บทที่ 389 คุณว่าสมองคุณมีปัญหาหรอ
ฉึก—
เสียงที่ชัดเจนนี้ดังขึ้น แม้แต่จี้จิ่งเชินเองก็รู้สึกอึ้งไป
จากนั้นรถเข็นก็เอนไปอีกทางด้านหนึ่ง
ล้อของรถเข็นทางด้านขวามือ ยังคงมีมีดเล่มหนึ่งเสียบคาอยู่ เป็นช่องใหญ่ ทำให้ลมในล้อนั้นถูกปล่อยออกมาจนหมด
ยางที่ไม่มีลมแบนยวบ และรถเข็นนั้นก็เอียงตามไปด้วย
ทันใดนั้นเองจี้จิ่งเชินก็เข้าใจแล้ว สีหน้าดูแย่ลงมาก
อย่างแรกคือไม่คิดว่าพ่อบ้านจะมีความกล้าขนาดนี้ เพื่อที่จะให้เขาอยู่ที่นี่ ไม่คิดว่าจะกล้าใช้มีดมาเจาะยางล้อเช่นนี้!
อย่างที่สองเป็นเพราะตัวเองรู้สึกตกใจกับมีดที่อยู่ในมือของเขา และยังคิดว่าเขาจะทำร้ายร่างกายเสียด้วยซ้ำ
“นายบ้าไปแล้วใช่ไหม?” เขาตำหนิออกมาอย่างไม่พอใจ
พ่อบ้านมองล้อที่เป็นรู แอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วดึงมีดที่อยู่ทางด้านบนออกมา
เขาจัดการกับอารมณ์บนใบหน้าใหม่อีกครั้ง ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
เขาเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง : “คุณผู้ชายครับ รถเข็นของคุณพังแล้ว คืนนี้ก็พักที่คฤหาสน์นี่แล้วกันนะครับ”
จี้จิ่งเชินจ้องมองเขาอย่างหวาดกลัว แต่อีกฝ่ายหนึ่งนั้นกลับไม่ได้เกรงกลัวสายตาของเขาเลย
“นายคิดว่าทำแบบนี้ก็จะยื้อฉันไว้ได้แล้วใช่ไหม? แต่ถึงรถเข็นจะพัง ถ้าฉันอยากจะไป ฉันก็จะสามารถไปจากที่นี่ได้เหมือนกัน”
แต่พ่อบ้านกลับยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“แต่ถ้าหากรถเข็นพังแล้ว คุณผู้ชายจะขึ้นรถได้อย่างไรล่ะครับ ให้คนขับรถอุ้มขึ้นไปอย่างนั้นหรือครับ?”
สองสามวันนี้ตอนที่จี้จิ่งเชินมานั้น เขาก็เห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนแล้ว
รถที่จี้จิ่งเชินนั่งมีการดัดแปลงเป็นพิเศษ ถึงแม้ไม่มีคนช่วย เขาก็สามารถขึ้นรถเองได้
ถึงแม้บางครั้งเขาจะต้องเจอกับการที่ไม่ได้เตรียมรถเอาไว้ให้เขา เขาก็ยังคงยืนยันที่จะต่อต้านกับความช่วยเหลือของทุกคน แล้วจะทำมันให้ได้ด้วยตัวเอง
นึกถึงตรงจุดนี้แล้ว ใบหน้าของพ่อบ้านนั้นก็มีรอยยิ้มแห่งความพอใจปรากฏขึ้นมา
ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของคุณผู้ชายนั้น ยังคงมีมากเหมือนเมื่อก่อน
แต่ตอนที่ขึ้นรถและลงรถ เขาสามารถลงมือด้วยตัวเองได้ แต่จากคฤหาสน์เดินออกมานั้น ระยะทางที่ไกลขนาดนี้ ตอนนี้เขาเพียงแค่คนเดียวไม่สามารถจะทำได้สำเร็จอยู่แล้ว
คิดแล้ว ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา
“คุณผู้ชาย ก็อยู่ที่นี่ต่ออย่าดื้อเลยนะครับ”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินนั้นดูแย่งยิ่งไปกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
เนื่องจากเพียงแค่จินตนาการว่าตัวเองต้องถูกคนอุ้มเดินออกไปจากคฤหาสน์นี้ เขาก็ไม่สามารถทนรับได้แล้ว!
แบบนี้แล้ว เขาก็เพียงแค่จะต้องอยู่ที่คฤหาสน์ที่นี่ต่อ
แย่จริง!
เขาสบถออกมา
“ที่แท้นายก็ปฏิบัติกับเจ้านายตัวเองแบบนี้อย่างนั้นหรือ?”
พ่อบ้านเอ่ยพูดขึ้น : “นี่ผมทำเพื่อคุณผู้ชายครับ”
“ถ้าหากฉันเป็นเจ้าของคฤหาสน์นี้จริงๆ ฉันจะไล่พวกนายออกไปให้หมดเลย!” จี้จิ่งเชินกัดฟัน แล้วเอ่ยออกมาอย่างโมโห
พ่อบ้านได้ยินแล้ว จึงได้หยุดการเคลื่อนไหวลง
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้คุณผู้ชายจำได้เร็วๆนะครับ ต่อให้พอถึงตอนนั้นแล้วพวกผมถูกไล่ออกไป ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”
ว่าแล้วนั้น เขาก็หันหลังกลับ แล้วดันรถเข็นของจี้จิ่งเชินมุ่งตรงเข้าไปยังห้องอาหาร
เพียงแต่ว่าเป็นเพราะยางรถเข็นแบนแล้วนั้น เก้าอี้จึงเอียงมากกว่าเดิม ยากต่อการเคลื่อนย้ายเป็นอย่างมาก
จี้จิ่งเชินนั่งอย่างมั่นคงอยู่ทางด้านบน คนที่ต้องรู้สึกลำบาก จริงๆแล้วเป็นพ่อบ้านต่างหาก
เขานั่งหัวเราะเยาะอยู่ทางด้านบน
กรรมตามสนอง
และเมื่อทั้งสองคนเพิ่งจะเข้ามาในห้องอาหารนั้น สองสามคนที่กำลังคุยกันอยู่ภายในห้องนั้นเมื่อได้ยินเสียงต่างก็พากันหันมายังพวกเขาทั้งสองคน
แม่ครัวและคนสวนเห็นท่าทางที่ดูผิดปกติไปของจี้จิ่งเชินแล้ว จึงมองไปยังล้อรถเข็นนั้น เมื่อเห็นช่องที่เป็นรูและยางที่แฟบอยู่นั้น จึงมีท่าทางที่โล่งใจขึ้นมา ปรากฏความพอใจออกมาอย่างชัดเจน
จี้จิ่งเชินมองอาการของพวกเขาแล้วนั้น จึงเข้าใจขึ้นมาทันที
พวกเขาเป็นพวกเดียวกันนี่เอง!
ที่คฤหาสน์แห่งนี้มีแต่คนประเภทไหนอยู่กัน!
เมื่อก่อนเขายอมให้พวกเขาอยู่ที่นี่กันได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้กำลังปั่นหัวเขาอยู่!
มีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่แน่ๆ!
ข้าวต้มปลาของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ออกมาแล้วไม่เห็นจี้จิ่งเชินนั้นเธอจึงอยากจะไปตามหาเขา แต่กลับถูกพวกแม่ครัวขวางเอาไว้เสียก่อน
ตอนนี้เห็นพ่อบ้านและเขากลับมา เดินเข้ามาแล้วนั้น ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยพูดออกมา จึงเห็นว่าล้อรถเข็นของเขาแบน
เธอเบิกตาขึ้นเล็กน้อย
“รถเข็นของพี่เป็นอะไรคะ?”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินดูไม่ดีนัก
พ่อบ้านที่อยู่ทางด้านหลังนั้นอธิบายขึ้นด้วยใบหน้าที่อิ่มเอม : “ตอนที่อยู่ในสวน ไม่ทันระวังน่ะครับล้อเลยรั่ว ดูแล้วคืนนี้คุณผู้ชายคงจะต้องพักที่คฤหาสน์นี่แล้วล่ะครับ”
“ตรงลานนั้นมีกระจกหรือเปล่าคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“คงจะอย่างนั้นน่ะครับ เดี๋ยวผมจะให้พวกเขาไปกวาดนะครับ” พ่อบ้านเดินนำไปอย่างพยายามหลีกเลี่ยงปัญหานี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามไป ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมา
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ ให้คนไปทำความสะอาดห้องของจี้จิ่งเชินด้วยนะคะ”
เธอมองไปยังจี้จิ่งเชิน ดวงตานั้นแสดงออกมาอย่างดูมีความสุข
“คืนนี้พักที่นี่ก่อนแล้วกันนะคะ ฉันจะให้พวกเขาเอารถเข็นไปซ่อมก่อน”
เดิมทีจี้จิ่งเชินคิดอยากจะพูดเหน็บแนมเธอ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มในดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วนั้น ไม่รู้ทำไม ถึงไม่สามารถเอ่ยออกมาได้เลย
“อืม” เขาตอบรับด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นขยายกว้างออกมาอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ปรากฏออกมาเลยในช่วงสองสามวันนี้
จี้จิ่งเชินเห็นท่าทางของเธอแล้ว ในใจราวกับถูกก้อนหินก้อนหนึ่งกดทับเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
ผู้หญิงคนนี้ จะต้องสมรู้ร่วมคิดกับพวกพ่อบ้านอย่างแน่นอน เพื่อที่จะให้เขาได้พักที่นี่
การกระทำเช่นนี้ ก็ไม่แตกต่างไปกับเจียงหยู่เทียนเลยที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้เขา
แต่เรื่องแบบนี้เมื่อเกิดขึ้นกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว เขากลับโมโหเธอไม่ลงเสียอย่างนั้น
หรือแม้กระทั่งเขาอดที่จะเริ่มคิดไม่ได้ ที่เอาแต่บอกว่าเมื่อก่อนเขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นสามีภรรยากัน ก็คงจะมีห้องนอนที่นอนกันแค่สองคนอย่างนั้นหรือเปล่า?
ผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มมีความคิดขึ้นมาแล้วสิ
แต่ถึงตอนกลางคืนแล้วนั้น จี้จิ่งเชินถึงได้พบว่า เรื่องราวไม่ใช่แบบนั้นเลย!
เขามองดูห้องที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง
การตกแต่งที่เรียบง่าย ห้องที่โล่งๆ และการตกแต่งที่ดูถูๆไถๆนั่นอีก
“ห้องรับรอง?”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่ห้องนอนใหญ่หรอกหรือ?
ใบหน้าของเขานั้นตึงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“พวกนายให้ฉันนอนห้องรับรอง?”
พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆเหลือบมองไปยังจี้จิ่งเชิน
เขาเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเยาะ : “ไม่อย่างนั้นคุณผู้ชายอยากจะไปนอนห้องไหนล่ะครับ? ห้องนอนใหญ่อย่างนั้นหรือครับ?”
มองดูอาการที่แสดงออกทางใบหน้าของจี้จิ่งเชิน เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองทายถูก
ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างพอใจมากขึ้นกว่าเดิม
เขาปิดปากแล้วอดที่จะแอบหัวเราะออกมาไม่ได้
“ห้องนอนใหญ่คุณเวินนอนอยู่ครับ ถ้าหากคุณผู้ชายอยากจะไปนอนห้องนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไปไม่ได้นี่ครับ”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินนั้นดูแย่มากจนถึงขีดสุด และแม้กระทั่งยังเผยให้เห็นถึงคับแค้นใจออกมาด้วย
เขาดึงหน้าตึง ใช้ความโมโหนี้ปกปิดความไม่เป็นธรรมชาติของตัวเอง แล้วพึมพำออกมา
“แล้วบอกว่าฉันเป็นเจ้าของคฤหาสน์ แต่กลับมาให้ฉันนอนห้องรับรองนี่น่ะหรือ”
พ่อบ้านพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น : “จริงๆแล้วที่นี่ไม่ใช่ห้องรับรองแขกหรอกครับ เป็นเพียงห้องนอนสำรองอีกห้องนึงเท่านั้น เมื่อก่อนคุณผู้ชายก็พักอยู่ที่ห้องนี้ครับ”
ตอนที่สร้างคฤหาสน์นั้น จี้จิ่งเชินไม่ได้คิดที่จะให้ใครมาที่คฤหาสน์หลังนี้อยู่แล้ว ดังนั้นห้องนอนสำรองและห้องรับรองแขกเป็นเพียงแค่การจัดให้มีขึ้นเพียงเท่านั้น แม้แต่การออกแบบก็ล้วนแต่เหมือนกันทั้งหมด
แต่ไม่คิดว่าหลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาแล้ว เขาถึงได้ย้ายออกมา
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้วนั้นหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจออกมา : “ไม่เพียงแค่เอาบ้านให้คนอื่นนะ ยังจะเอาบริษัทให้คนอื่น แล้วตัวเองกลับต้องมาลำบาก สมองของคนคนนี้มีปัญหาหรือเปล่ากัน?”
พ่อบ้านได้ยินแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นดูงุนงงบ้างเล็กน้อย
“คุณผู้ชายกำลังพูดถึงตัวคุณเองอยู่หรือเปล่าครับ?”