บทที่ 443 ไม่อย่างนั้น ให้ฉันเก็บมันขึ้นมาไหม
ฉวีผิงยิ่งไม่เข้าใจกว่าเดิม อยู่ๆเขาก็นึกเรื่องที่เพิ่งรับโทรศัพท์เมื่อสักครู่ออก จึงรีบเดินตามเธอไป
“ ใช่แล้วครับ คุณผู้หญิง เมื่อสักครู่มีโทรศัพท์มา เอกสารที่คุณยื่นเรื่องขอเข้าเรียนอีกครั้งได้รับอนุญาตแล้วนะครับ ผ่านไปสองวันคุณก็สามารถเข้าเรียนได้แล้ว ยังมีอีกเรื่อง ท่านเปิงมีเรื่องต้องการพบคุณครับ ”
“ รู้แล้วค่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบตอบเขาไปแบบลวกๆ และเดินขึ้นรถไป
เหลือไว้เพียงฉวีผิงที่ยืนงงอยู่นอกรถ เขาไม่รู้เลยจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สองสามวันต่อมา ทุกครั้งที่จี้จิ่งเชินเดินเข้ามาในห้องทำงานของตัวเอง เขาก็ไม่เห็นเงาของเวินเที๋ยนเที๋ยนอีก
เวลาอาหารกลางวัน ก็ไม่ได้รับอาหารกลางวันที่ผ่านการปรุงรสอีก
หลังจากที่ถามเลขากับแผนกต้อนรับ ก็รู้ว่าช่วงระยะเวลานี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้เข้ามาที่บริษัทอีกเลย
คล้ายกับคำพูดเมื่อครั้งก่อนมีผล และเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้ตอนนั้นด้วยเช่นกัน
นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดหวังไว้ไม่ใช่หรอ?
จี้จิ่งเชินกลับฝืนยิ้มออกมา
เขาเงยหน้าขึ้นมาจากการอ่านเอกสาร สองสามวันก่อนหน้านี้ มุมขวาของโต๊ะทำงานมักจะมีอาหารกลางวันที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเอามาให้เขา
แต่ตอนนี้ ตรงนั้นกลับว่างเปล่า
แม้แต่ใจของเขาก็เหมือนกับขาดไปหนึ่งส่วน
เพียงระยะเวลาสามวัน กลับทำให้คนรู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นปี
กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จงหลีก็เดินถือเอกสารเข้ามาจากด้านนอก
เห็นจี้จิ่งเชินกำลังเหม่อ เขาจึงมองตามสายตาของจี้จิ่งเชินที่ไปหยุดอยู่ตรงนั้นอย่างสงสัย
และก็เข้าใจได้ทันที
ไม่รอให้เขาพูด จี้จิ่งเชินก็ดึงสติกลับมา และพูดถามเรื่องงาน
“ มีเรื่องอะไร? ”
จงหลีหยิบเอกสารที่เตรียมมาออกมา และนำไปวางตรงหน้าจี้จิ่งเชิน
“ นี่เป็นเอกสารแผนการทำงานที่ผู้จัดการหยางเพิ่งเขียนเสร็จ เขาออกไปทำธุระข้างนอก จึงให้ผมช่วยนำมาส่งให้คุณครับ ”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้น ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
และพูดออกมาตรงๆอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด: “ ออกไปทำธุระหรือไม่กล้ามาพบ? ”
จงหลีเห็นว่าแผนการของผู้จัดการหยางถูกเปิดโปง เขาก็หัวเราะออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไร
จี้จิ่งเชินรับเอกสารไปเปิดดู เห็นจุดบกพร่องสองสามจุดถูกแก้ไขแล้ว เขาถึงค่อยรู้สึกพอใจขึ้นมาบ้าง หลังจากนั้นก็ส่งเอกสารกลับคืนไปให้จงหลี
“ ครั้งหน้าให้เขามาพบผมด้วยตัวเอง ข้างในยังมีจุดบกพร่องที่ยังต้องการแก้ไข ”
“ ครับ ประธานจี้ ” จงหลีขานรับ
จี้จิ่งเชินก้มหน้าเตรียมจะทำงานต่อ แต่ต่อมาก็เห็นจงหลียังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เขาจึงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“ ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า? ”
สายตาของจงหลีไปหยุดอยู่ที่มุมโต๊ะทำงาน และเขาก็ได้พูดขึ้น: “ ได้ยินพ่อบ้านบอกว่า เหมือนคุณเวินจะกลับไปเรียนต่อแล้ว ยังได้รับงานจากท่านเปิงอีก และกำลังถ่ายรายการอยู่ครับ ”
“ พ่อบ้านบอก? ”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
ทำไมเรื่องแบบนี้ พ่อบ้านถึงต้องไปบอกจงหลี แต่กลับไม่มาบอกเขา?
ความคิดนี้แล่นผ่านในหัวของเขา สีหน้าของจี้จิ่งเชินก็เคร่งขรึมขึ้นไม่น้อย
“ แล้วยังไง? เกี่ยวอะไรกับผมด้วยหรอ? ”
เขาตอบกลับไปอย่างเย็นชา จึงทำให้จงหลีรู้สึกตะลึงนิดหน่อย
เขากำลังจะพูดอธิบาย แต่สุดท้ายก็กลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงมุมปากลงไป
เห็นอยู่ว่าเมื่อสักครู่จี้จิ่งเชินมองไปที่โต๊ะ และกำลังคิดถึงเวินเที๋ยนเที๋ยน มาตอนนี้กลับแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
มิน่าล่ะ ตอนที่พ่อบ้านบอกกับเขา พ่อบ้านยังพูดบ่นว่าจี้จิ่งเชินปากไม่ตรงกับใจ
พอคิดแบบนั้น จงหลีจึงส่ายหน้าไปมา
“ ไม่มีครับ อยู่ๆผมเพิ่งนึกออก ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินจากไป
จี้จิ่งเชินเห็นเขาเดินออกไปแล้ว ในใจกลับมีความรู้สึกไม่พอใจ
กว่าจะเก็บสายตากลับมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่พอก้มลงอ่านเอกสารบนโต๊ะอีกครั้ง เขากลับอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว
ที่แท้ก็ไปเรียนแล้ว?
หยุดเรียนไปตั้งนานขนาดนั้น อัตราความเร็วที่ต้องตามเพื่อนคนอื่นๆให้ทันคงจะเป็นอุปสรรคมาก ยังรับงานถ่ายรายการจากท่านเปิงอีก ไม่รู้ว่าเธอจะมีเวลาพักผ่อนบ้างหรือเปล่า
ในหัวของจี้จิ่งเชินเต็มไปด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
คิดไปได้สักพักใหญ่ อยู่ๆก็รับรู้ถึงการกระทำของตัวเองในตอนนี้ เขาจึงส่ายหัว และก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
หลังจากที่จัดการกับงานในมือเสร็จแล้ว จี้จิ่งเชินก็เตรียมลงสถานที่ไปสังเกตงานตามแผนการทำงาน
เขาเพิ่งเดินออกมาจากห้องทำงาน ก็เห็นเลขากับอีกสองสามคนยืนอยู่ที่หน้าประตู ไม่รู้ว่ากำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่
เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ต่อมาก็เห็นในมือของเลขากำลังถือช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่เอาไว้อยู่
“ เวลาทำงาน ตอนนี้พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่? งานในมือจัดการเสร็จแล้วหรอ? ”
จี้จิ่งเชินพูดขึ้น ทำให้เลขาตกใจจนหน้าถอดสีทันที เธอมองมา และไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
จี้จิ่งเชินมองดอกไม้สดที่เธอกอดเอาไว้อยู่นิดหน่อย
และได้พูดขึ้นมาเสียงเย็น: “ แผนงานที่ผมให้คุณทำ ทำเสร็จแล้วหรือยัง? ”
“ อ๊ะ? ขอ ขอโทษค่ะ เพราะเมื่อสักครู่เกิดเรื่องนิดหน่อย ฉันจะไปติดต่อให้เดี๋ยวนี้ค่ะ ”
เลขารีบพูดให้จบ เธอกำลังจะหมุนตัวไปทำงาน
จี้จิ่งเชินก็ได้พูดเตือนขึ้นมาเสียก่อน
“ อย่าให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้เสียเวลาการทำงาน ”
เลขาไม่ได้สบตาเขา เธอมองช่อดอกไม้ในมือของตัวเอง ถึงได้นึกออก
“ ไม่ใช่นะคะ…… ”
เธออยากพูดอธิบาย แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไงดี
เธอลังเลเล็กน้อย ต่อมาก็ทำได้เพียงนำช่อดอกกุหลาบในมือยัดใส่มือของจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ หัวคิ้วชนเข้าหากันแน่น และเขาก็กำลังจะโมโห
เลขาจึงรีบพูดอธิบาย: “ อันที่จริง ดอกไม้ช่อนี้ต้องให้ประธานจี้ค่ะ เมื่อสักครู่มีคนนำมาส่งให้ ”
จี้จิ่งเชินได้ฟัง การกระทำในมือก็หยุดลงทันที เขาก้มหน้ามองดอกกุหลาบสีสันสวยงามเหล่านี้นิดหน่อย
“ ใครเอามาให้? ”
เลขาส่ายหน้า
“ ฝ่ายนั้นไม่ได้บอกชื่อค่ะ คล้ายกับตั้งใจปิดบังชื่อ พวกเราคิดว่ามีคนส่งมาแกล้ง เมื่อสักครู่จึงลังเลว่าจะนำไปให้คุณดีหรือเปล่า ”
จี้จิ่งเชินฟังมาถึงตรงนี้ ในหัวก็ปรากฏชื่อคนคนนึงขึ้นมา
หัวคิ้วของเขาจึงคลายลง
เขาหยิบช่อดอกกุหลาบขึ้นมาดู ในใจก็ยิ่งแน่ใจถึงสถานะของคนส่งดอกไม้แล้ว
มีเพียงแค่ยัยบ๊องนั้นคนเดียวที่คิดทำเรื่องอะไรแบบนี้
ถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่เลิกราจริงๆด้วย
เขารู้สึกจนปัญญากับเธอจริงๆ
แต่พอเห็นดอกไม้ช่อนี้ ส่วนที่ขาดไปในใจก็เหมือนค่อยๆถูกเติมให้เต็ม ทำให้ใจที่กำลังกระวนกระวายได้กลับมาสงบอีกครั้ง
จี้จิ่งเชินเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง แต่ไม่นานเขาก็เริ่มโทษตัวเอง
ผู้หญิงคนนั้นยังไม่รู้จักเลิกราใช่ไหม?
เพียงแค่ให้ความหวังเธอนิดหน่อย เธอก็จะจับไม่ปล่อย
ตัวเองไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วหรือไง?
สิ่งเดียวที่มีค่า กลับเป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกสงสาร
จี้จิ่งเชินถอนหายใจอยู่ในใจ และส่งช่อดอกไม้คืนให้กับเลขา
“ ทิ้งสะ ” เขาพูดขึ้น
เลขารู้สึกตะลึงนิดหน่อย เมื่อสักครู่ยังเห็นว่าประธานจี้มีท่าทีดีใจอยู่เลย ทำไมผ่านไปสองสามวิ อยู่ๆก็จะทิ้งดอกไม้สะแล้วล่ะ?
อีกอย่าง ดอกไม้ช่อนี้ดูเหมือนราคาไม่เบาเลย เพิ่งนำมาส่ง ถ้าทิ้งไปคงจะเสียดายแย่เลยน่ะสิ?
แต่พอเห็นสายตาแน่วแน่ของจี้จิ่งเชิน เธอก็ไม่กล้าโต้แย้งอะไร จึงทำได้มองอย่างรู้สึกเสียดาย และหมุนตัวนำไปทิ้งในถังขยะที่อยู่ด้านข้าง
หันกลับมา กลับเห็นจี้จิ่งเชินมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ เหมือนกำลังโมโห
เลขาก็ชะงักอยู่ที่เดิม เธอหันไปมองดอกไม้ที่อยู่ในถังขยะ และหันกลับมามองจี้จิ่งเชิน
และเธอก็พูดขึ้นอย่างลังเล: “ ไม่อย่างนั้น……ให้ฉันเก็บมันขึ้นมา