บทที่ 391 หึงเหรอ
จี้จิ่งเชินแสดงออกมาด้วยท่าทีของนักธุรกิจ น้ำเสียงของเขามีความห่างเหินเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงต้องจริงจังขึ้นมาทันที
“สัญญาถูกร่างขึ้นมาแล้วนะคะ อีกไม่กี่วันก็สามารถเริ่มทำสัญญาได้แล้วค่ะ”
ทั้งสองคนทานข้าวเช้าเสร็จ โดยไม่ได้คุยกัน จี้จิ่งเชินก็เห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ยอมออกไป
“วันนี้คุณไม่ไปบริษัทเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้ง และส่ายหน้า
“ตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องไปบริษัททุกวันแล้วค่ะ และเดี๋ยววันนี้จงหลีก็จะมาที่นี่ด้วย”
ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทดีขึ้นมากแล้ว แค่มีผู้จัดการหยางและจงหลีที่คอยจัดการงานในบริษัท เธอก็สามารถนำความคิดทั้งหมดมาวางบนร่างของจี้จิ่งเชินได้เต็มที่แล้ว
“จงหลี?”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็นึกถึงผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังของที่เวินเที๋ยนเที๋ยนในวันที่เธอมาเจอเขา
เขาน่าจะเป็นจงหลีแหละ?
ช่วงบ่าย ในขณะที่จี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังอยู่ในสวนดอกไม้ จงหลีก็มาถึงพอดี
เขาสวมสูทสีดำเหมือนกับครั้งที่แล้วที่ได้เจอ และยังคงรักษาภาพลักษณ์ของคนมีความสามารถอยู่เสมอ
จี้จิ่งเชินสังเกตเขาอย่างละเอียด อยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งแรกที่ตัวเองมานั่งอยู่ตรงทะเลสาบใจกลางแล้วมองเห็นชิงช้าสวรรค์นั้น ราวกับว่าตัวเขาเองได้เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนและจงหลีกอยู่ที่นั่นด้วย
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาแสดงออกราวกับมีอะไรบางอย่าง
จงหลีนำเอกสารทั้งหมดที่จำเป็นต้องจัดการให้เสร็จภายในวันนี้ มาให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน และพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์การร่วมลงทุนในครั้งนี้กับเธอด้วยเสียงที่เบา
ถึงแม้เขาจะรู้สึกถึงสายตาของจี้จิ่งเชินที่มองเขาอยู่จากทางข้างหลัง แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมอง
เมื่อพูดคุยเรื่องงานของวันนี้เสร็จ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงพูดขึ้นมา: “จี้จิ่งเชิน คุณยังจำจงหลีได้ไหม? ในช่วงแรกๆ เขาเป็นคนที่ช่วยคุณก่อตั้งบริษัทเอ็มไอกรุ้ปขึ้นมา และเขาก็เป็นผู้ช่วยพิเศษของคุณมาตลอด แล้วมีเรื่องอีกมากมายที่เขามีส่วนช่วยให้คุณทำสำเร็จด้วยนะ”
จี้จิ่งเชินหันไปมองจงหลีแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นข้อมูลของเขาในอินเทอร์เน็ต”
น้ำเสียงของเขาฟังดูเย็นชาเล็กน้อย
ไม่กี่วันมานี้อารมณ์ของเขาไม่ค่อยจะดีนัก และเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
แต่กลับเป็นจงหลีที่เมื่อได้ฟังแล้ว ถามเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมาด้วยเสียงเบา
“ประธานจี้ยังจำอะไรไม่ได้อีกเหรอครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“หลายวันมานี้ฉันได้พาเขาไปดูในทุกที่ ที่สามารถพาไปได้แล้วนะ แต่เขาก็จำอะไรไม่ได้เลย”
จงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย และกดน้ำเสียงต่ำลง
“ผมรู้จักหมอทางจิตอยู่หลายคน ให้ผมลองติดต่อ……”
“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันแน่ ทำไมต้องพูดลับหลังผมด้วย?” ยังไม่ทันที่จงหลีจะได้พูดเสร็จ อยู่ๆเสียงของจี้จิ่งเชินก็ดังแทรกขึ้นมาทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังออกว่าในน้ำเสียงของเขานั้นมีความไม่พอในอยู่ด้วย จึงหันไปมองที่เขาด้วยความสงสัย
จงหลีจึงได้พูดเสียงดังขึ้นมา : “ประธานจี้ครับ คือผมกำลังปรึกษากับคุณเวิน ว่าอยากจะให้คุณได้ไปพบผู้เชี่ยวชาญทางจิตท่านหนึ่งที่ผมรู้จักนะครับ”
“ไม่ต้อง” จี้จิ่งเชินตอบกลับไปทันทีโดยไม่คิด
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมองมาทางเขาด้วยความตกใจ
แต่จี้จิ่งเชินกลับหลบสายตาของเธอ แล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องรับแขก โดยไม่ได้สนใจพวกเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงยืนอยู่ที่เดิม โดยไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
“อาจจะ โกรธผมอยู่ก็ได้นะครับ……” จงหลีค่อยๆพูดขึ้นมา
“ทำไมต้องโกรธคุณด้วยล่ะ? คุณทำอะไรผิดงั้นเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองเขา
จงหลีส่ายหน้า
“ไม่ครับ ไม่มี……”
พูดเสร็จ เขาก็รีบถอนสายตาออกไปจากเธอ แล้วเริ่มเก็บเอกสารที่อยู่ในมือ
“สัญญายังมีปัญหาอยู่เล็กน้อย เดี๋ยวผมจะกลับไปเตรียมก่อนนะครับ แล้วอีกสองวันผมจะมาใหม่”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนมองออกไปข้างนอกและดูท้องฟ้า ก็เห็นว่าบนท้องฟ้านั้นปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีดำ
“ดูท่าแล้วฝนกำลังจะตกนะ คงไม่น่าจะออกไปข้างนอกได้ในตอนนี้ คุณรออยู่ที่ปราสาทอีกสักพักเถอะ พอดีเลยพวกเราก็จะได้คุยเรื่องรายละเอียดปัญหาในสัญญาด้วย”
จงหลีคิดอยู่สักพัก สุดท้ายก็ตอบตกลง
“ครับ”
ทั้งสองคนนั่งคุยกันต่อในห้องรับแขก
ในช่วงนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนจะได้รับความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องบริษัทจากจงหลีอยู่บ่อยๆ จึงทำให้ทั้งสองคนนั้นมีความรู้ใจกันพอประมาณ
ทุกครั้ง เพียงแค่จงหลีอธิบายเล็กน้อย เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะสามารถเข้าใจขึ้นมาทันที
“ใช่ครับ เป็นแบบนี้แหละครับ”
แต่ในตอนนี้ ดวงตาของจงหลีกลับมีรอยยิ้มขึ้นมา และมีท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ข้างในดวงตานั้นด้วย
จี้จิ่งเชินเดินวนอยู่ชั้นบนไปหนึ่งรอบแล้ว เขาแทบจะอดใจไม่ให้วิ่งลงไปข้างล่างได้
ไม่รู้ว่าจงหลีและเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคุยอะไรกันอยู่ และทำอะไรอยู่?
ทั้งๆที่เขาจี้จิ่งเชินเป็นคนก่อตั้งบริษัทเอ็มไปกรุ้ปขึ้นมาเอง แต่เรื่องของบริษัท ทำไมเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงไม่มาคุยกับเขาล่ะ แต่กลับไปคุยกับจงหลีอย่างนั้นเหรอ?
เขาวนไปวนมาอยู่ตรงระเบียงสองรอบ จนในสุดท้ายทนไม่ได้จนต้องลงไปชั้นหนึ่ง
เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะดังขึ้นมาทันที
“ใช่ร้านอาหารที่พวกเราเคยไปเมื่อครั้งที่แล้วหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ วันนี้ตอนผมขับรถผ่านหน้าร้าน ก็เห็นว่าข้างในร้านนั้นได้ตกแต่งใหม่เป็นสีเหลืองหมดแล้ว ราวกับว่าได้เปลี่ยนเป็นร้านอาหารจีนแล้ว”
“เป็นแบบนี้นี่เอง” เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มขึ้นมา “งั้นไว้ครั้งหน้าพวกเราไปดูด้วยกันนะ”
“ครับ”
ดูเหมือนทั้งสองคนจะทำงานเสร็จแล้ว และกำลังนั่งคุยกันอยู่ตรงโซฟา
ท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนดูสบายๆ และการกระทำก็ดูผ่อนคลายมาก
บนใบหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาจากใจ ตั้งแต่จี้จิ่งเชินได้เจอกับเวินเที๋ยนเที๋ยน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ
ตอนเธออยู่กับเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนจะมีท่าทางที่กังวลอยู่ตลอด ไม่เคยมีท่าทางที่ผ่อนคลายเลย
จี้จิ่งเชินยืนอยู่หน้าประตู ขมวดคิ้ว แล้วมองไปทางสองคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูสนิทสนมของพวกเขา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
เขาไม่ได้เดินเข้าไปอีก แต่กลับหมุนตัว แล้วเดินออกไปอีกทางหนึ่ง
เพิ่งจะเดินไปได้สักพัก เขาก็เจอกับพ่อบ้านที่กำลังทำความสะอาดระเบียงทางเดินอยู่ข้างหน้าของเขา
“คุณจี้” เขาหันหน้ามาทักจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินจึงได้รีบหยุดเก้าอี้รถเข็นลง แล้วหันไป
เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก และพูดออกมาด้วยความไม่เต็มใจ
“ไปเรียกเวินเที๋ยนเที๋ยนมาหน่อยสิ”
พ่อบ้านหันมามองเขาด้วยความสงสัย
“คุณเวินน่าจะกำลังทำงานอยู่หรือเปล่าครับ? คุณจี้อยากให้ทำอะไร ก็บอกผมมาได้เลยนะครับ ”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินโกรธขึ้นมาทันที
“ฉันสั่งให้ไปเรียกเวินเที๋ยนเที๋ยนมา!”
เขาหันไปด้วยความรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย จึงทำให้น้ำเสียงมีความไม่พอใจอยู่
“ไปเรียกเธอมา ไม่มีเหตุผลว่าทำไม”
พูดเสร็จ จี้จิ่งเชินก็บังคับเก้าอี้รถเข็นไปอีกทางหนึ่ง และบ่นไปด้วย
“ทั้งๆที่ทำงานกันเสร็จแล้ว แต่ทำไมต้องอยู่ต่ออีก?”
เมื่อพ่อบ้านได้ยินคำพูดของเขา ก็รู้สึกอึ้งขึ้นมา พ่อบ้านแสดงสีหน้าล้อเลียนออกมาเล็กน้อย จึงค่อยเดินออกไป
เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขก ก็เจอเข้ากับภาพของเวินเที๋ยนเที๋ยนและจงหลีที่นั่งอยู่ด้วยกัน พ่อบ้านจึงได้เข้าใจในทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงคุยเกี่ยวกับเรื่องร้านอาหารร้านเดิมอยู่ แต่พ่อบ้านกลับบอกเธอว่า จี้จิ่งเชินมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ
“เป็นอะไรของเขานะ?”
พ่อบ้านส่ายหน้า แต่บนใบหน้ากับเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยออกมา
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่คุณจี้เขาดูรีบร้อนมาก น่าจะมีเรื่องที่สำคัญมากนะครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนขึ้นมา ตั้งแต่เมื่อสักครู่ที่จี้จิ่งเชินออกไปด้วยความโกรธ เธอก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย
เธอหันมองไปทางชั้นสอง และพูดกับจงหลี: “ฉันขอขึ้นไปดูเขาก่อนนะ”
จงหลีคิดอยู่สักพัก และยืนขึ้นมาตามเธอ
“ผมขอไปกับคุณเวินด้วยดีกว่าครับ”
พูดเสร็จ พวกเขาก็จะเดินขึ้นไปข้างบนพร้อมกัน
“เดี๋ยวก่อนครับ……”
เมื่อบ้านเห็น ก็รีบเรียกให้หยุดทันที แต่พวกเขาสองคนก็ได้เดินขึ้นชั้นบนไปแล้ว
พ่อบ้านจึงมองไปที่พวกเขาด้วยความกังวล
ไม่รู้ว่าถ้าคุณจี้เห็นว่าจงหลีกับคุณเวินขึ้นมาพร้อมกัน เขาจะทำยังไง……