บทที่ 513 จูบมันคือแบบนี้
วันถัดมา เสียงนกร้องใสๆดังมาจากนอกหน้าต่าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆตื่นขึ้นมา พอลืมตา ใบหน้าของจี้จิ่งเชินอยู่ใกล้แค่เอื้อม
เส้นของโครงหน้าดูแข็งแกร่ง ราวกับเทพเจ้าในกรีกโบราณ
ดั้งจมูกที่สูงโด่ง ริมฝีปากบางๆที่เม้มไว้แน่ แล้วก็ที่ไม่น้อยไปกว่าตัวเธอสักนิด คือขนตายาวๆที่ตั้งตรง
ริมฝีปาก ดวงตา จมูก ก็สมบูรณ์ไม่มีที่ติ? รวมอยู่ด้วยกันยิ่งหล่อไม่มีอะไรเทียบได้ ต่อให้จะอยู่ในความฝัน ก็ทำให้คนใจเต้นเหมือนกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปพรรณนา ผู้ชายตรงหน้า นั้นถูกผู้สร้างโปรดปรานมากจริงๆ
หล่อนนึกถึงก่อนหน้านั้นที่ตัวเองเคยเห็น มีคนพูดว่า คนที่หน้าตาธรรมดา ล้วนเป็นตุ๊กตาที่เกิดมาจากดินโคลนที่โดนทิ้งขว้างของเทพธิดานูวา
แต่ว่าคนที่หน้าตาหล่อเหลา ล้วนเป็นลูกรักที่ถูกผู้สร้างแกะสลักขึ้นอย่างพิถีพิถัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้า เขาก็คือคนที่ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันแน่เลย?
อายุน้อยๆ ก็มาถึงจุดสูงสุดที่ไม่มีใครสามารถบรรลุมาได้แล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นมือออกมา ประคองหน้าของจี้จิ่งเชินไว้ จินตนาการถึงรูปร่างที่ผู้สร้างกำลังแกะสลักอยู่
“คือแบบนี้ใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าใช่”
กำลังคิดอยู่ จี้จิ่งเชินกลับพูดขึ้นมากะทันหัน
เขาลืมตา ดวงตาเหมือนมีแสงดาวสว่างไสว
นาทีต่อมา เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันย้อนกลับกะทันหัน
เมื่อมองดูดีๆอีกครั้ง กลับพบว่าตัวเองโดนจี้จิ่งเชินทับไว้บนตัว
ในสายตาเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วก้มหน้าลงช้าๆ
“จูบ มันคือแบบนี้”
พูดแล้ว เขาก็ก้มหน้าลง จูบเบาๆตรงมุมปากของเวินเที๋ยนเที๋ยน
สีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนแดงขึ้น หล่อนยื่นมือออกมาอยากผลักเขาออกไป
“ที่ฉันพูด ไม่ใช่อันนี้ซะหน่อย”
แล้วเร่งรีบลุกขึ้นมา
ใครจะรู้ว่า ผ้าเช็ดตัวที่นุ่งไว้เมื่อคืน ไม่รู้หลุดออกตั้งแต่ตอนไหน!
เมื่อกี๊นอนอยู่ใต้ผ้าห่มยังไม่รู้สึกได้ ตอนนี้ขยับตัว ผ้าเช็ดตัวทั้งผืนหลุดลงมาทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกแค่ว่าร่างกายมันเย็น เลยก้มหน้าลงดู แล้วก็ตะลึง
ผ้าเช็ดตัวล่ะ?
ไปไหนแล้ว?
เวินเที๋ยนเที๋ยนตะลึงเล็กน้อย แล้วถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา รีบเร่งเงยหน้าขึ้น กลับเห็นสายตาของจี้จิ่งเชินมองตรงมาหยุดอยู่บนตัวเธอ
รู้สึกตกใจทันที ยกมือขึ้นมาปิดตรงหน้าอกอย่างรวดเร็ว
กลับยังไม่วางใจ รีบเร่งยื่นมือออกไปจะดึงผ้าห่ม
กลับดึงขึ้นมาไม่ได้ กลายเป็นว่าใช้แรงเยอะไป เลยล้มลงไปข้างหน้า ล้มลงบนตัวของจี้จิ่งเชินโดยตรง
“อย่ามอง” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นอย่างเร็ว
หล่อนอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา แต่คิดไม่ถึงว่า การกระทำของตัวเอง กลับทำให้ร่างกายทั้งหมดของหล่อนติดแนบแน่นอยู่พร้อมกับจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินสามารถมองทะลุผ่านเสื้อเชิ้ตบางๆ รู้สึกได้ถึงส่วนโค้งเว้าบนลำตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยน ทำให้คนเลือดร้อนพวยพุ่งขึ้นมาทันที
“เที๋ยนเที๋ยน คุณ……”
เขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ควรจะพูดอะไรดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตัวตามมาอย่างรวดเร็ว ตัวแดงขึ้นมาทั้งตัว แต่กลับไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรถึงจะดี
จะปล่อยออก?
หรือว่ากอดต่อไป?
สวรรค์และมนุษย์กำลังต่อสู้กันอยู่ในใจหล่อน
แล้วในตอนนี้ จี้จิ่งเชินดึงผ้าห่มขึ้นทันที ทับตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แล้วล้มลงบนเตียง ผ้าห่มหล่นลงอีกรอบ แล้วคลุมทั้งสองไว้ข้างใน
ตรงหน้ากลายเป็นมืดมิดทันที
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงรู้สึกได้ว่าจี้จิ่งเชินทับตัวเธออยู่ แล้วยังอุณหภูมิสุดร้อนที่มาจากตัวเขา
“หมดปัญญากับคุณจริงๆ”
จี้จิ่งเชินพูดแบบตามใจหล่อนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้มาคำหนึ่ง แม่สาวน้อยคนนี้กำลังล้อเล่นกับไฟชัดๆ
ล้อเล่นกับไฟแล้ว ตัวเองก็ดันทำอะไรไม่ถูก ยังให้เขาต้องมาดับเอง
จี้จิ่งเชินถอนหายใจในใจแบบไม่มีเสียง
“แบบนี้ได้รึยัง?”
เวินเที๋ยยเที๋ยนพยักหน้า แล้วสัมผัสได้ถึงการกระทำของจี้จิ่งเชินที่มองไม่เห็นตัวเอง แล้วพูดเสริมเสียงเบา:“นายออกไปก่อน”
“รู้แล้ว”
พูดจบ จี้จิ่งเชินกำลังจะถอยออกไป คิดแล้ว ก็พุ่งขึ้นมาข้างหน้า
คำนวณตำแหน่งของใบหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน จูบลงไป ริมฝีปากจรดอยู่บนผิว
เวินเที๋ยนเที๋ยนโดนทับเล็กน้อย บ่นเสียงเบา:“ที่นายจูบคือปลายจมูกฉัน……”
ได้ยินแล้ว จี้จิ่งเชินที่กำลังเตรียมจะออกไปเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วจูบเข้าไปใหม่
“ตรงนี้ล่ะ?”
“คาง……”
“ตรงนี้?”
“คือหน้าผาก……”
จี้จิ่งเชินลองอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนถึงครั้งสุดท้าย ในที่สุดก็จูบลงตรงริมฝีปากของเวินเที๋ยนเที๋ยน
แล้วถอยออกไปด้วยความพึงพอใจในที่สุด มุดออกไปจากผ้าห่ม เหลือพื้นที่ไว้ให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
ในผ้าห่มมีเพียงความมืดมิด
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้ว่าโดนจูบไปแล้วกี่ครั้ง แต่ยังคงรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิความร้อนบนใบหน้าของตัวเอง
คงจะแดงจนไม่รู้ตัวตนแล้วแน่นอน
หล่อนหันหลังมา แล้วเอาหน้ามุดเข้าไปในผ้าห่ม
เมื่อกี๊……เธอทำอะไรไปกันแน่?
น่าอับอายมากเลย
ผ่านไป5นาทีเต็มๆ หล่อนถึงได้กระปรี้กระเปร่าแล้วลุกขึ้นมานั่ง ค่อยๆโผล่ตาทั้งสองข้างออกมาจากผ้าห่ม ครึ่งหน้าก็ยังปิดอยู่ข้างใน
มองไปรอบๆอย่างระวัง เมื่อแน่ใจแล้วว่าจี้จิ่งเชินไม่อยู่ จึงกระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วเปลี่ยนชุด
หลังจากที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ อุณหภูมิบนหน้าถึงได้ลดลงมา เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้กล้าเปิดประตูห้องนอนในที่สุด
ขาข้างหนึ่งเพิ่งก้าวออกไป ก็มองเห็นจี้จิ่งเชินที่ตอนนี้รออยู่นอกประตูอย่างกะทันหัน
เขาหันข้างแล้วพิงกำแพงไว้ กำลังหันหน้ามามอง บนตัวสวมชุดสูทและเสื้อกั๊กสีดำ
เมื่อมองเห็นเขา อุณหภูมิบนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็สูงขึ้นแบบควบคุมไม่อยู่
ในขณะที่เธอตื่นเต้นจนจะถอยออกไป จี้จิ่งเชินดึงมือของเธอไว้ทันที
“ไปทานข้าวเช้าเถอะ”
การเคลื่อนไหวของเวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดลง แล้วพยักหน้า ถึงขั้นไม่กล้าที่จะเงยหน้าไปมองจี้จิ่งเชิน และก็โดนเขาลากลงตึก มาถึงห้องอาหาร
ตอนนี้พ่อบ้านและแม่ครัวกำลังยืนรออยู่ข้างโต๊ะแล้ว
เมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินมาแบบหน้าแดง แม่ครัวถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“คุณหนู คุณป่วยเป็นไข้รึเปล่า? ทำไมหน้าแดงแบบนี้?”
เดิมทีเวินเที๋ยนเที๋ยนยังอยากนั่งลงไปอย่างเงียบเงียบ เมื่อได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็แข็งทื่อขึ้นมากะทันหัน หน้ายิ่งก้มต่ำลงอีก แล้วส่ายหัวแบบรวดเร็ว
“ไม่ได้ป่วย” จี้จิ่งเชินที่อยู่ข้างๆตอบแทนหล่อนว่า:“พวกคุณไปทำอย่างอื่นเถอะ ตรงนี้มอบให้ผมก็ได้แล้ว”
แม่ครัวยังคงวางใจไม่ลง มองดูเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วจึงได้หันหลังออกไปในที่สุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าอยู่ ในใจก็หงุดหงิด
ตัวเองเพียงแค่กลับไปที่ปราสาทโบราณใหม่ ทำไมสองวันนี้ถึงได้มีสถานการณ์ติดต่อกันมากมายขนาดนี้
กำลังคิดอยู่ กลับมีช้อนอันหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าหล่อนอย่างกะทันหัน ในนั้นตักโจ๊กไว้เต็ม
“มา อ้าปาก” จี้จิ่งเชินกล่าว
เวินเที๋ยนเที๋ยนหนึ่งคำสั่งหนึ่งการกระทำ อ้าปากอย่างเชื่อฟัง
หลังจากผ่านความผิดพลาดมากมายก่อนหน้านี้ การกระทำของจี้จิ่งเชินก็ชำนาญเป็นอย่างมาก
ทานไปสองคำ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รับช้อนมา
“ฉันทานเองก็ได้”
หล่อนก้มหน้าแล้วรีบร้อนทานให้หมด กลับเห็นว่าจี้จิ่งเชินไม่ขยับเลย แต่ว่าจ้องมองหล่อนตลอด
“นายมองฉันทำไม?”
“น่ามอง” จี้จิ่งเชินพูดโดยไม่ต้องคิด
อุณหภูมิบนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เริ่มสูงขึ้นช้าๆ
แล้วในเวลานี้ พ่อบ้านกลับรีบร้อนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกอย่างกะทันหัน
ท่าทางที่บุ่มบ่ามทำให้จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว
“เป็นอะไร?”
พ่อบ้านหยุดลงอย่างรวดเร็ว แล้วมองเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณผู้ชาย คุณหลี หลีเจียเวยมาแล้วครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำนี้ แล้วหันหน้ามา
ต่อมา ได้ยินพ่อบ้านพูดต่ออีกว่า:“ไม่เพียงแค่นาง นางยังพานักข่าวมาหลายคน”