บทที่ 445 เปลี่ยนจากแข็งกระด้างให้เป็นอ่อนโยน
ในรายการ เวินเที๋ยนเที๋ยนมองกล้อง และพูดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน สีหน้าไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิดเดียว
ต่อให้ด้านข้างจะมีอาจารย์ใหญ่นั่งอยู่สองสามคน เธอก็ไม่มีความประหม่าแม้แต่น้อย
เหมือนเป็นเพราะเธอได้ห่างหายจากวงการบูรณะวัตถุโบราณเป็นเวลาครึ่งปีเต็ม จึงมีคนจำนวนไม่น้อยได้ลืมเธอไปแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้เปลี่ยนเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น ถ้าพวกเขาไม่ถามเธอ น้อยครั้งมากที่เธอจะพูดตอบ
สองสัปดาห์ต่อมา หลังจากที่จี้จิ่งเชินเลิกงานจากบริษัทกลับมาถึงที่ปราสาท เขาก็จะแอบเปิดรายการที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ไปเข้าร่วมในวันนั้น และทำการดูย้อนหลังใหม่อีกครั้ง
เขาแอบหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องหนังสือเงียบๆ และแอบสังเกตการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวลาหนึ่งเดือนเต็ม เขาทำได้เพียงมองเวินเที๋ยนเที๋ยนและฟังเสียงของเธอจากในโทรทัศน์
อีกฝั่งของขวัญที่ส่งมาที่บริษัทก็มีมาอย่างไม่ขาดสาย บางครั้งสามวันครั้ง บางครั้งก็ห้าวันครั้ง
และบางครั้ง ถึงขั้นยืดเยื้อไปหนึ่งสัปดาห์ถึงจะส่งมาสักครั้ง
ตอนนี้ คนของบริษัทเอ็มไอกรุ้ปก็รู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว อารมณ์ของจี้จิ่งเชินเปลี่ยนเป็นเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย
ทุกคนไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีแค่เลขาที่อยู่หน้าห้องทำงานคนเดียวเท่านั้นที่รู้
เพียงแค่จี้จิ่งเชินได้รับของขวัญ หรือตอนที่ของขวัญมาส่งตรงเวลา อารมณ์ของเขาก็จะดีไม่น้อย
ถึงแม้ว่าทุกครั้งตอนที่รับของขวัญ เขาจะค่อนข้างไม่สบอารมณ์ เดี๋ยวเอา เดี๋ยวบอกให้เธอเอาไปทิ้งบ้าง
แต่สุดท้ายของขวัญพวกนั้นล้วนถูกนำเข้าไปในห้องทำงานทุกชิ้นอย่างไม่มีข้อยกเว้น
แต่ถ้าของขวัญพวกนั้นล่าช้า หรือไม่โผล่มาเป็นเวลาหลายวัน มรสุมรอบตัวของจี้จิ่งเชินก็จะรุนแรงขึ้นตามเวลาที่ล่าช้า
และพอถึงเวลานี้ของขวัญชิ้นเล็กๆนั้นก็จะสามารถทำวิกฤตการณ์นี้ให้หมดสิ้นไปได้โดยสิ้นเชิง
ต่อให้เป็นแค่ดอกทานตะวันง่ายๆดอกเดียวหรือที่หนีบเนคไทอันเล็กนิดเดียว ก็ล้วนสามารถทำให้มีประสิทธิภาพอย่างน่ามหัศจรรย์ เช่น เกิดการสงบ เกิดการสั่งสอนที่ดี หรือจะเป็นเปลี่ยนจากแข็งกระด้างให้เป็นอ่อนโยนได้เลยทีเดียว
วันนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนแอบถือดอกลิลลี่ที่ซื้อมา และอยู่ด้านนอกบริษัทเอ็มไอกรุ้ป
เธอเดินอ้อมไปที่ประตูหลังอย่างระมัดระวัง อ้อมพนักงานทุกคน เดินเข้าไปในลิฟท์ และขึ้นลิฟท์ไปชั้นบนสุดที่เป็นที่ตั้งของห้องทำงานของประธานบริษัท พอออกมา เธอก็มองทางด้านนอกอย่างระมัดระวัง
เห็นจี้จิ่งเชินไม่อยู่ที่นี่ เธอถึงได้เดินออกมาอย่างสบายใจ และเดินมาที่หน้าโต๊ะทำงานของเลขาอย่างคุ้นเคย
“ เป็นยังไงบ้าง? จี้จิ่งเชินอยู่บริษัทไหม? ”
พอเลขาเห็นเธอ ก็ได้หันไปมองทางห้องทำงานของจี้จิ่งเชิน และพยักหน้าขึ้นลง: “ วันนี้ประธานจี้มีประชุมนอกสถานที่ค่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสบายใจ เธอวางดอกลิลลี่ลงบนโต๊ะของเลขา
“ เหมือนครั้งที่แล้ว ช่วยฉันนำดอกลิลลี่ดอกนี้มอบให้จี้จิ่งเชินด้วย ”
เลขารับมาดู ช่อดอกไม้ด้านบนประดับด้วยน้ำค้างหยดเล็กๆ สีสันสวยงาม กลิ่นหอมเตะจมูก
เธอพยักหน้าอย่างคุ้นเคย
“ ไม่มีปัญหาค่ะ ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนมาส่งของ
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเธอจะให้คนส่งของนำมาส่ง แต่ต่อมา หลังจากที่เลขาเจอเธอโดยบังเอิญ เธอก็ลงมือเองเสียเลย
เธอยังนัดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกว่าจะไม่บอกจี้จิ่งเชิน ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนมาส่งของด้วยตัวของเธอเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นสายตาหยอกล้อของเลขา ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย
“ของที่มาส่งวันก่อน เขารับไปแล้วหรือยัง? ”
เลขานึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อวาน เธอก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“ รับแล้วสิคะ ประธานจี้ยังเหมือนเมื่อก่อนเลยค่ะ ปากบอกว่าไม่ต้องการ บอกให้ฉันเอาไปทิ้ง แต่สุดท้ายก็เป็นตัวเองที่หยิบดอกไม้กลับไป และนำไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน ”
ได้ฟังดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หันไปมองห้องทำงานนิดหน่อย คล้ายกับอยากเข้าไปดูของขวัญกับดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะตอนนี้
แต่เธอกลับไม่ได้เข้าไป กลัวว่าตัวเองจะไม่ระวัง และถูกจี้จิ่งเชินเจอเข้า
เธอจึงอดกลั้นความอยากรู้ในใจเอาไว้
“ งั้นวันนี้ก็รบกวนคุณด้วยนะ อย่าบอกจี้จิ่งเชินว่าฉันมาที่นี่ก็พอ เหมือนเมื่อก่อนเลย ”
เลขาพยักหน้า
“ ได้ค่ะ ”
เลขาพูดขึ้น รับดอกไม้มา และก็ได้พูดอย่างสงสัย: “ คุณเวินคะ วันนี้คุณต้องไปถ่ายรายการหรือเปล่า? ”
รายการล่าสมบัติ ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไปเข้าร่วม มีคนในบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ดูอยู่
เพียงแต่ส่วนมากก็ล้วนเป็นคนในบริษัทที่ถูกจี้จิ่งเชินด่า ถึงได้อยากดูว่าในรายการจะมีเงื่อนงำที่คนสองคนจะมาคืนดีกันไหม พวกเขาอยากหลุดพ้นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบตอนนี้ไปเสียที
“ ใช่ค่ะ ฉันเอาของมาส่งเสร็จแล้วก็จะไปถ่ายรายการ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือ เตรียมจะหมุนตัวออกไป
มาถึงหน้าประตูลิฟท์ ประตูลิฟท์เปิดออก เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนก้าวถอยหลัง เธอกำลังจะหลบ แต่คนในลิฟท์กลับเดินออกมาเสียก่อน
“ เที๋ยนเที๋ยน? ”
ที่ตอบสนองกลับมาไม่ใช่เสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยน เธอเพิ่งจะเดินออกมาจากในซอกมุม ก็เห็นจงหลีเดินออกมาจากในลิฟท์แล้ว
เธอมองไปที่ด้านหลังของจงหลี ไม่เห็นจี้จิ่งเชิน ถึงค่อยพูดขึ้น: “ เป็นนายเองหรอ? ฉันคิดว่าเป็นจี้จิ่งเชินซะอีก ตกใจหมดเลย ”
จงหลีไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ต่อมาเขาก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ ประธานจี้ประชุมเสร็จแล้วก็ต้องออกไปเจรจาเรื่องงาน คงต้องรอถึงตอนบ่ายเขาถึงจะกลับมา ”
“ งั้นก็ดี ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มเล็กน้อย ลึกๆในใจกลับรู้สึกผิดหวังอยู่นิดหน่อย
สายตาของจงหลีมองไปที่ไกลๆ แล้วก็เห็นดอกลิลลี่ที่ยังไม่ทันเก็บบนโต๊ะเข้าพอดี พอเขาปะติดปะต่อกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันมานี้ เขาก็รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ ที่แท้ของขวัญที่มาส่งให้กับประธานจี้ตลอดสองสามวันนี้ เป็นคุณที่เอามาส่งนี่เอง ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาเปิดโปง จนทำให้ต้องพยักหน้าอย่างเก้อเขิน และเธอก็พูดขึ้นอย่างเป็นกังวล: “ นายอย่าบอกเขานะ ฉันกลัวว่าถ้าเขารู้แล้วเขาจะว่าฉัน ”
จงหลีมองท่าทีของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขายิ้มบางๆ และเก็บอารมณ์ที่กำลังลุกลามอยู่ในใจลง ต่อมาเขาก็นึกถึงข่าวลือที่มีในบริษัทช่วงนี้
ลือกันว่าที่ช่วงนี้อารมณ์ของจี้จิ่งเชินขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เป็นเพราะไม่รู้ว่าของขวัญชิ้นนั้นจะมาส่งตอนไหน
ตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ พอเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนมาส่งของขวัญพวกนี้ เขาก็เข้าใจได้ทันที
จี้จิ่งเชินก็คงจะรู้แล้วว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนมาส่งของขวัญพวกนี้
ไม่อย่างนั้น บนโลกนี้ก็คงไม่มีใครสามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเขาได้อีกแล้ว
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะยังไม่เจอกัน แต่หนึ่งในนั้นกลับถูกซ่อนไปด้วยความรู้ใจของทั้งสองฝ่ายที่คนนอกไม่สามารถเข้าถึงได้
นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถเทียบได้
คิดได้ดังนั้น จงหลีก็ฝืนยิ้มออกมาบางๆ เขาเม้มริมฝีปาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้สังเกตอารมณ์ของเขา เธอมองนาฬิกาบนข้อมือ และพบว่าใกล้ถึงเวลาที่จะต้องไปถ่ายรายการแล้ว
“ ไอยา ไม่ทันแล้ว ”
เธอรีบเดินเข้าลิฟท์ กดปุ่มลิฟท์ และก็พูดขึ้น: “ ฉันต้องไปถ่ายรายการแล้ว จำไว้ว่าอย่าบอกจี้จิ่งเชินว่าฉันมาที่นี่ แล้วก็อย่าบอกเขาว่าฉันเป็นคนส่งของขวัญพวกนั้นนะ ”
“ ได้สิ ”
จงหลีขานรับ อยู่ๆเขาก็นึกอะไรออก จึงพูดถามขึ้น: “ คุณเข้าร่วมรายการไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม? ”
ฝีเท้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดลงทันที เธอหันกลับมา และส่ายหน้าไปมา
“ ไม่มี ทุกคนดีกับฉันมาก นายสบายใจได้ ”
เธอลงลิฟท์ไปชั้นล่าง ไม่มีเวลาคิดอะไรมากมาย เธอออกจากบริษัท และรีบมุ่งหน้าไปที่สถานที่ถ่ายรายการ
แต่ก็ยังไปสายสองนาทีอยู่ดี