บทที่ 363 เมืองสวรรค์
เมื่อมาถึงตระกูลหล่อน ทันทีที่เวินเที๋ยนเที๋ยนลงจากรถ ก็เห็นกับฉวีผิงที่ยืนอยู่หน้าประตู
และเมื่อเขาเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน ในสายตาของเขาก็มีความตกใจ
“คุณเวิน ยินดีต้อนรับกลับมาครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไปสักพัก หันไปพยักหน้าให้เขา แล้วพูดขึ้นมา: “ฉันแค่จะกลับมาเอาของก็เท่านั้นเอง”
ฉวีผิงก็อึ้งไปสักพัก แล้วหันไปมองหล่อนหลีแวบหนึ่ง
หลายวันมานี้ เขาดูออกว่า คุณนายหล่อนไม่มีความสุขเลย และเหตุผลที่คุณนายหล่อนนั้นไปตระกูลเวินนั้นก็เพราะว่าเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะกลับมาอยู่ที่นี่เสียอีก แต่ไม่คิดว่าจะมาแค่แป๊บเดียว
หล่อนหลีไม่ได้พูดอะไร แต่หันมาพยักหน้าเล็กน้อยให้กับฉวีผิง
ฉวีผิงจึงเข้าใจ ใบหน้าจึงมีรอยยิ้มที่กว้างขึ้น โค้งตัวเล็กน้อย แล้วพาเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปข้างใน
ตลอดทางมีคนขับรถและคนสวนคอยยืนอยู่ไม่น้อย เมื่อก่อนพวกเขาจะค่อนข้างสนิทกับเวินเที๋ยนเที๋ยน และเมื่อเห็นว่าเธอกลับมา ทุกคนก็มาต้อนรับเธออย่างอบอุ่น
และเมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้เจอพวกเขา เธอกลับรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อย
จากเดิมทีที่มีความสัมพันธ์แบบปกติ แต่เพราะคุณนายหล่อนกับเวินหงหยู้ถึงได้เปลี่ยนไป
เธอจึงรีบเดิน และเมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขกแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงค่อยถอนหายใจออกมา
ฉวีผิงถามด้วยรอยยิ้ม:“คุณเวินครับ ผมให้พวกเขาเตรียมกาแฟไว้ให้กับคุณแล้วนะครับ แล้วเป็นกาแฟคาปูชิโนที่คุณชอบดื่มด้วยครับ”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับส่ายหน้า ไม่ยอมนั่งลง และมองออกไปข้างนอก
“ไม่ดีกว่า ฉันอยากจะขึ้นไปที่ห้องนอนก่อน หยิบของแล้วก็จะกลับไปเลย”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หล่อนหลีที่ยืนอยู่ข้างๆก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่กล้าแม้แต่จะมองเขา จึงหันไปพยักหน้าให้กับเวินหงหยู้เล็กน้อย แล้วรีบเดินขึ้นไปห้องที่เคยเป็นห้องของเธอ
เมื่อเดินผ่านป่าต้นเมเปิ้ลที่แห้งเหยี่ยวแล้ว เธอจึงได้เปิดประตูห้องนอน และสภาพในห้องทำให้การกระทำของเวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดลงทันที
สภาพภายในห้องเป็นแบบเดียวกันกับสภาพในความทรงจำของเธอ
แก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะและหนังสือที่ถูกเปิดไว้ครึ่งเล่ม หมอนที่อยู่บนเตียง ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนภาพในความทรงจำของเธอ
แต่บนพื้นกลับดูสะอาด ราวกับมีคนมาทำความสะอาดอยู่ทุกวัน
เธอยืนอยู่ตรงหน้าประตู โดยไม่ได้เดินเข้าไปอยู่นาน
“คุณนายจะมานั่งอยู่ในห้องของคุณเวินทุกวัน และคุณนายก็เป็นคนมาทำความสะอาดห้องนี้ด้วยตัวเองครับ”
อยู่ๆเสียงของพ่อบ้านก็ดังขึ้นมาจากข้างหลังของเธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้หันกลับไป แล้วก็ได้ยินเขาถอนหายใจอีกครั้ง
“หลายวันมานี้ที่คุณเวินไม่อยู่ คุณนายหล่อนเป็นห่วงคุณเวินอยู่ตลอด ผมอยู่ตระกูลหล่อนมานาน และช่วงเวลาที่คุณนายหล่อนมีความสุขมากที่สุด คือช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคุณเวินและคุณท่านเวิน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปากไว้แน่น
“ฉวีผิง คุณรู้เรื่องของฉันมาตลอดใช่ไหม?”
ฉวีผิงจึงพูดออกมาตรงๆ:“ครับ คุณเวิน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงค่อยๆถอนหายใจออกมา แล้วเดินเข้าไปในห้อง
แล้วพูดขึ้นมา: “ตอนนี้คุณนายหล่อนมีคุณท่านเวินอยู่ข้างๆอย่างที่ต้องการแล้ว อีกไม่นานคุณนายก็คงลืมเรื่องอื่นแล้วละ”
เธอเดินตรงไปที่โต๊ะหนังสือที่อยู่ข้างๆ แล้วเปิดลิ้นชักหาของอยู่สักพัก จนในสุดท้ายก็หยิบซองเอกสารซองหนึ่งขึ้นมา
และเมื่อหมุนตัวไป ก็ถูกฉวีผิงขวางไว้
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย บนใบหน้ากลับมีความตำหนิแสดงออกมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่เห็นรู้สึกไม่สบายใจ
แต่กลับเหมือนเป็นการสอนของผู้ใหญ่มากกว่า
“ตำแหน่งของคุณเวินในใจของคุณนายหล่อน ไม่สามารถมีใครมาทำแทนได้หรอกนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกหนักอึ้งในใจทันที
เธอรู้แน่นอน เพราะถ้าเธอไม่สำคัญ คุณนายหล่อนก็คงไม่ไปรับเธอกลับมาหรอก
แต่ว่า……
เธอนิ่งอยู่สักพัก แล้วเดินอ้อมฉวีผิงออกไป
“ขอโทษค่ะ แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ”
เดิมทีคิดว่าคุณนายหล่อนจะต้องหาทุกวิถีทางเพื่อให้เธออยู่ต่อ แต่ไม่คิดว่าเมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกมาแล้ว คุณนายหล่อนกลับไม่พูดอะไรสักอย่าง
และเมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกไป เธอก็เดินไปส่งที่หน้าประตู
แต่เมื่อยิ่งเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจ
สองคนที่อยู่ข้างหน้าของเธอนี้ คนหนึ่งคือผู้นำของตระกูลหล่อน ที่ผู้คนในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องยอมถอยให้กับเธอ?
อีกคนหนึ่งก็คืออดีตทายาทของตระกูลเวิน ซึ่งเคยเป็นผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในด้านธุรกิจมาก่อน
พวกเขาเป็นราวกับคนที่ยืนอยู่บนยอดพีระมิด มีแต่คนอื่นที่คอยทำดีให้และคอยเอาใจ แต่เคยเห็นพวกเขาต้องระมัดระวังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับพวกเขา
“พวกคุณกลับไปเถอะค่ะ”
หล่อนหลีไม่วางใจที่จะเดินออกไป และมองเข้าไปในดวงตาของเธอที่มีน้ำตาคลออยู่
“เที๋ยนเที๋ยน ครั้งหน้าหนูจะกลับมาที่บ้านอีกเมื่อไหร่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปากอยู่สักพัก
บ้านในคำพูดของเธอนั้นคือตระกูลหล่อน
“ขอโทษค่ะ ช่วงนี้ฉันจะพักอยู่ที่ตระกูลเวิน”
เมื่อหล่อนหลีได้ยิน เธอก็รู้สึกผิดในใจและรู้สึกเป็นห่วงไปในคราเดียวกัน
“หนูยังให้อภัยพวกเราไม่ได้จริงๆใช่ไหม?”
“ไม่ใช่นะคะ”
เธอพูดเสร็จ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รีบพูดสวนขึ้นมา
ผ่านไปสักพัก เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงค่อยพูดอธิบายขึ้นมาเสียงเบา: “ฉันคิดอยู่นาน ว่าถ้าในตอนนั้นฉันตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับคุณ ฉันก็อาจจะเลือกทำแบบที่คุณได้ทำไป โดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
เธอยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“แต่ว่า ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จำเป็นจะต้องอยู่ต่อที่ตระกูลเวิน”
พูดเสร็จ เธอก็เดินถอยหลังไปสองก้าว แล้วโค้งตัวให้กับทั้งสองคน
“ขอโทษด้วยนะคะ”
พูดเสร็จ เธอก็ไม่กล้าอยู่ต่อ จึงรีบหมุนตัวแล้วขึ้นรถไป
แต่ยังไม่ทันที่จะได้นั่งมั่นคง และยังไม่ทันที่จะออกรถ หน้าต่างรถก็ถูกเคาะเสียก่อน
หล่อนหลียืนอยู่ข้างนอก โค้งตัวเล็กน้อยแล้วมองเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งอยู่สักพัก แล้วกดเลื่อนกระจกลง
“เที๋ยนเที๋ยน”
หล่อนหลีเรียกขึ้นมาเบาๆ มองที่เธอแล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ฉันก็จะรอหนูกลับมาบ้านนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกกระตุกขึ้นมาในใจ ท่าทีของหล่อนหลีที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอนี้ ราวกับซ้อนทับแม่ในจินตนาการในตอนเด็กของเธอ
อยู่ๆเธอก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา เธอจึงรีบก้มหน้าแล้วกระพริบตา เพื่อกลั้นน้ำตาที่จะไหลออกมา
เมื่อหล่อนหลีเห็นว่าเขาไม่ยอมพูดอะไร จึงคิดว่าเธอคงไม่ได้รับคำตอบจากเขาแล้ว นัยน์ตาจึงมีความหม่นหมองขึ้นมาทันที และในขณะที่กำลังจะพูดขึ้นมา
จู่ๆก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาเบาๆ
“อืม”
เสียงที่บางเบา ราวกับพูดอยู่ในลำคอ แต่หล่อนหลีกลับได้ยิน
เธออึ้งไปสักพัก วินาทีต่อมา นัยน์ตาก็แสดงความคาดไม่ถึงออกมา
ไม่นาน เธอก็รู้สึกราวกับว่าได้เติมเต็มหัวใจ
เธออดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป แล้วจับเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้
“ตราบใดที่ยังมีตระกูลหล่อนอยู่ ตระกูลหล่อนก็คือบ้านของหนูนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า เธอดึงมือกลับมาอย่างปลื้มใจ แล้วมองดูรถที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปไกล
จนไม่สามารถมองเห็นรถแล้ว แต่เธอก็ยังยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ไปไหน
เวินหงหยู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยื่นมือมาโอบเอวของหล่อนหลีไว้
“เที๋ยนเที๋ยนแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคิดไว้เยอะเลยนะ เมื่อได้เห็นเขา ผมก็คิดถึงคุณในตอนนั้น”
เขาเลื่อนสายตามองไปในที่ไกลๆ ข้างหน้าของเขาก็ราวกับปรากฏภาพเมื่อยี่สิบปีก่อนขึ้นมา
ภาพของหล่อนหลีปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ท้องที่โตในตอนแรกตอนนี้กลับแบนเรียบ เรื่องมันผ่านมาหลายวันแล้ว แต่สีหน้าของเธอก็ยังคงขาวซีด
สายตาคู่นั้นกวาดมองไปทั่วทุกคน กลับไม่เห็นความใสซื่อเหมือนแต่ก่อนแล้ว เหลือไว้เพียงแค่ความสงบและนิ่ง
เมื่อหล่อนหลีได้ฟังแบบนี้ น้ำตาที่กลั้นมานาน สุดท้ายก็ร่วงลงมา
“หงหยู้ ตอนนั้นคุณพูดถูก”
ตอนแรกเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะสามารถรับผิดชอบงานทางใดทางหนึ่งได้ สามารถสืบทอดตระกูลหล่อนทั้งหมดได้และกลายเป็นมือขวาของเธอได้
แต่ตอนนี้ หลังจากได้เห็นท่าทีของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว เธอกลับรู้สึกเสียใจขึ้นมา
เธอมองไปตรงปลายถนน แล้วถอนหายใจ
“ฉันอยากให้เที๋ยนเที๋ยนอยู่ในเมืองสวรรค์ต่อไป”