่หรือเปล่า? ถึงอย่างไรผมก็พาคุณกลับมาประเทศบ้านเกิดจากอเมริกาตั้งไกลเชียวนะ”
กู้เยนเซินโค้งริมฝีปากอย่างคนอันธพาล ดื่มกาแฟไปสองสามคำอย่างสบายๆ แรงโน้มถ่วงจากเครื่องบินลงจอดไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ที่ดีของเขาเลยแม้แต่น้อย
แค่นั้นที่ไหนกัน เขาเรียกได้ว่าปลอดโปร่งโล่งสบายทั่วทั้งร่างกายโปร่งใส ไม่ใช่แค่พาเจิ้งซินกลับมา เขายังสามารถเอาสวัสดิการจากหลงเซียวได้อีกด้วย
สำคัญที่สุดก็คือ เขาจะได้พบภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ที่น่ารักของตนเองแล้ว
ไป๋เวยพักลาคลอดไปหนึ่งปี ระหว่างนั้นต่างก็อยู่ที่อเมริกามาโดยตลอด แต่หลังจากที่ลูกอายุครึ่งขวบ ไป๋เวยก็กลับมายังเมืองหลวง ทำงานที่บริษัทฉู่ซื่อใหม่อีกครั้ง หลงจื๋อคือประธานของบริษัทฉู่ซื่อ เธอคือรองประธาน
ทั้งสองคนตกลงกัน ไป๋เวยกลับไปอเมริกาอย่างน้อยเดือนละครั้ง พบลูกชาย อยู่พร้อมหน้ากับเขา
แต่ว่านะ ทหารที่อยู่ห่างไกลไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกษัตริย์ก็ได้ สองเดือนแรกเริ่ม เธอกลับอเมริกาตามเวลาที่กำหนดจริงๆ แต่ว่าหลายเดือนมานี้ เธอดูเหมือนไม่ได้กลับไปเลย แม้ว่าทั้งสองคนจะวิดีโอคอลด้วยกันบ่อยๆ ไป๋เวยก็ไม่ได้ขาดหายไปในการเจริญเติบโตของลูก แต่วิดีโอคอลกับพบตัวจริงเหมือนกันได้หรอ!
สีหน้าของเจิ้งซินซีดเผือดไปตั้งนานแล้ว เธอใช้แรงดิ้นรนมือและเท้าทั้งสองข้าง แต่กำลังที่เธอใช้ยิ่งมากเท่าไร การเสียดสีของเชือกก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น สุดท้ายเจ็บจนเธอไม่ยอมแพ้ไม่ได้
“กู้เยนเซิน คิดไม่ถึงว่าคุณจะลักพาตัวฉัน!ฉันจะฟ้องคุณ!”
เจิ้งซินกัดฟันกรอด ความโกรธที่มากเกินระดับทำให้ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว ใบหน้าขมวดเข้าหากันด้วยมุมที่เกินความเป็นจริง สายตาที่เลือดเย็นพยายามจะฉีกกู้เยนเซินออกเป็นชิ้นๆ
ตู้หลิงเซวียนเคยเตือนเธอว่า ในเวลานี้เธอไม่อาจกลับประเทศได้โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นมีโอกาสเป็นไปได้มากว่าจะไม่สามารถออกมาได้อีก
ตอนนี้ ความหวาดกลัวในใจของเธอไม่ได้น้อยไปกว่ายืนอยู่ใต้กระบอกปืน กำลังจะถูกดำเนินการประหารชีวิต
กู้เยนเซินไขว้ขาข้างนึงขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ “เอาสิ ไปฟ้องให้เต็มที่ ต้องการให้ผมช่วยคุณหาทนายหรือเปล่าล่ะ? ผมกังวลว่าหากคุณไปหาเองล่ะก็ ไม่มีใครยอมช่วยคุณขึ้นศาลนะ”
คดีของเจิ้งเฉิงหลินเวลาสั้นๆเพียงแค่สองวันก็ได้เอิกเกริกจนเป็นที่รู้กันทั่วทั้งประเทศ ประชาชนทั้งหลายโห่ร้องอย่างเปิดเผย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เร่งความเร็วในการตรวจสอบไม่ได้ บวกกับเมืองเจียงเฉิงทางนั้นมีเฉินว่านเหนียนคุมอยู่ ไม่มีใครกล้าหละหลวม
ดังนั้น ไม่ว่าเจิ้งเฉิงหลินจะยอมรับหรือไม่ สุดท้ายเขาก็หลบไม่พ้น
ต่อให้เขาจะพูดเก่งขนาดไหน อยู่ต่อหน้าอำนาจของกฎหมาย ก็จำเป็นจะต้องยอมอ่อน
พอคิดเช่นนี้ กู้เยนเซินอย่าสะใจมากจนเกินไป
ในใจของเจิ้งซินกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เธอสลบไปนานมาก สันนิษฐานว่าการพัฒนาของสภาพการณ์ได้เกินความขาดหมายของเธอไปตั้งนานแล้ว
“ปล่อยฉัน!เรื่องใดๆก็ตามติดต่อทนายของฉันโดยตรง”
เจิ้งซินถลึงตาโตอย่างเกรี้ยวกราด เผชิญหน้ากับกู้เยนเซินด้วยท่าทีที่ต่อต้านอย่างเด็ดเดี่ยว
“คุณเจิ้ง ผมเตือนคุณว่าให้ว่านอนสอนง่ายหน่อย ยังจะสามารถได้รับความทรมานน้อยลงบ้าง ไม่เป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อย ไม่น่ารักเลยแม้แต่นิดเดียว”
กู้เยนเซินแกว่งแก้วน้ำไปมา “ดื่มน้ำไหม? กาแฟ? น้ำผลไม้? ไวน์? ผมปฏิบัติต่อนักโทษอ่อนโยนมากนะ เห็นแก่ที่คุณกำลังจะเข้าไปนั่งในคุกเร็วๆนี้ ผมให้คุณดื่มไวน์ที่ผมเก็บสะสมแก้วหนึ่ง ไวน์บอร์โดซ์เก็บสะสมนานแปดปี ไวน์ดีระดับพระราชวังเลยนะ นอนคุกก็ดื่มไม่ได้แล้ว!”
เจิ้งซินโมโหจนหน้าอกขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง “ถุ้ย!”
ดีที่มือของกู้เยนเซินเก็บกลับมาไวมากพอ เศษน้ำลายของเจิ้งซินจึงไม่ได้กระเด็นเข้าไป “จุ๊ๆ เกือบจะเสียดายไวน์ของผมแล้ว”
เจิ้งซินกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ในสมองสะท้อนความคิดที่ไม่เป็นมงคลนับไม่ถ้วน
ทำยังไงดี? ตอนนี้เธอจะทำยังไงดี?
คุณพ่อสารภาพทุกอย่างกับกรมอัยการไปแล้วใช่หรือเปล่า?
พวกเขาจะใช้วิธีการที่รุนแรงสุดขีดบีบบังคับท่านหรือเปล่านะ?
ยิ่งคิด ในใจของเธอก็ยิ่งกลัว กลัวจนสั่นไปทั่วทั้งร่างกาย
เครื่องบินในที่สุดก็จอดลงที่สนามบิน ประตูของห้องโดยสารยังไม่ได้เปิดออก ก็มองเห็นรถตำรวจแถวหนึ่งจอดอยู่ที่ด้านล่าง ไซเรนกระพริบ รวมตัวกันกลายเป็นคลื่นไฟหลากสี
ตำรวจและฝ่ายอัยการที่สวมชุดเครื่องแบบสิบกว่าคนยืนอยู่ที่ด้านล่าง เรียบร้อยสม่ำเสมอมีระเบียบเป็นอย่างมาก ชุดเครื่องแบบทั้งตัวเดิมทีก็แฝงความรู้สึกเป็นพิธีรีตรองที่เข้มข้นอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยังมีรถตำรวจคุ้มกันเครื่องบิน มีความรู้สึกต้อนรับคนของผู้นำ
กู้เยนเซินพอเห็นฉากแบบนี้ แก้วไวน์ก็วางลงอย่างเรียบร้อย
ทำธุรกิจมาหลายปี ที่ปวดหัวที่สุดก็คือคบค้าสมาคมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะต้องมีการปะทะกันกับคนที่สวมเครื่องแบบไม่มากก็น้อย แต่วันนี้ กู้เยนเซินมีความรู้สึกภาคภูมิใจแบบสร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวงเทิดเกียรติให้กับบรรพบุรุษแบบนั้น
กู้เยนเซินจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย ใช้มือหวีจัดทรงผม รับประกันทรงผมไม่ยุ่ง ถึงอย่างไรเขาก็คือบุคคลหลักสำคัญ ปรากฏตัวจำเป็นต้องหล่อ!
ไม่ช้า ประตูห้องโดยสารเปิดออก กู้เยนเซินกระแอมทำลำคอให้โปร่ง คิดว่าอีกสักครู่ตอนที่เดินบันไดโบกมืออะไรอย่างงั้นได้ใช่หรือเปล่า? คนที่เป็นผู้นำดูเหมือนจะทำแบบนี้กันทั้งนั้น ด้านล่างคนทั้งกลุ่มยังต้องจ้องมองด้วยสายตาที่เคารพ
แต่ว่า กู้เยนเซินยังไม่ทันได้ก้าวขาออกไป ตำรวจที่ร่างกายสูงใหญ่สองคนก็ได้ก้าวเดียวสามขั้นบันไดพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ผ่านไหล่กับกู้เยนเซิน พุ่งตรงเข้าไปในทันที
“พวกเราคือตำรวจอาชญากรรมของสถานีตำรวจเมืองหลวง ขอความกรุณาไปกับพวกเราสักรอบ”
คำพูดนี้ของเขาคือพูดกับเจิ้งซิน
กู้เยนเซินมองดูท้องฟ้าอย่างหมดคำพูด รู้สึกตัวเองถูกละเลยแล้ว
ทำไมความแตกต่างระหว่างความจริงกับละครมากมายขนาดนั้น!
ทั้งสองคนปลดเชือกที่อยู่บนร่างกายของเจิ้งซินออกอย่างมือเท้าคล่องแคล่ว จากนั้นก็ได้ยินเสียง“แกร็ก”ขึ้นมา กุญแจมือที่เย็นเฉียบล็อกข้อมือของเธอเอาไว้ในทันที
เจิ้งซินจ้องมองหนึ่งในนั้นอย่างเยือกเย็น “ทางที่ดีที่สุดคุณลองคิดดูหน่อย ว่าจะอธิบายกับทนายของฉันยังไง”
ตำรวจจะถูกทำให้ตกใจเสียยกใหญ่ได้ยังไง เอ่ยอยากสงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านว่า “ให้ทนายของคุณออกหน้าเต็มที่ ฝ่ายอัยการของเราสแตนด์บายตลอดเวลา”
กู้เยนเซินมองส่งตำรวจสองนายลงจากเครื่องบินด้วยสายตาที่เคารพ ในใจเอ่ย เชี่ย ตำรวจจีนเปลี่ยนเป็นหล่อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
เจิ้งซินถูกส่งเข้าไปในรถตำรวจคันหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้น โดยรวมก็ไม่มีเรื่องอะไรของกู้เยนเซินแล้ว
ในใจ หดหู่จริงๆเลย
“คุณกู้”
กำลังคิดเขาลำบากมาตลอดทาง แม้แต่คำถามไถ่สารทุกข์สุกดิบก็ยังไม่มี ไร้ความซื่อสัตย์และจริงใจเกินไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง ก็เห็นเจิ้งซิ่วหยาและโจวจั่นเดินเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงกัน
เจิ้งซิ่วหยาสวมชุดลำลอง โจวจั่นกลับเป็นชุดตำรวจที่แข็งทื่อ
กู้เยนเซินยิ้มเล็กน้อย “คุณตำรวจเจิ้ง คุณตำรวจโจว สวัสดีตอนเช้า…ไม่ใช่ สวัสดีตอนดึกครับ”
เจิ้งซิ่วหยาหัวเราะพรวดออกมา “ไม่ดึกค่ะ เดี๋ยวก็สว่างแล้ว คุณกู้ลำบากมาตลอดทางแล้ว ขอแสดงความขอบคุณต่อคุณกู้อย่างจริงใจค่ะ!”
ฟึ่บ!
เจิ้งซิ่วหยาและโจวจั่นชูแขนขึ้นพร้อมกัน ทำท่าวันทยาหัตถ์แสดงความเคารพอย่างหล่อเหลาเป็นมาตรฐาน
กู้เยนเซินถูกทำให้ตกใจจนถอยหลังออกไปครึ่งก้าว พระเจ้า รับไม่ไหวๆ “ฮ่าๆๆ สมควรครับ สมควรครับ การลงโทษความชั่วร้ายส่งเสริมความดีเป็นคุณสมบัติที่พื้นฐานที่สุดของพลเมืองครับ”
เจิ้งซิ่วหยาวางแขนลง “คุณกู้และคุณหลงช่วยทางตำรวจและกรมอัยการทำเรื่องใหญ่หนึ่งเรื่อง พวกเราขอบคุณมากจริงๆ กลับไปจะมอบธงที่ระลึกให้กับคุณและคุณหลงหนึ่งผืนค่ะ”
กู้เยนเซินปากกระตุกเล็กน้อย “ธงที่ระลึก?”
ก็คือธงผ้าสีแดงที่เขียนตัวอักษรเอาไว้ในตำนาน ปกติต้องแขวนไว้บนตำแหน่งที่เห็นได้ชัดที่สุดของห้องทำงาน ให้คนแวบเดียวก็มั่นใจว่าพวกเขาเป็นคนดี?
ไม่ๆๆๆ อย่าเลยจะดีกว่า
ประการแรก ธงที่ระลึกมีผลต่อเค้าโครงโดยรวมของห้องทำงานเขา ไม่เหมาะสมกับเฟอร์นิเจอร์
ประการที่สอง เขาถือเป็นคนดีอะไร มองดูทุกวันจะคันขนาดไหน
แต่ว่า บนใบหน้าของกู้เยนเซินกลับยิ้มบานแฉ่ง “จริงหรอครับ? มีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษไหม? อเมริกาทางนั้น ชาวต่างชาติที่รู้ภาษาจีนไม่ได้เยอะมาก ฮ่าๆๆๆ!”
เจิ้งซิ่วหยาและโจวจั่นก็หัวเราะพรืดออกมาเช่นเดียวกัน “มีค่ะ สามารถเป็นพิเศษเวอร์ชั่นสองภาษาได้”
“ฮ่าๆๆ งั้นดีครับ โอ๊ย สหายตำรวจก็คือไม่เหมือนกัน ขอแสดงความเคารพ!”
กู้เยนเซินก็ชูมือขึ้นอย่างห่างออกไปไกล แต่ว่าท่าวันทยหัตถ์ทำได้ไม่เท่าไร ตลกมาก
เจิ้งซิ่วหยาถูกเขาหยอกล้อจนทำให้ขำอยู่ตลอดเวลา “อันนี้ ท่านเซียวให้ฉันมอบให้กับคุณค่ะ”
ในมือของเธอถือกล่องไม้ทรงผืนผ้าเอาไว้ ส่งให้กับกู้เยนเซิน
บนกล่องใช้ภาษาอังกฤษตัวเขียนเขียนตัวอักษรบรรทัดหนึ่งเอาไว้ รวมกันขึ้นมาก็คือไวน์ประเทศฝรั่งเศสบางรุ่น
“เชี่ย คุณภาพเยี่ยมนี่!คุณชายใหญ่หลงออกของใจกว้างมากจริงๆ เขาล่ะครับ?”
บอกเอาไว้อย่างดีว่าจะมารับเขา ทำไมแม้แต่เงาก็ไม่เห็น?
เจิ้งซิ่วหยานวดคลึงคิ้ว “หลังจากที่เขากลับมาจากเมืองเจียงเฉิง ก็อยู่ที่สถานีตำรวจให้ความร่วมมือพวกเราในการตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา พอจบลงก็รีบกลับบ้านอยู่เป็นเพื่อนลูกเมีย คุณนึกว่าเขาจะตั้งใจมาดูคุณเป็นพิเศษ?”
ตัดๆไปเถอะ หน้าของคุณไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น
เอาเถอะ เหตุผลนี้โน้มน้าวกู้เยนเซินได้โดยสมบูรณ์แบบ
แต่ว่านะ ไวน์แดงอยู่ ก็ได้!
“คุณตำรวจเจิ้ง ช่วยอีกเรื่องนึงสิครับ