บทที่ 1193 (ตอนพิเศษเซียวลั่ว) ถ้าหากไม่มีคุณ 3
เขาบอก “เราแต่งงานกันเถอะ”
คำพูดจริงจัง น้ำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ เขาย่อตัวลงแทบทำให้หัวใขของเธอหลอมละลายกลายเป็นน้ำ นี่เป็นการขอที่เธอไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
“เร็วเกินไป ฉันยังไม่ได้คิดเลย”
ใช่ พวกเธอพึ่งรู้จักกันไม่นาน รู้จักอีกฝ่ายมากแค่ไหน ออดีตของเธอ ฐานะของเธอ เขารู้จักแล้วเหรอ รับได้หรือเปล่า เตรียมตัวสำหรับการอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตแล้วเหรอ
รีบร้อนเกินไป
บางทีอาจจะแค่ความตื่นเต้นชั่วครู่เท่านั้น
เธอคิดอะไรอยู่ เขาพอจะเดาได้ “จะรักใครสักคนมันไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน ผมคิดว่าผมทำให้คุณเห็นเพียงพอแล้ว อย่างอื่นเราค่อยๆ ปรับตัวก็ยังไม่สาย ผมจริงจังมาก ไม่ได้ล้อเล่น ผมไม่มีทางเอาการแต่งงานตัวเองมาล้อเล่นแน่ๆ ”
ลั่วหานยิ้มเย็น “มีอะไรที่คนรวยอย่างพวกคุณจะเอามาล้อเล่นไม่ได้ ยิ่งเป็นคนรวย ยิ่งชอบล้อเล่น คุณลองดูข่าวสิ ผู้ชายพวกนั้นที่มีทรัพย์สินเป็นหลายหมื่นล้าน ใครกันที่ไม่เคยแต่งงานมากกว่าหนึ่งครั้ง”
จุดนี้หลงเซียวสามารถอธิบายได้ “ผู้ชายพวกนั้นแต่งงานครั้งแรกเพราะมีสัญญาทางธุรกิจ มีผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างชัดเจนเมื่อหย่ากัน ไม่ให้มันส่งผลกระทบถึงทรัพย์สินของตนเอง แต่ผมไม่”
หยุดไปชั่วครู่เขาจึงพูดต่อ “บางทีผมอาจจะมีสัญญาสักฉบับ ถ้าความสัมพันธ์ของเราแตกแยก ผมยอมไปแต่ตัว”
ฉู่ลั่วหานแทบจะนั่งไม่อยู่อยู่แล้ว ไปแต่ตัวเหรอ หลงเซียวเป็นเจ้าของMBKที่ยิ่งใหญ่ มีเงินหลายหมื่นล้าน พาMBKเติบโตมาไม่รู้กี่เท่า เขามีเงินเท่าไหร่บางทีตัวเขาเองก็คงไม่รู้
นี้ก็เป็นอีกหนึ่งการล้อเล่นใช่ไหม
“ฉัน…ความจริงแล้วในใจฉันยังมีใครอีกคน”
ฉู่ลั่วหานเองก็ไม่รู้ตัวเองเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้ปฏิเสธเขาอีกครั้ง
น่าตกใจจริงๆ ไม่เปิดช่องให้ได้หายใจ
มือใหญ่ของหลงเซียวกุมอยู่ที่หัวเข่า เอ่ยออกมาช้าๆ “เทพเจ้าการเงินที่คุณติดตามอยู่น่ะเหรอ”
“คะ? ”
ลั่วหานมึนงงกับคำถามเขา เทพเจ้าการเงินเหรอ
เขารู้ได้ยังไง
อีกอย่าง เมื่อพูดถึงคนคนนี้แล้ว ลั่วหานยังรู้สึกแปลกใจ เขาไม่ได้อัปเดตอะไรมาหนึ่งเดือนแล้ว ข้อความสุดท้ายก็เมื่อเดือนที่แล้ว ไม่มีคำอธิบายใดๆ ไม่มีแม้เพียงสักคำ เขาทิ้งความสงสัยเอาไว้ให้แล้วก็หายไป
หลงเซียวทำเพียงหัวเราะทว่าไม่ได้พูดอะไร ยื่นมือยาวหยิบโทรศัพท์ออกมา จากมุมของฉู่ลั่วหานมองไม่เห็นว่าเขากำลังเขียนอะไรอยู่ นิ้วเรียวกำลังพิมพ์ลงบนหน้าจอท่าทางคล่องแคล่ว
ไม่นาน เขาวางโทรศัพท์ลง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “เทพเจ้าของคุณเหมือนพึ่งอัปเดตอะไรไปนะ ไม่ดูหน่อยเหรอ”
ฉู่ลั่วหานนิ่งอยู่ชั่วครู่ แอบคิด หรือว่าหลงเซียวเองก็เป็นแฟนคลับของเทพเจ้า คงไม่มั้ง คนเย่อหยิ่งอย่างหลงเซียวก็มีไอดอลเหรอ
เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยความสงสัย เทพเจ้าอัปเดตจริงๆ ด้วย แต่ว่าเนื้อหา…
ฉู่ลั่วหานนิ่ง นานทีเดียวที่เธอไม่สามารถถึงสติกลับมาได้ “คุณ…คงไม่ใช่…”
เนื้อหาบนโพสต์นั้นง่ายๆ อ่านแค่รอบเดียวก็เข้าใจได้
“สารภาพรักถูกปฏิเสธ ขอแต่งงานถูกปฏิเสธ คงเป็นเคราะห์กรรมผมแล้ว”
เคราะห์กรรมเหรอ เทพเจ้านี่ชอบอ่านนิทานเด็กเหรอ
หลงเซียวหัวเราะ เธอที่ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณหมอฉู่ผู้ฉลาดหลักแหลม หรือว่าดูไม่ออกเหรอครับ เทพเจ้าที่คุณบูชานักหนาที่แท้ก็อยู่ข้างๆ คุณนี่ไง”
ลั่วหานนิ่งอึ้ง “คุณจำฉันได้นานแล้วใช่ไหมคะ”
ต้องใช่แน่ๆ ไม่งั้นเขาจะรู้เรื่องเธอดีขนาดนี้เหรอ
หลงเซียวยกมือขึ้นเกาคิ้ว “ว่าตามความจริง แต่ว่ามีนักอ่านผู้หญิงคนหนึ่ง ทุกครั้งหลังจากที่ผมโพสต์อะไร ก็จะตามมาแสดงความคิดเห็น และทุกครั้งก็จะเขียนแค่ประโยคเดียว คุณปรากฏตัวบ่อยๆ ไม่ใช่ดึงความสนใจจากผมเหรอครับ”
เขารู้ว่ามีนักอ่านผู้หญิงคนหนึ่ง แถมยังเป็นนักศึกษาแพทย์ด้วย แต่เมื่อรู้จักกับฉู่ลั่วหานแล้วเขาถึงได้รู้โดยบังเอิญว่า เธอกับนักอ่านผู้หญิงคนนั้นคือคนคนเดียวกัน
ตอนนั้นเขาทั้งดีใจและตกใจ แต่ไม่ได้บอกสถานะของเขาไป เขาอยากให้เธอรักเขาที่เป็นเขาจริงๆ แต่ไม่ใช่ผู้ชายที่อยู่ในอุดมคติของเธอ
“หลงเซียว เจ้าบ้านี่”
หลงเซียวมองใบหน้าเล็กที่กำลังแสดงความโกรธ “เทพเจ้าของคุณโพสต์ ถ้าตามความเคยชิน คุณต้องตอบข้อความหน่อยไม่ใช่เหรอ”
ฉู่ลั่วหานเลิกคิ้ว “ได้สิ”
หันหลังให้ ไม่ให้เขาเห็นหน้าจอด้วย ฉู่ลั่วหานกดแป้นพิมพ์ ไม่นานก็แสดงความคิดเห็นเรียบร้อย
หน้าจอโทรศัพท์หลงเซียวปรากฏตัวอักษรขึ้นมาหนึ่งบรรทัด “สารภาพรักเหรอ มีกุหลาบหรือเปล่า ขอแต่งงาน มีแหวนไหมคะ”
หลงเซียวทำหน้ายุ่งยาก “หมายถึง เพียงแค่มีดอกกุหลาบ ดินเนอร์และแหวน คุณก็จะยอมใช่ไหม”
ฉู่ลั่วหานบอก “นั่นเป็นส่วนประกอบ”
ทั้งสองไม่สนใจแฟนคลับเป็นล้านของหลงเซียว ประโยคตอบโต้กันไปมานั้นถูกแฟนคลับให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง พึ่งตอบกลับไม่กี่นาทีก็มีคนมาแสดงความคิดเห็นเป็นหมื่น หลายคนกรีดร้อง เทพเจ้าของพวกเขาขอแต่งงาน เทพเจ้าของพวกเขาจะขอแต่งงานได้ยังไง เทพเจ้าต้องอยู่บนสวรรค์สิ จะมาอยู่บนโลกได้ยังไง
ผู้หญิงแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับเทพเจ้า
หน้าตาไม่สวยเท่าหลินชิงเสียหวังจู่เสียนไม่ได้นะ ยังไงซะก็ราวกับฆ่าคนในแวดวงบันเทิงไปเกินครึ่ง ยังต้องมีกลิ่นอายของเซียน มีวัฒนธรรมจิตใจดี
ฉู่ลั่วหาน “…”
แฟนคลับเลือกภรรยาให้ไอดอลตัวเอง มาตรฐานราวกับฉางเอ๋อ มนุษย์ทั่วไปคงทำให้พวกเขาสมความปรารถนาไม่ได้
หลงเซียวตอบกลับอย่างโล่งอก “ได้”
หลังจากคำว่า “ได้” แล้ว หลงเซียวก็ไม่ได้ตอบอะไรอีก ควรอ่านหนังสือก็อ่านหนังสือ ควรทานข้าวก็ทานข้าว ควรดูหนังก็ดูหนัง
เธอทำการทดลองของเธอ เขาอ่านรายงาน เขาไม่เอ่ยขึ้นก่อน เธอก็ไม่พูดเช่นกัน
ทั้งสองคนทำเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นเป็นเรื่องตลก ยังคงดำเนินชีวิตต่อไปอย่างราบเรียบ
ห้าวันหลังจากนั้น ลั่วหานได้รับประกาศจากอาจารย์ที่ปรึกษา เธอต้องไปร่วมงานประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยแพทย์เมืองหลวงประเทศจีน ระยะเวลาสามวัน
ข่าวนี้กะทันหันเกินไป กะทันหันจนลั่วหานงงไปหมด
ประเทศจีนเหรอ
ตั้งแต่ย้ายออกจากจีนเธอไม่เคยกลับไปอีกแม้เพียงครั้งเดียว ยังคิดจะทำงานไม่กลับไปอีกด้วย เธอไม่มีความกล้ากลับเมืองหลวง ยิ่งไม่กล้าไปเจอหน้าพ่อแม่ในขณะที่ตัวเองยังไม่ประสบผลสำเร็จ
ถึงแม้เธอกลับไป สิ่งที่ต้อนรับเธอก็คือป้ายหลุมศพของพ่อกับแม่เท่านั้น
มหาวิทยาลัยแพทย์ได้จองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมให้กับนักศึกษาและอาจารย์ที่จะไปร่วมงาน เอกสารทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว คืนวันนั้นพวกเขาต้องขึ้นเครื่องเดินทางจากนิวยอร์กตอนหนึ่งทุ่มครึ่ง
และลั่วหานได้รับข้อความก็บ่ายสามแล้ว
ระหว่างมหาลัยไปถึงสนามบิน และยังต้องไปโหลดสัมภาระ ตรวจนั่นตรวจนี่ ก่อนออกไปสนามบิน เธอมีเวลาเตรียมตัวแค่สองชั่วโมง
เมื่อเก็บของที่จำเป็นต้องใช้ในการประชุมแล้ว นำเสื้อผ้าไปเผื่อเปลี่ยนไม่กี่ชุด ไม่นานเธอก็ยัดของใส่กระเป๋าที่ต้องโหลดเรียบร้อยแล้ว
เธอไม่ได้ตั้งใจจะอยู่จีนยาว หลังจากสามวันก็กลับนิวยอร์กมาพร้อมอาจารย์ก็พอแล้ว
ก่อนออกเดินทาง ลั่วหานโทรหาหลงเซียว แต่นึกขึ้นได้ว่าวันนี้หลงเซียวบินไปสเปน เขายังอยู่บนเครื่อง
จึงส่งข้อความบอกเขา
นั่งเครื่องตลอดทั้งคืน เมื่อพวกเขามาถึงก็เป็นตอนกลางคืนของเมืองหลวง
สนามบินเมืองหลวงต่างจากตอนที่เธอไปมาก ด้านในถูกปรับปรุงจนหมด ด้านนอกถูกสร้างขึ้นมา สิ่งอำนวยความสะดวกก็ได้รับการอัพเกรดให้ดีขึ้น ได้ยินว่าหลายปีมานี้อสังหาริมทรัพย์ที่เมืองหลวงมีราคาสูงขึ้น มาถึงสนามบินก็สัมผัสบรรยากาศได้แล้ว
ตะลึงไปชั่วครู่ ลั่วหานและอาจารย์ที่ปรึกษานั่งรถที่มหาลัยจัดมารับที่สนามบิน
รถมุ่งหน้าจากสนามบินเข้าเขตเมือง สิ่งก่อสร้างต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ฉู่ลั่วหานไม่รู้จัก มีตึกสูงโผล่ขึ้นมามากมาย หลายตึกนั้นเป็นสถานที่อยู่อาศัยซึ่งถูกติดป้าย MBK เอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเป็นตึกในโครงการของ MBK
เมื่อกลับถึงโรงแรมเธอจึงชาร์จแบตโทรศัพท์ จากนั้นเปิดเครื่อง หลายชั่วโมงก่อนหลงเซียวตอบข้อความเธอกลับมา
“ผมคุยงานอยู่ที่สเปน คงกลับไปอยู่กับคุณไม่ได้ มีปัญหาอะไรรีบติดต่อผมทันทีนะครับ”
ลั่วหานยักไหล่ ก็ได้ รู้ว่าเขามาไม่ได้ “แค่สามวันเอง เดี๋ยวก็กลับอเมริกาแล้ว”
ตารางสามวันถูกจัดจนเต็ม เมื่อยุ่งแล้วคงจะรู้สึกว่ามันเร็วขึ้น ฉู่ลั่วหานจินตนาการได้เลยว่าเจ็ดสิบสองชั่วโมงข้างหน้าเธอจะใช้ชีวิตยังไง
ตื่นนอนหกโมงเช้า ไปทานอาหารที่โซนบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม
ช่วงเช้าเข้าประชุมวิชาการกับมหาวิทยาลัยแพทย์ การประชุมที่ยาวนานและแสนน่าเบื่อ ตอนบ่ายเป็นการทดลองด้านคลินิก ฉู่ลั่วหานทำร่วมกันกับนักศึกษาชายคนหนึ่ง ทั้งสองแสดงวิธีการผ้าตัดเปิดเยื่อหุ้มหัวใจและการหยุดเลือด
ตอนกลางคืนเป็นงานเลี้ยงของแผนกอายุรกรรม มีบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายของเมืองหลวง ทุกคนต่างโอ้อวด ฉู่ลั่วหานได้ยินแล้วจึงยิ้มเย็นอยู่กับตัวเอง
งานเลี้ยงตอนกลางคืนจบลง ฉู่ลั่วหานกลับโรงแรมไปเขียนรายงาน
ช่วงบ่ายของวันที่สาม ลั่วหานได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลก เป็นเบอร์โทรจากเมืองหลวง
“สวัสดีค่ะ”
คนในงานเลี้ยงต่างพากันแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อสื่อสารกัน ลั่วหานแลกเปลี่ยนกับคนในสายเดียวกันเพียงไม่กี่คน และคิดว่ายังไงก็เป็นสายงานเดียวกัน
“คุณฉู่ เนื่องจากปัญหาด้านสภาพอากาศทำให้เที่ยวบินคืนนี้ของคุณถูกยกเลิก ต้องขออภัยด้วยนะคะ”
เที่ยวบินถูกยกเลิกงั้นเหรอ
เธอทำงานเสร็จหลังจากสี่โมงเย็น กลับนิวยอร์กตอนสองทุ่ม ตอนนี้เที่ยวบินของเธอถูกยกเลิกแล้ว
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เมื่อวางสาย ลั่วหานจึงสอบถามเวลาการเดินทางกับอาจารย์ที่ปรึกษา อีกฝ่ายบอกเที่ยวบินถูกเปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้บ่าย คาดว่าเวลาว่างหนึ่งวันก็ไปทำกิจกรรมของตัวเองได้
หรือว่า มันถูกกำหนดไว้แล้วให้เธอต้องมาวุ่นวายอยู่กับเมืองนี้
ลั่วหานสับสนอยู่ในใจ
กิจกรรมจบหมดแล้ว คนอื่นๆ ต่างพากันตื่นเต้นวางแผนไปเที่ยวสถานที่โบราณต่างๆ ลั่วหานหาข้ออ้างมาปฏิเสธ
หรือว่าจะนอนอยู่ที่ห้องกันนะ
หนึ่งทุ่ม ลั่วหานเถียงกับตัวเอง สุดท้ายเลือกที่จะออกไปเดินเล่น