บทที่ 435 ตีไม่ได้ ด่าไม่ได้
หลังจากจบงานประชุมนักข่าว จี้จิ่งเชินก็ให้คนนำเอกสารไปลงบันทึกไว้ที่สถานีตำรวจ และทำการฟ้องร้องเจียงหยู่เทียนข้อหาฆาตกรรมกับข้อหาวางเพลิง
ตำรวจรีบรับไปทันที และให้คนเริ่มออกตามหาเจียงหยู่เทียน
แต่ต่อให้พวกเขาหาเธอรอบเมืองหลวงแล้ว แต่ก็หาร่องรอยของเจียงหยู่เทียนไม่เจอ
คล้ายกับว่าหลังจากเธอออกไปจากงานประชุมวันนั้น ก็ได้หายสาบสูญไปเลย
“ เวินหงไห่คงไม่ปล่อยให้คนที่ข่มขู่ตำแหน่งของเขารอดไปได้หรอก ” จี้จิ่งเชินพูดขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไปเล็กน้อย และหันกลับมาอย่างตกตะลึง
“ คุณกำลังบอกว่า เวินหงไห่ลงมือกับเจียงหยู่เทียนอย่างนั้นหรอ? ”
วันนั้นอารมณ์ของเจียงหยู่เทียนไม่ค่อยคงที่สักเท่าไหร่ อีกทั้งเธอยังรู้ความลับของเวินหงไห่อยู่ไม่น้อย
ถ้าอิงตามนิสัยรอบคอบของเขาแล้ว เขาคงไม่ปล่อยให้พยานอย่างเธอรอดไปแน่
แม้แต่เด็กที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานเขายังกล้าลงมือ ก็ไม่ต้องไปพูดถึงเจียงหยู่เทียนหรอก……
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว นึกถึงท่าทางที่ถูกทำให้ตกใจของเจียงหยู่เทียนในวันประชุม
ไม่ว่าจะทำดีหรือทำชั่วก็มักจะย่อมได้รับผลกรรมที่ทำไว้ และสวรรค์คงไม่ปล่อยให้คนชั่วหลุดรอดไปได้ จะต้องชดใช้ผลกรรมที่ตัวเองทำ……
“ แล้วเด็กล่ะ? พวกคุณจะจัดการยังไง? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงเด็กที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานคนนั้น และเกิดความรู้สึกกังวลขึ้น
พ่อบ้านพูดตอบอยู่ด้านข้าง: “ เด็กถูกส่งไปที่พ่อบ้านฉวีผิงแล้วครับ เขาบอกว่าจะส่งเด็กไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าครับ ”
“ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า? ”
คล้ายกับพ่อบ้านนึกอะไรออก เขาจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ คุณผู้หญิงรู้ไหมว่าเขาพาเด็กไปส่งที่สถานเด็กกำพร้าแห่งไหน? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างสงสัย พ่อบ้านจึงพูดต่อ: “ ฉวีผิงบอกว่าวันนี้จะพาเด็กไปส่ง คุณผู้หญิงสามารถไปดูได้นะครับ ”
“ ค่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งตอบออกไป ต่อมา ก็เห็นจี้จิ่งเชินค่อยๆไถลรถเข็นเข้าไปทางด้านใน
“ จี้จิ่งเชิน? คุณจะไปด้วยกันไหม? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนตะโกนเรียกเขา
จี้จิ่งเชินเหมือนรู้ว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้ จึงตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ ไม่สันทัด ” เขาพูดไปตรงๆ
“ ไปด้วยกันเถอะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดไปด้วย และเดินไปเข็นรถเข็นไปทางด้านนอกไปด้วย
จี้จิ่งเชินชะงักไป ไม่คิดว่าเธอจะกล้าขนาดนี้ ถึงขั้นลงมือด้วยตัวเอง เขาจึงพูดด้วยเสียงหนักแน่นเล็กน้อย
“ เวินเที๋ยนเที๋ยน คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”
“ ผมบอกแล้วว่าผมไม่อยากไป ปล่อย อย่าบังคับให้ผมต้องไล่คุณออกไปนะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่รับรู้ถึงการข่มขู่ของเขา การกระทำของเธอไม่หยุดลง และรีบเข็นรถเข็นไปทางด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“ เมื่อก่อนใช่ว่าคุณไม่เคยไล่ฉันนี่…… ”
คำพูดเบาๆ แต่กลับทำให้จี้จิ่งเชินชะงักไปได้
เขาเงียบลง แต่ยังคงขมวดคิ้วอยู่ ใบหน้าของเขามีความโมโห ไม่รู้ว่ากำลังโกรธเวินเที๋ยนเที๋ยนหรือว่ากำลังไม่พอใจตัวเองอยู่กันแน่
พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้เข้ามาช่วยทันที เขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนช่วยพาจี้จิ่งเชินขึ้นไปบนรถ
รถเคลื่อนมาทางชานเมือง และมาถึงอีกเมืองหนึ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนลงจากรถ เห็นป้ายที่อยู่ริมถนนก็รู้ทันที
“ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซี? ”
บนป้ายสีขาวนวลเขียนตัวอักษรนั้นอย่างชัดเจน
“ ฉวีผิงเอาเด็กมาส่งที่นี่หรอ? ”
ตอนนี้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซีแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก หลังจากที่สร้างใหม่ก็กว้างขวางใหญ่โตขึ้น
และในระยะเวลานี้ก็ได้รับเด็กกำพร้าเพิ่มมาไม่น้อย ทำให้ครึกครื้นขึ้นกว่าเดิม
หลังจากที่สร้างเสร็จแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เคยมาที่นี่ครั้งสองครั้ง
เด็กที่นี่รู้จักเธอ เพียงแค่เธอโผล่มา เด็กๆก็จะวิ่งมาล้อมเธอไว้อย่างเป็นกันเอง
แต่จี้จิ่งเชินดูเหมือนไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง เขาหน้าเขียวอยากกลับไปสักตอนนั้นเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าไปหาพนักงานของสถานเด็กกำพร้า ถามแล้วถึงรู้ว่าตอนเช้าของวันนี้ ฉวีผิงได้พาเด็กมาส่งที่นี่จริงๆ และพนักงานกำลังดูแลเด็กอยู่
ก่อนงานแถลง เวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งใจบอกกับจี้จิ่งเชินเป็นพิเศษว่าอย่าเปิดเผยรูปร่างลักษณะของเด็ก ตอนพาเด็กมาส่ง ฉวีผิงก็ไม่ได้บอกเรื่องชีวิตของเด็กกับพนักงานเช่นเดียวกัน
พวกเขาหวังแค่ว่าเด็กคนนี้จะสามารถเติบโตเหมือนเด็กคนอื่นๆ
จะไม่ให้เจียงหยู่เทียนได้ทำลายชีวิตของคนคนนึงได้อีก
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเตรียมจะเข้าไปด้านใน ฝีเท้าของจี้จิ่งเชินก็ได้หยุดลงทันที
“ พวกคุณเข้าไป ผมไม่เข้าไป ”
เขายืนทำหน้าขรึมอยู่ที่เดิม และไม่ยอมเข้าไปใกล้
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะพูดกล่อม กลับเห็นด้านนอกมีรถขับเข้ามาจอดที่หน้าประตูสถานเด็กกำพร้า และเห็นจงหลีรีบลงมาจากรถ
“ ประธานจี้ครับ ”
ในมือของเขาถือเอกสารไว้อยู่ คล้ายกับเจอเรื่องด่วนอะไรมา
จี้จิ่งเชินหันกลับไป และทำการพูดคุยกับเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำได้แค่ล้มเลิกความคิดไป
“ ฉันเข้าไปกับพ่อบ้านก็ได้ ไม่นานก็ออกมาแล้ว ”
พูดจบ เธอกับพ่อบ้านก็ถือของ และเดินเข้าไปด้านใน
จี้จิ่งเชินนั่งมองแผ่นหลังของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่เดินจากไปอยู่บนรถเข็น
ผ่านไปสักพัก เขาก็เก็บสายตาลง
“ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ”
จงหลีพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นทันที
“ ฝ่ายบริษัทนั้นส่งข่าวมาบอกว่า อีกหนึ่งเดือนจะมีงานประชุม…… ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับพ่อบ้านเดินตามพนักงานเข้ามาในห้อง เห็นเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังนอนเรียงกันอยู่
มองรูปร่างของเด็กคนนั้น กลับไม่คล้ายกับเจียงหยู่เทียน และก็หาความงดงามของจี้ยี่หยันไม่เจอด้วยเช่นกัน
อวัยวะทั้งห้าดูอ่อนโยนมาก และชวนให้คนเกิดความรู้สึกดีตาม
หลังจากที่ถามเรื่องข้อควรระวังกับพนักงานแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถือโอกาสนี้ตรวจสอบการดำเนินกิจกรรมของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสักเลย
ตอนที่เดินออกมาเตรียมจะออกไป กลับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านนอก
เสียงหัวเราะกับเสียงหวีดร้องของเด็กผสมกลมกลืนเข้าด้วยกัน และดังมาจากในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปดูอย่างสงสัย
เห็นเด็กกลุ่มนึงยืนล้อมกันอยู่ และกำลังหัวเราะอย่างไม่หยุดหย่อน
เธอมองอย่างละเอียด ไม่คิดว่าจะเห็นเงาของจี้จิ่งเชินอยู่ตรงกลางวงของเด็กพวกนั้น
เขานั่งอยู่บนรถเข็น กลับขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์โมโห
แต่เด็กพวกนั้นกลับไม่กลัวเลยสักนิด ล้อมตัวเขา และถึงขั้นดึงแขนของจี้จิ่งเชินเล่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำเหมือนเขาเป็นของเล่นชิ้นใหญ่ไปแล้ว
เห็นภาพเหตุการณ์นี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ชะงักไปทันที ไม่นานก็รู้สาเหตุ
มิน่าล่ะ เด็กพวกนี้ถึงไม่กลัวจี้จิ่งเชิน
ตอนนี้ พวกเด็กที่ล้อมอยู่รอบตัวเขาล้วนเป็นเด็กที่เคยพักอาศัยอยู่ที่ปราสาทในตอนนั้น
หลังจากที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสร้างเสร็จแล้ว จี้จิ่งเชินเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก พอพวกเด็กๆเห็นเขาก็พากันดีใจ จนลืมสีหน้าของเขาไปสนิท และพากันล้อมรอบตัวจี้จิ่งเชินไว้
ต่อให้จี้จิ่งเชินทำหน้าขรึม ส่งกระแสความเย็นออกมามากมายขนาดไหน เด็กพวกนั้นก็ยังไร้เดียงสา และไม่รู้สึกอะไร
แม้แต่จงหลีที่รออยู่ข้างๆก็ยังไม่รอด เขาถูกเด็กสองสามคนกอดขาไว้และแกว่งไปมา ทำเหมือนขาของเขาเป็นชิงช้าอย่างนั้นแหละ
เวินเที๋ยนเที๋ยนดูอยู่ไกลๆ ไม่ได้เข้าไป
พอจี้จิ่งเชินเห็นเธอ สายตาก็ลอดผ่านพวกเด็กๆไปหยุดอยู่บนตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาจึงพูดขึ้นอย่างโมโห: “ เวินเที๋ยนเที๋ยน รีบมาพาพวกเขาออกไป! ”
เขาทั้งโกรธ ทั้งจนปัญญา
การกระทำที่กำเริบเสิบสานของเด็กพวกนั้นทำให้ในใจของเขาแทบจะระเบิดออกมาแล้วเต็มทน!
แต่กลับไม่กล้ามองการกระทำของพวกเขา ถ้าฝ่ายนั้นเป็นคนวัยกลางคน ไม่ถึงสามวินาทีก็คงถูกทำให้ล้มลงไปแล้ว
แต่เด็กพวกนั้นดูทั้งนุ่ม ทั้งเล็ก เหมือนถ้าออกแรงก็อาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บได้เลย
ตีก็ไม่ได้ ด่าก็ไม่ได้
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ พลังที่เจ้าตูดเล็กพวกนี้ร้องออกมา เขายังจำได้แม่น