บทที่ 425 นั่นไม่ใช่อุบัติเหตุเหรอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าไปในห้องรับแขก เงยหน้ามองรอบๆ ไม่เห็นร่างของจี้จิ่งเชิน ก็ผ่านฝูงคนไปอีกทาง
พ่อบ้านที่รออยู่ข้างๆมองเห็นเธอ ก็ตาโตอย่างตกใจ
“คุณหนู คุณมาได้ไง?”
“ฉันมาแทนตระกูลเวิน”เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มอย่างทำอะไรไม่ถูก
จี้จิ่งเชินจงใจไม่ให้บัตรเชิญเธอ เพราะไม่อยากให้เธอมา?
เธออดไม่ได้จะคิดถึงเมื่อก่อนที่จี้จิ่งเชินไล่เธอออกจากปราสาท
ตอนนั้นเขาเคยพูด ให้ตัวเองอย่ามาปรากฏตัวที่ปราสาทอีก ……
แต่เธอเห็นบัตรเชิญใบนั้นที่ส่งไปให้ตระกูลเวิน ก็อดไม่ไหวที่จะมา
ทั้งสองกำลังพูดอยู่นั้น จู่ๆบอดี้การ์ดคนหนึ่งก็เข้ามาก็เดินเข้ามา
“พ่อบ้าน คุณชายเรียกหา”
“โอเค”
เขาตอบรับไป หันไปมองที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือ
“ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ ฉันอยู่นี่ได้”
“คุณหนู ระวังตัวหน่อยนะครับ”
หาเจียงหยู่เทียนไม่เจอ เขาเลยกังวลเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่เข้าใจความหมายเขา ยังคิดว่าก็แค่เป็นห่วงว่าตัวเองจะลำบากเพราะแขกคนอื่นๆ
“ฉันไม่เป็นไร”
พ่อบ้านออกไป เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ที่เดิม ลังเลว่าจะไปที่ไหน เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาที่สอดส่องข้างหลังเขา
เธอเพิ่งเดินออกไป ไหล่จู่ๆกลับถูกคนตีเข้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจ จะหมุนตัว แต่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยมาจากด้านหลัง
“สาวตัวน้อย!เดาออกนานแล้วว่าคุณจะมา”
ได้ยินเสียงนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ผ่อนคลายลง ไม่ต้องหันกลับ ก็เดาออกว่าใคร
เธอหมุนตัว มองคนสองคนที่อยู่ด้านหลัง ใบหน้ามีรอยยิ้มพอใจ
“ท่านจาง ท่านเปิง พวกคุณก็มาเหรอ”
ท่านจางโน้มเข้ามา เริ่มถาม:“สาวตัวน้อย จี้จิ่งเชินเกิดอะไรขึ้น?เขาไม่ตายจริงๆเหรอ?”
คำถามนี้พูดออกมา คนไม่น้อยที่อยู่รอบๆต่างเอียงหูฟังทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเห็นการกระทำของพวกเขา ลังเล และก็พยักหน้าไป
“อือ จี้จิ่งเชินไม่ได้ตายอยู่แล้วค่ะ”
ได้ยินประโยคนี้ แขกรอบๆก็ตะลึง
คำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยน ยืนยันข่าวลือต่างๆก่อนหน้านี้ได้อย่างดี
ได้ยินเสียงตกใจพวกนั้น ท่านเปิงไม่ค่อยพอใจ หันไปจ้อง แล้วพาเวินเที๋ยนเที๋ยนไปที่มุมไร้ผู้คน
ถามอย่างละเอียด:“เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าคุณรู้ตั้งแต่ต้นแล้วเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม ไม่ตอบอะไร
แต่ท่านเปิงเดาความหมายของเธอออก จึงเลิกคิ้วสูง
สักพักหนึ่ง ในที่สุดจึงพูด:“ช่างเถอะ รู้ก็รู้ไป แต่คุณเป็นอะไร ทำไมจี้จิ่งเชินเพิ่งกลับมา ก็ไปจากปราสาท แล้วไปตระกูลเวิน?”
ท่านจางฟัง ก็เอื้อมเข้าไปข้างหน้า
“ใช่ คุณไปทำอะไรที่นั่น?”
ตอนแรกได้ยินข่าวนี้ ทั้งสองก็ไม่เชื่อ และก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ง่ายเลยที่จะไปจากตระกูลเวิน ทำไมกลับอีกล่ะ?
“จี้จิ่งเชินล่ะ?เขาโอเคเหรอ?”ท่านจางพูดอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่ค่ะ……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า แต่ไม่อธิบาย
ต้องให้เธอบอกสองคนชรานี้ยังไง ว่าจี้จิ่งเชินเองที่ไล่เธอไปจากปราสาท?
ถ้าพวกเขารู้จะต้องลุกเป็นไฟ และต้องไปคิดบัญชีกับจี้จิ่งเชินแน่
กำลังคิดอยู่นั้น ท่านจางจู่ยกมือขึ้น ดึงเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วเอื้อมไป ตาเป็นประกาย
พูดด้วยใบหน้าภูมิใจ:“แต่ตอนนี้จี้จิ่งเชินกลับมาแล้ว คุณก็ไม่ต้องอยู่บริษัทเอ็มไอกรุ้ปต่อ กลับมาได้อีกใช่ไหม?”
“กลับมา?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจ
ท่านจางกะพริบตาไปที่เธอ พูด:“ช่วงนี้ผมหาของดีมาได้ไม่น้อยเลย ต่างเป็นของมีค่า ที่มีข้อบกพร่องบางอย่าง……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็เข้าใจ
ท่านจางวางแผนว่าจะรีบไล่ตัวเองออกจากบริษัท และไปเรียนการซ่อมแซมทางโบราณคดีต่อ เพื่อช่วยเขาจัดการของมีค่าพวกนั้นที่เก็บมาได้แต่ละที่
เมื่อก่อนถึงแม้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะทำงานยุ่งที่บริษัท แต่ก็ทำงานซ่อมแซมของวัตถุโบราณที่ตัวเองชอบมาตลอด ทุกเวลาก็จะเอาสิ่งของในมือของทั้งสองมาลองฝึกฝน แต่แทบจะน้อยแล้วที่ปรากฏในด้านนี้
ได้ยินท่านจางพูดแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเมื่อก่อน
ตอนนั้น เธอยังสามารถทำตามสิ่งที่ตัวเองชอบได้
แต่ตอนนี้ มีหลายอย่างที่มาขัดขวาง
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“ตอนนี้ฉันน่าจะยัง……”
ยังพูดไม่จบ หน้าประตูจู่ๆก็มีเสียงตกใจ
เดิมทีฝูงชนที่เงียบสงบ ก็เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนต่างกำลังซุบซิบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองด้านนอกด้วยความสงสัย ก็มองเห็นทางเดินที่เคยแน่นไปด้วยฝูงคนกลับหลีกทางให้
ด้านนอกประตู จี้จิ่งเชินที่นั่งบนรถเข็นค่อยๆเข้ามา
ชุดสูทสีดำทั้งตัว ถึงจะอยู่บนรถเข็น แต่ท่าทางทั้งตัวกลับเหมือนกษัตริย์ที่ทรงเสด็จ ไม่อยู่หลังผู้อื่น
ถึงจะเทียบกับเมื่อก่อนที่เขาอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ที่สุด ก็ยังสะดุดตาผู้คนอยู่
เขาในตอนนั้นเย่อหยิ่งและอวดดี แต่ตอนนี้ ความเย่อหยิ่งนั้นค่อยๆหม่นลง บรรจบกัน เหมือนดาบเล่มหนึ่ง
ที่เดิมทีไม่แสดงออก แต่พอได้แผลงฤทธิ์แล้วกลับทำให้คนตกตะลึงได้
เมื่อดาบชำระความแค้น ก็จะเห็นเลือดปิดคอ
เขาเข้ามาจากด้านนอกประตู ทันใดนั้นเสียงกระซิบของแขกต่างดังขึ้นมา ผ่านไปสักพัก ก็ค่อยๆเงียบลง
สถานที่นั้นเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูด
“ยืนดีต้องรับที่ทุกคนมา”
จี้จิ่งเชินพูดเสียงสูง สายตามองไปที่ทุกคน
“จุดประสงค์ที่ผมเรียกทุกคนมาวันนี้ พวกคุณคงจะเข้าใจดี”
เขาพูดไป ก็บังคับรถเข็นออกมาจากด้านใน
“อุบัติเหตุเมื่อครึ่งปีก่อนนี้ ตำรวจคิดว่าผมเสียชีวิตในกองไฟ จนเข้าใจผิดไปอย่างมาก วันนี้ให้ทุกคนมา ก็เพื่อทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน ไม่ให้เข้าใจผิดต่อไป”
เขาพูดไป ก็ค่อยๆมาถึงกลางห้องงานเลี้ยง มองไปที่ทุกคน
“เกี่ยวกับบริษัทเอ็มไอกรุ้ป ผมจะพยายามเริ่มจัดการใหม่ให้ไวที่สุด เกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมาครึ่งปีนั้น ผมก็กำลังเข้าใจให้เร็วที่สุดอยู่ ถึงตอนนั้นควรจะจัดการอย่างไร ก็หวังว่าทุกคนจะเตรียมตัวให้ดี”
ประโยคนี้พูดจบ คนสองสามคนที่อยู่ในห้องงานเลี้ยงต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป ที่หน้าผากมีเม็ดเหงื่อไหล มองไปที่จี้จิ่งเชินอย่างกดดัน
คนพวกนี้คือคนที่ซ้ำเติมบริษัท ถือโอกาสในการกดขี่เมื่อหกเดือนที่ผ่านมา
ตอนนี้เห็นจี้จิ่งเชินกลับมาจริงๆ ต่างตกใจกัน
ในตอนที่เงียบนั่นเอง มีคนพูด ด้วยเสียงเบาๆ:“ประธานจี้ ไฟไหม้นั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
จี้จิ่งเชินยิ้มบางๆ พูดต่อ:“เกี่ยวกับผู้ลอบวางเพลิงนั้น ฉันมีเบาะแสแล้ว และถึงตอนนั้นจะต้องจับเขาออกมาได้แน่นอน”
“ผู้ลอบวางเพลิง?”
จี้จิ่งเชินเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงจากประตูเข้ามา พร้อมกับรอยยิ้ม ที่ทำให้คนใจเต้น
ทุกคนต่างหันไป
เวินหงไห่ยืนตรงประตูทางเข้า
เขามองจี้จิ่งเชิน พูดยิ้มๆ:“ประธานจี้ คุณสับสนเหรอ?จากที่ตำรวจตรวจสอบ ไฟไหม้นั้นคืออุบัติเหตุ