เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่ 521 คุณผิดแล้ว

บทที่ 521 คุณผิดแล้ว

บทที่ 521 คุณผิดแล้ว

เพิ่งจะพูดจบ หลีเจียเวยกลัวว่าจะถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนแย่งที่ จึงเดินตรงเข้าไปด้านหน้า เปิดผ้าผืนสีแดงที่อยู่บนพาเลต มีแสงสว่างส่องประกายวาววับ ทำให้เวทีนั้นสว่างขึ้นมาทันทีทันใด

มันคือแจกันขวดปากตรงเคลือบสีแดง

สีกลมกลืน เงางามน่าดึงดูด ตรงปากแจกันเป็นสีขาว มองลงไปด้านล่างจะยิ่งแดงเข้ม ค่อยๆเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ

ใต้แสงไฟที่สว่างนั้น ทำให้แจกันมีแสงเงาที่สวยงามไม่ธรรมดา

ตอนที่ของล้ำค่าชิ้นนี้ปรากฏออกมานั้น ทำให้ทุกคนในห้องสตูดิโอนั้นตื่นเต้นกันอย่างมาก

คนที่ได้มาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ต่างเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับวัตถุโบราณ ตอนนี้ได้เห็นเครื่องลายครามปรากฏอยู่ตรงหน้าของตนเองต้องรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา

แค่สีและความเงางามที่โดดเด่นตระการตาบนวัตถุนั้น ดูแล้วก็รู้เลยว่าไม่ใช่ของที่ธรรมดา!

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นี่คือโบราณวัตถุที่ยืมออกมาจากพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ ต้องเป็นของอันล้ำค่าอย่างแน่นอน

หลีเจียเวยค่อยๆก้มเอวลงไป มองดูอย่างละเอียด แค่ครู่เดียวบนใบหน้าก็ยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ

พิธีกรที่ยืนอยู่ด้านข้างได้มองดูสายตาและสีหน้าของทุกคน ต่างก็มองดูด้วยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งเป็นพิเศษ

“เวลาทั้งหมดห้านาที ตอนนี้เริ่มนับถอยหลัง……”

“ไม่ต้องแล้วค่ะ”

เขายังไม่ทันพูดจบ หลีเจียเวยก็พูดขึ้นมาขัดคำพูดของเขาทันที

สถานการณ์เงียบลงอีกครั้ง แม้แต่พิธีกรยังตะลึงไปสักพักและหันมามอง

หลีเจียเวยเงยหน้าขึ้นมาจากแจกันชิ้นนั้น แล้วแสดงท่าทางและสีหน้าที่มีความมั่นใจอย่างเต็มที่

“ฉันทราบแล้วค่ะ ว่าเครื่องเคลือบดินเผาชิ้นนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร อีกทั้งยังทราบอย่างละเอียดดีด้วย”

พิธีกรได้ยินแล้ว รู้สึกมีความลังเลนิดๆ

“คุณหลีครับ คุณดูให้ดีๆนะครับ ถ้าพูดผิดแล้วจะแย่เลยนะ”

แต่หลีเจียเวยกลับรู้สึกมั่นใจอย่างมาก

“ฉันดูอย่างละเอียดดีแล้วค่ะ นักบูรพาวัตถุโบราณ แค่ได้เห็นวัตถุในวินาทีแรก ก็ต้องรู้จักวัตถุล้ำค่านั้นเป็นอย่างดี ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร เพราะสิ่งเหล่านี้ได้จดจำฝังแน่นไว้ในสมองของฉันแล้ว”

พิธีกรขมวดคิ้วขึ้น แล้วหันหน้าไปมองผู้จัดการที่อยู่ด้านล่างเวที

เห็นเขาพยักหน้านิดๆ เขาจึงพูดต่อ: “คุณหลีเป็นนักบูรพาวัตถุโบราณที่มีชื่อเสียงจริงๆ สามารถมองออกได้รวดเร็วขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ขอเรียนเชิญคุณมาเล่าประวัติความเป็นมาของวัตถุชิ้นนี้กันเลยครับ”

หลีเจียเวยพยักหน้าและยืนอยู่ข้างๆแจกันขวดปากตรงเคลือบสีแดง

วันนี้เธอใส่ชุดกอดอกสีแดงทั้งชุด ยืนอยู่ข้างๆแจกันใบนั้น น่าดึงดูดตาเช่นกัน

แสงไฟส่องลงมาจากเพดาน ทำให้เธอดูมั่นใจอย่างเต็มที่

“ฉันรู้จักแจกันใบนี้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าไม่เคยเห็นกับตา แต่เคยค้นหาข้อมูลมานับครั้งไม่ถ้วน ถูกต้องแล้วค่ะ แจกันใบนี้ก็คือหนึ่งในสิบของวัตถุโบราณอันล้ำค่าที่ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ แจกันขวดปากตรงเคลือบสีแดง!”

“จักรพรรดิเฉียนหลงได้เคยเขียนบทกลอนที่มีชื่อเสียงไว้ว่า สีสันสดใสสวยงามดั่งรุ้งหลังฝน บนโลกนี้ไม่มีสิ่งไหนที่สวยงามเช่นนี้แล้ว แม้แต่เพชรนิลจินดาในโลกตะวันตกก็เทียบได้ยาก เห็นได้ชัดเจนว่า เขาชื่นชอบเครื่องลายครามสีแดงมากเพียงใด”

เธอพูดถึงตรงนี้ หลายๆท่านที่รู้จักสิ่งล้ำค่าชิ้นนี้ ที่นั่งอยู่ด้านล่างเวทีนี้ ต่างก็พยักหน้าเช่นกัน

เห็นภาพเช่นนี้แล้ว หลีเจียเวยยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้นและเล่ารายละเอียดที่เกี่ยวกับแจกันใบนี้ออกมาทั้งหมดด้วยความมั่นใจ

พูดได้ละเอียดยิบไม่มีหลุดเลยสักนิด เหมือนกลัวว่าถ้าผิดพลาดไปนิดเดียว เดี๋ยวจะเสียเปรียบเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างนั้น

พูดจนครบสิบนาทีเต็มๆ ในที่สุดเธอก็พูดจนจบ

เพิ่งจะหยุดพูด ด้านล่างเวทีก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมือดังไปทั่ว

เห็นได้ชัดเจนว่า เกือบทุกคนทั้งหมดในนี้ต่างก็คิดว่า หลีเจียเวยชนะแน่นอนแล้ว

จุดสำคัญทั้งหมด เธอพูดออกมาหมดแล้ว หลังจากนี้ไม่ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะคิดยังไง ก็คงพูดอะไรที่โดดเด่นกว่านี้ไม่ได้แล้ว ต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน

หลังจากที่เธอพูดจบ เธอหันไปพยักหน้านิดๆให้พิธีกร

สีหน้าบนใบหน้าของพิธีกรเหมือนมีความอัดอั้นใจนิดๆยากจะเดาออก แต่ว่าหลีเจียเวยกำลังรู้สึกมีความภูมิใจและมั่นใจในตนเองสูง ไม่สังเกตเห็นถึงสีหน้าของพิธีกรเลยสักนิด

“ครับ ต่อไปเชิญคุณเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นบนเวทีครับ เวลายี่สิบนาทีเช่นกัน คุณเวิน ระวังนะ ต้องดูให้ละเอียดนะครับ!” เขาพูดออกมาหนึ่งประโยคอย่างมีนัยยะ

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แล้วก็เดินขึ้นไปบนเวที เธอก้มเอวลงไปใกล้ๆแจกันนั้นเล็กน้อย ดูอย่างละเอียดทุกที่ไม่เว้นแม้แต่นิดเดียว

หนึ่งนาที

สองนาที

ห้านาที… …

เวินเที๋ยนเที๋ยนตรวจดูแจกันใบนั้นอยู่ตั้งนาน บางครั้งยังยกขึ้นมาดูด้านล่างตรงก้นแจกัน ตั้งใจดูอย่างละเอียดมาก

แต่ว่าภาพเหตุการณ์นี้ ในสายตาของท่านผู้ชมทั้งหลาย กลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจ

เมื่อสักครู่นี้หลีเจียเวยแค่ดูแป๊บเดียว ก็สามารถบอกรายละเอียดประวัติความเป็นมาของแจกันนั้นได้แล้ว แต่ดูนานขนาดนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ตอบโต้อะไรเลย

ใครแพ้ใครชนะ แค่ดูก็รู้

หลีเจียเวยที่อยู่ข้างๆเห็นเช่นนั้นแล้ว รู้สึกได้ใจมาก

ดูแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ได้เก่งอย่างที่เล่าลือขนาดนั้น

เวินเที๋ยนเที๋ยนยังชักช้าไม่เริ่มพูดสักที ท่านผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างก็เริ่มรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว

“เสร็จหรือยัง?”

“จะดูไม่ถึงเมื่อไหร่?”

มีคนถามขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ เพิ่งจะพูดจบ เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ไม่อาจละเลยได้ รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

เงยหน้ามองไปด้านหน้า เห็นจี้จิ่งเชินพอดี

แววตาที่เยือกเย็นนั้น ทำให้เขาตัวสั่น จึงรีบก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไรอีก

รอไปอีกสักพักหนึ่ง จนถึงห้านาทีสุดท้าย ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เงยหน้าขึ้นมา บนใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ

ถ้าดูดีๆ สามารถดูออกว่าแววตาของเธอกำลังอัดอั้นใจมาก เหมือนกำลังมองดูเด็กซนคนหนึ่ง

“เสร็จแล้วค่ะ” เธอพูด

พิธีกรก็รู้สึกโล่งใจมาก คิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะใช้เวลายี่สิบนาทีในการตรวจดูแจกันซะแล้ว

เขาตั้งสติใหม่แล้วถาม: “คุณเวินครับ สามารถบอกประวัติความเป็นมาของแจกันได้หรือไม่ครับ?”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า

“แจกันใบนี้ ตามที่ฉันได้พิจารณาดูแล้ว มีประวัติความเป็นมาประมาณห้าปีค่ะ”

ประโยคแรก ทำให้ทุกคนในสถานนี้ต่างตกใจอึ้งไปทีเดียว

พูดเล่นรึเปล่า?

ห้าปี?

“ฉันว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนคนนี้อยากจะมีชื่อเสียงจนเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ? รู้ทั้งรู้ว่าตนเองต้องแพ้ ยังจะตั้งใจพูดเช่นนี้อีก”

“เป็นถึงนักบูรพาวัตถุโบราณคนหนึ่ง พูดแบบนี้ออกมาได้ ไม่มีคุณธรรมในอาชีพบ้างเลย!”

“นั่นมันก็คือวัตถุโบราณที่ล้ำค่ามีอายุนานถึงหลายร้อยปี แม้แต่ฉันยังดูออก!”

ด้านล่างเวทีได้เกิดความวุ่นวายไปหมด

พิธีกรก็ตะลึงไปสักพัก แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรมากนัก

เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดต่อไปอีกว่า: “แจกันใบนี้ได้ใช้เทคนิคการเผาสมัยใหม่ ประณีต ไม่มีรอยตำหนิเลยสักนิด บนแจกันยังตั้งใจทำลวดลายแบบเก่า แต่ก็ทำได้ละเอียดอย่างมาก พูดได้ว่า ถ้าไม่ดูให้ละเอียด จะคิดว่าเป็นของจริงได้ง่ายมาก”

พูดถึงตรงนี้ ทุกคนต่างโห่เสียงตกใจออกมา

“ของปลอม? คุณบอกว่าแจกันใบนี้เป็นของก๊อปปี้งั้นเหรอ?”

“ไร้สาระ!”

ทุกคนต่างพูดคุยกันขึ้นมา

เมื่อสักครู่ หลีเจียเวยยังบอกว่าเป็นของล้ำค่า แต่ตอนนี้เมื่ออยู่ในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน กลับกลายเป็นของปลอม

นี่มันคือยังไงกัน?

ได้ยินคำนี้แล้ว สีหน้าของหลีเจียเวยเปลี่ยนไปทันที รีบมองไปที่แจกัน มองดูไกลๆสักพัก จึงวางใจลง

“เวินเที๋ยนเที๋ยน คุณบอกว่านี่คือแจกันปลอมเหรอ?”

“ถูกต้อง”

“น่าตลก!” หลีเจียเวยหัวเราะด้วยเสียงที่เยือกเย็น “นี่คือของล้ำค่าที่ผู้จัดรายการเขายืมออกมาจากพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ ในเมื่อเป็นของล้ำค่า จะเป็นของปลอมได้ยังไง? นี่คุณกำลังทำลายชื่อเสียงพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติเหรอ?”

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท