ประธานหยิ่งยโสของฉัน – ตอนที่ 1196

ตอนที่ 1196

แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน

บทที่ 1196 (ตอนพิเศษ) เรื่องราวหลังจากนั้นของพวกเขา 1

หลังจากพักฟื้นไปเป็นระยะเวลานานกว่าหนึ่งปี ในที่สุดส้งชิงเซวี๋ยนก็สามารถช่วยชีวิตถังจงรุ่ยเอาไว้ได้

แต่ตอนนี้เขาไม่อาจรับประกันได้ว่าอาการป่วยจะไม่กำเริบอีก ดังนั้นจึงแนะนำให้ถังจงรุ่ยย้ายจากอเมริกา มาอยู่ที่จีน

ความจริงถังจงรุ่ยเองก็เคยคิดอยากมาใช้ชีวิตที่จีน ลูกชายและลูกสะใภ้ต่างก็อยู่ที่เมืองหลวง เห็นได้ชัดว่าถังจิ้นเหยียนเองก็ไม่คิดจะย้ายไปอยู่ที่นั่นถาวร และเจิ้งซิ่วหยาเองก็ยืนยันว่าจะเป็นตำรวจอยู่ที่นี่

บวกกับสภาพของร่างกายที่ไม่ดี ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีเวลาอยู่กับลูกได้อีกนานแค่ไหน

ดังนั้นถังจงรุ่ยจึงตอบรับข้อเสนอแนะของส้งชิงเซวี๋ยน จากนั้นจึงซื้อบ้านในเขตเล็กๆ กับถังจิ้นเหยียน

ห้องไม่ใหญ่ สองห้องนอนสองห้องโถง มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครัน สะดวกต่อการออกมาข้างนอก ห่างจากลูกไม่ไกล แค่เดินจากโซนสุดท้ายมายังโซนแรกของเขตที่พักก็เท่านั้น หากวันไหนทำกับข้าวอร่อยๆ ถ้าไม่ชวนพวกเขามาทานด้วยกันก็เอาไปส่งพวกเขาด้วยตัวเอง

กลางภูเขาไร้ซึ่งกาลเวลา วันเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงกะพริบตา ถังจงรุ่ยได้ใช้ชีวิตอยู่ที่จีนเป็นเวลาห้าปีแล้ว

ร่างกายของส้งชิงเซวี๋ยนยังแข็งแรงมาก การทำงานที่โรงพยาบาลนับวันยิ่งเชี่ยวชาญมากขึ้น และขอให้ลั่วหานมอบงานให้เขา ขอเข้าเวร ทำงานล่วงเวลา เกือบจะอุทิศตัวเองให้กลายเป็นคนของแผนกหัวใจไปแล้ว

วันนี้ส้งชิงเซวี๋ยนมาทำงานปกติ นั่งอยู่ในห้องทำงานของฉู่ลั่วหานไม่ไปไหน ท่าทางงอแง “เสี่ยวลั่วลั่ว หาอะไรให้ฉันทำหน่อยเถอะ ฉันว่างจนคันมือไปหมด หรือไม่ก็ให้ฉันไปตรวจแทนเธอไหม”

ตอนนี้ตำแหน่งของลั่วหานคือหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจ ไม่เพียงต้องทำการผ่าตัด ตรวจโรค บางครั้งยังมีงานที่ต้องเจอเป็นประจำ ในมือเธอมีประวัติคนไข้ เมื่ออ่านจบแล้วก็ลงชื่อลงไปบนมุมขวา จึงค่อยเงยหน้าขึ้นมามองส้งชิงเซวี๋ยน

“ลุงส้งคะ เมื่อวานลุงก็เข้าเวรไปแล้ว ถ้าหนูให้งานลุงอีกมันจะเอาเปรียบลุงเกินไป ไม่เห็นเหรอว่าคนในแผนกจ้องฉันเขม็งเลยนะคะ คุณล่ะ ถ้าไม่มีอะไรทำก็นั่งอ่านหนังสือในห้องทำงานไป ออกไปเดินเล่น ไม่ก็ออกไปเดินหมากกับคนไข้ของคุณ”

ส้งชิงเซวี๋ยนแสดงท่าทางน่าสงสารออกมา เคราแทบจะม้วนงออยู่แล้ว “ไม่ไป วันก่อนก็เดินหมาก เล่นเป็นสิบตา ฉันก็ชนะไปสิบครั้ง ไม่มีคู่แข่ง ไม่ไปหรอก”

ลั่วหานแอบคิด ตาเฒ่าคนนี้ขี้เหงาเกินไปหรือเปล่านะ

ปกติเขาสนิทกับถังจงรุ่ยที่สุด ห่างกันได้ไม่นานก็ออกไปตกปลา ดื่มชา เดินเล่นด้วยกัน และบางครั้งก็เข้าชมทิวทัศน์ในเมืองหลวง แต่ยังไงถังจงรุ่ยก็มีภรรยาและลูก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ถังจิ้นเหยียนกลายเป็นพ่อแล้วถังจงรุ่ยสองสามีภรรยาก็ห้อมล้อมอยู่กับหลานทั้งวัน

ส้งชิงเซวี๋ยนชวนเขาไปเดินหมาก เขาก็มักจะตอบว่า “จิ้นเหยียนกับซิ่วหยาไปทำงานกันหมดแล้ว เราต้องดูแลหลาน ครั้งหน้านะ ครั้งหน้า”

เมื่อถูกปฏิเสธหลายครั้งเข้า ส้งชิงเซวี๋ยนก็ไม่พอใจแล้ว เลิกติดต่อกับถังจงรุ่ย

ตาเฒ่า กว่าจะช่วยคุณมาได้ ยังมาทำเป็นไม่รู้จักกันอีก ตาเฒ่าเอ๊ย

อีกอย่าง เมื่อก่อนส้งชิงเซวี๋ยนชอบไปบ้านของพวกเขา เล่นกับชูชูและหยางหยาง ตอนนี้ชูชูอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่สามแล้ว มีกิจกรรมมากมายในโรงเรียนประถมนานาชาติ ชูชูเองก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนของตัวเอง มีเพื่อนที่อายุไล่เลี่ยกันจำนวนไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่ค่อยสนิทกับส้งชิงเซวี๋ยนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

แม้กระทั่งหยางหยางที่อายุยังน้อย แต่มีไอคิวน่าตกใจ มีความคิดนอกกรอบมากมาย ขนาดเธอคุยด้วยยังรู้สึกร้อนใจเลย แล้วส้งชิงเซวี๋ยนล่ะ

คิดไปคิดมา ลั่วหานก็นึกอย่างหนึ่งขึ้นมาได้…ตาเฒ่าต้องมีคนมาอยู่เคียงข้าง

“ลุงส้งคะ ฉันนึกที่ดีๆ ออกที่หนึ่งค่ะ เลิกงานแล้วคุณลองไปดูได้ คุณรู้จักสถานที่ซ้อมเต้นแถวๆ โรงพยาบาลเราไหมคะ ที่เรียกว่าซีหยังหวูเสี่ยนน่ะค่ะ”

ส้งชิงเซวี๋ยนรู้จักสถานที่แห่งนี้ แต่ว่าอารมณ์ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ “เสี่ยวลั่วลั่ว เธอจะให้ฉันไปเต้นกว๋างฉ่างกับคนแก่พวกนั้นเหรอ ฉันไม่ไปหรอก ตีให้ตายฉันก็ไม่ไป”

ลั่วหานพยายามโน้มน้าว “คุณเข้าใจพวกเขาผิดแล้วนะคะ พวกเขาไม่ใช่การเต้นกว๋างฉ่างอย่างที่คุณเห็นนะ พวกเขาเต้นจริงจัง มีการเต้นชะชะช่า วอลซ์ ลัมบา ยังมีการเต้นสมัยใหม่ด้วย ดีกว่าการเต้นกว๋างฉ่างไม่รู้เท่าไหร่”

ลั่วหานพูดด้วยท่าทางน่าสนใจ ส้งชิงเซวี๋ยนหน้าบึ้ง “เสี่ยวลั่วลั่ว เธอคิดว่าฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ เธอรังเกียจว่าฉันแก่แล้วเหรอ”

ลั่วหานใจไม่ดี เห็นคนแก่กำลังงอแง “ถ้าคุณคิดแบบนั้นฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ ยังไงฉันก็ดูแลคนแก่ที่น่ารักอย่างลุงส้งไม่ได้”

ส้งชิงเซวี๋ยนยิ้มตาหยีจนเห็นรอยย่นหางตาทั้งสองข้าง “เสี่ยวลั่วลั่ว วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ชูชูกับหยางหยางทำอะไรเหรอ ฉันไปทานข้าวที่บ้านพวกเธอดีกว่า”

พวกเขาทั้งสองน่ะเหรอ…

โรงเรียนของชูชูจัดทัศนศึกษา บอกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เกรงว่าจะไม่ว่าง

และหยางหยาง ลูกชายผู้ฉลาดหลักแหลมของเธอตอนนี้ขึ้นประถมปีที่สามแล้ว เป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดในห้อง และยังอยู่โรงเรียนเดียวกันกับชูชูด้วย ในเมื่อชูชูมีกิจกรรม เกรงว่าหยางหยางเองก็คงไม่ต่างกัน

ดังนั้น…

“ทานข้าวน่ะได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ อยากทานอะไรเดี๋ยวฉันให้พ่อครัวเตรียมให้ค่ะ” ลั่วหานตัดสินใจไม่ทำให้เขาเสียใจในเวลาแบบนี้

“ทานอะไรก็ได้ เฮ้อ ในที่สุดก็จะได้เจอหลานรักทั้งสองของฉันแล้ว ฉันจะไปห้องพักผู้ป่วย เธอทำงานเถอะ”

ลั่วหานส่ายหน้า เธอนี่ไม่ง่ายเลย

หญิงสาวในเมืองชอบบอกตัวเองเป็นตนโสด อะไรที่เรียกว่าคนโสด แบบนี้สิถึงใช่

ส้งชิงเซวี๋ยนเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี หวาเทียนเดินตามมาด้านหลัง “คุณหมอฉู่ ประวัติผู้ป่วยของสาขาเมืองปิงถูกส่งมาที่แผนกแล้ว อาการซับซ้อนมาก คุณต้องดูด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ”

เมื่อห้าปีก่อนโรงพยาบาลหวาเซี่ยได้ขยายสาขาไปที่เมืองปิง สิ่งอำนวยความสะดวกและการรับรองเหมือนเมืองหลวงทุกอย่าง ออกแบบโดยนักออกแบบมือหนึ่งของ MBK ก่อสร้างโดยทีมวิศวกรจากMBKทั้งหมด

ตอนที่สร้างเสร็จ ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารที่นี่ต่างพากันไปร่วมงาน ลั่วหานก็เป็นหนึ่งในนั้น

ตอนนั้นมีคนอิจฉาบอก “ว้าว นี่มันโรงพยาบาลที่ไหนกัน มองยังไงมันก็คือปราสาทชัดๆ มารักษาที่นี่ ได้รับการดูแลอย่างกับราชา”

ลั่วหานยังล้อเล่นกับหลงเซียวอยู่เลย “คุณสร้างสาขาเมืองปิงสวยขนาดนี้ ต่อไปฉันอาจจะอดไม่ได้หนีออกมาอยู่ที่นี่ก็ได้”

หลงเซียวตอบกลับว่า “ผมจะมากับคุณ”

นี่เป็นคำพูดที่ไม่เป็นกันเองเลย

ก่อนที่ผู้ป่วยจะถูกส่งมายังหวาเซี่ย ลั่วหานได้ทำความเข้าใจกับอาการมาก่อนแล้ว คำนึงถึงอายุและอาการป่วยของอีกฝ่าย ลั่วหานแนะนำให้ย้ายเขามาที่นี่

“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ เอาประวัติมาให้ฉัน”

หวาเทียนเปิดประวัติผู้ป่วยออก ชี้ไปที่ผลการตรวจที่พึ่งออกมาล่าสุดให้เธอดู “หัวใจของผู้ป่วยอาการหนักขึ้น และเธอมีอาการไตวายเล็กน้อย ถ้าสองโรคกำเริบพร้อมกัน การช่วยชีวิตคงจะยากมากขึ้นครับ”

ถ้าหากเป็นผู้ป่วยธรรมดาทั่วไป ลั่วหานคงไม่จดจำได้ดีขนาดนี้ ผู้ป่วยท่านนี้เป็นเคสพิเศษ ลั่วหานชื่อเธอได้ทันทีต้องแต่ตอนนั้น

ชื่อจริงเฉินซือผิง นามปากะพริบาซานซึง เป็นนักเขียนมีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ผลงานของเขาโด่งดังทั้งในและต่างประเทศ ถูกแปลไปกว่ายี่สิบกว่าภาษาทั่วโลก ปีที่แล้วได้รับรางวัลสูงสุดด้านวรรณกรรม ผลงานของเธอคือเรื่องจริงชี้ให้เห็นถึงการทุจริต ต่อหน้าที่ในยุคปัจจุบัน

ผลงานบางชิ้นนั้นเฉียบคมและโดดเด่น ตอนแรกลั่วหานเข้าใจผิดคิดว่าซานซึงคือผู้ชาย

ต่อมาเขาออกบทความมาคือ《หากอยู่ที่เจียงหนาน โปรดคิดถึงฉัน》 จากปลายปากกาที่ละเอียดอ่อนได้เขียนบรรยายเจียงหนานออกมาได้มีชีวิตชีวา ทำให้เกิดกระแสคนกลับจากเมืองใหญ่สู่ชนบทจำนวนมาก

จากนั้นลั่วหานก็ตกหลุมรักในผลงานของเธอ กลายเป็นแฟนคลับไปแล้ว

หลงเซียวยังบอก “ตอนนี้ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของผมคือผู้หญิงตนนี้ แถมยังเป็นคุณป้าที่อายุมากแล้วด้วย”

ลั่วหานอ่านจบและมองชื่อของหมอประจำตัวผู้ป่วย เธอยิ้ม “เมิ่งซีโจวตอนนี้ไม่ธรรมดาเลยนี่นา ตอนแรกที่เขาถูกส่งไปโรงพยาบาลสาขายังไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่เลย ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถเผชิญหน้ากับมันได้แล้ว”

หวาเทียนเองก็ชื่นชม “ใครบอกไม่ใช่ เขาเคยเป็นคนเอ้อระเหยลอยชายในโรงพยาบาลของเรา ดูเป็นลูกคุณหนู ไม่มีใครคาดคิดว่าเวลาที่เขาจริงจังแล้วจะเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ยังเป็นคนเอ้อระเหยลอยชายอยู่เลย”

ลั่วหานไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้ของเมิ่งซีโจว “เดี๋ยวฉันไปดูที่ห้องผู้ป่วย”

หวาเทียนและลั่วหานมุ่งหน้าไปที่ห้องวีไอพี ระหว่างทางทั้งสองยังพูดคุยกันถึงอาการป่วยของคนไข้ไปด้วย

ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของหวาเทียนก็ดังขึ้น เมื่อมองเห็นเบอร์โทร ก็รีบยิ้มบอก “คุณหมอฉู่ ผมขอรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ”

“ค่ะ”

เห็นท่าทางของหวาเทียน ลั่วหานก็พอจะเดาได้ว่าใครโทรมา

เป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อลั่วหานที่พึ่งจะเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวได้ยินหวาเทียนบอก “คุณครูหวัง มีอะไรหรือเปล่าครับ”

คงเพราะลูกชายเขาโดนเรียกผู้ปกครองอีกแล้วน่ะสิ ลั่วหานนับถือจริงๆ

“คุณหวา วันนี้ลูกชายของคุณต่อยตีกับเด็กอีกแล้ว ภรรยาของคุณไปทำงานต่างจังหวัดมาไม่ได้ คุณมาสักหน่อยไหมคะ” คุณครูหวังพูดอย่างเกรงใจมากแล้ว แต่หวาเทียนก็ยังรู้สึกถึงใบหน้าร้อนผ่าว”

“ครับครูหวัง ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”

เมื่อวางสาย หวาเทียนก็กังวล เจ้าเด็กคนนี้ทะเลาะกับเด็กคนอื่นมาห้าครั้งแล้ว พึ่งเปิดเทอมยังไม่ถึงเดือนก็ถูกเรียกผู้ปกครองสามครั้งแล้ว เขาไม่รู้จึงๆ ลูกชายเขาได้ใครมา

ลั่วหานกดลิฟต์ หัวเราะเขา “เรื่องของเสี่ยวเย่อีกแล้วเหรอคะ”

“ครับ ต่อยกันอีกแล้ว ให้ผมไปสักครู่หน่อย ผมต้องลางานสามชั่วโมงนะครับ เด็กคนนี้ทำให้ผมโกรธจะแย่แล้ว”

หวาเทียนเศร้าใจ ปฏิภาณของพวกเขาพึ่งจะอยู่ชั้นอนุบาลก็ทำให้พวกเขาเป็นกังวลได้ขนาดนี้ ลูกทั้งสองของคุณหมอฉู่กลับไม่มีใครต้องให้กังวลเลยสักคนลั่วหานตบไหล่เขาอย่างเข้าใจ “หวาเทียน คุณต้องรู้ว่านิสัยของลู่ซวงซวงน่ะ…ถ้าได้มาแล้วมันน่าตกใจนะ”

หวาเทียน “…”

สมัยเด็กๆ ภรรยาของเขาจะเป็นตัวมารอะไรกันนะ

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ประธานหยิ่งยโสของฉัน

Status: Ongoing

คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป / ประธานหยิ่งยโสของฉัน หมออายุรศาสตร์มือหนึ่งฉู่ ลั่วหาน แต่งงานมาสามปีแล้ว กลับ ไม่มีใครสักคนรู้ว่าสามีเธอเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลง ตระกูลร่ำรวยอันดับแรกของเมืองเจียงตู ซึ่งเป็นคุณชาย เซียวที่ใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัว ตลอดสามปีมาทั้งสอง ไม่เคยมีอะไรกัน เธอต้องทนดูรูปภาพหวานๆของเขากับเมีย น้อยโชว์บนหน้าจอ เธอหัวเราะ “หลงเซียว เราหย่ากันเถอะ” ” เห้อ หย่าเหรอ คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมเป็นอะไร? ” เธอเซ็น ใบหย่าอย่างไม่ลังเล ทิ้งแหวนแต่งงาน ดีมาก! เธอกล้ามาก คอยดูแล้วกันว่าผมจะจับคุณกลับมายังไง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน