บทที่ 542 ผู้ชายคนนั้นคือผมเอง
ไม่คิดว่าหลวนจื่อจะพยักหน้าจริงๆ
“ ใช่ หนูเลี้ยงคนเดียวได้ ไม่ต้องให้ใครมาช่วยเลี้ยงหรอกค่ะ ”
“ เหลวไหล! นั่นเด็กทั้งคน แกคนเดียวจะเลี้ยงได้ยังไง? ”
แต่หลวนจื่อกลับแน่วแน่มาก
“ ไม่ว่ายังไง หนูจะไม่บอกท่านแม่เด็ดขาด ถ้าพวกคุณสืบต่อไป ก็อย่าโทษหนูก็แล้วกัน ”
“ แกจะทำอะไร? ”แม่หลวนมองเธออย่างระแวง
“ กิจการของตระกูลหลวนจะไม่ได้กระจายไปทั่วโลก ถ้าหนูอยากจะหนี พวกคุณก็ไม่มีวันหาเจอหรอก ”
ไม่คิดว่าหลวนจื่อจะกล้าพูดคำพวกนี้ออกมาแม่หลวนโมโหจนเบิกตากว้าง
“ แกไม่ต้องมาพูดเหลวไหล! ”
“ หนูไม่ได้พูดเหลวไหล หนูพูดจริง ถ้าท่านแม่กับท่านพ่อไม่เชื่อ ก็ลองดูค่ะ ดูว่าหนูจะสามารถหลบจากการสะกดรอยของพวกคุณได้หรือเปล่า ”
ได้ยินคำพูดประโยคนี้แม่หลวนก็เงียบลงทันที
อุตสาหกรรมของตระกูลหลวนเจริญรุ่งเรืองมาก และก็สร้างศัตรูไว้มากเช่นเดียวกัน
พวกเขาส่งบอดี้การ์ดจำนวนไม่น้อยเข้าไปคุ้มครองอยู่ใกล้ตัวหลวนจื่อตั้งแต่เล็ก แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็มักถูกหลวนจื่อที่มีนิสัยซุกซนหยอกเล่นอยู่บ่อยครั้ง
ถ้าเธอพูดแบบนี้ งั้นก็แสดงว่าเธอต้องมีวิธีหลบหลีกจากสายตาของพวกเขาได้อย่างแน่นอน
พอคิดว่าต่อไปหลวนจื่ออาจจะต้องคลอดลูกเพียงลำพัง ถึงขั้นยังต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ใจของแม่หลวนก็เจ็บจนหายใจไม่ออก
แต่เธอกลับไม่อยากปล่อยผู้ชายคนนั้นไปทั้งแบบนี้
เธอหันกลับมามองหลวนจื่อ และพูดขึ้นอย่างจริงใจด้วยความห่วงใย: “ แกแน่ใจหรอว่าจะทำแบบนี้? ”
“ ผู้ชายคนนั้นทำสะขนาดนี้ เขาควรมีความกล้าที่จะรับผิดชอบ ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ แกยังจะปกป้องเขาทำไม? คนแบบนี้ไม่คู่ควรให้แกมาทุ่มเทเลยสักนิดเดียว! ”
คำพูดประโยคเดียว สีหน้าของหลวนจื่อกลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่หมินอันเกอที่ยืนอยู่ด้านหลังกลับขมวดคิ้ว และมีสีหน้าขาวซีด
“ ท่านแม่ไม่ต้องพูดแล้ว ” หลวนจื่อพูดขึ้น: “ ไม่ว่ายังไง เด็กคนนี้จะมีแค่แม่ ไม่มีพ่อ ”
“ ไม่ ” เธอเพิ่งพูดจบ อยู่ๆก็มีเสียงเสียงนึงดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หมินอันเกอที่เงียบมาตลอดได้เดินขึ้นด้านหน้า
หลวนจื่อเห็นการกระทำของเขามาแล้วสองครั้ง และเธอก็หันมามองเขาอย่างตะลึง
สายตาของหมินอันเกอมาหยุดที่เธอสักครู่ สุดท้ายก็หันไปมองแม่หลวน
“ คุณนายหลวนเมื่อก่อน ตอนที่หลวนจื่อกลับมาถึงในประเทศ คุณเคยฝากฝังให้ผมดูแลเธอให้ดี ตอนนี้ ที่หลวนจื่อกลายเป็นแบบนี้ เป็นเพราะผมเองครับ ”
แม่หลวนรู้สึกเอ็นดูหมินอันเกอมาก เธอโบกมือ และพูดขึ้น: “ เรื่องนี้โทษอันเกอไม่ได้หรอก ถ้าจะโทษต้องโทษผู้ชายคนนั้น เขาเป็นคนทำร้ายหลวนจื่อจนเธอกลายเป็นแบบนี้ แถมยังไม่มีความกล้าลุกขึ้นมาอีกต่างหาก ช่างเป็นคนที่ขี้ขลาดสะจริง…… ”
ได้ยินคำด่านี้ หมินอันเกอก็ได้หัวเราะออกมาอย่างฝืนๆ
“ ไม่ครับ อันที่จริงผู้ชายคนนั้นก็คือผม ”
“ อะไรนะ? ”
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดก็เงียบลงทันที ไม่มีใครส่งเสียงออกมา แทบจะได้ยินเสียงเข็มตกลงพื้นได้เลย
และคุณนายหลวนที่เมื่อสักครู่พูดไปได้ครึ่งเดียว ก็ได้หันมามองเขาอย่างตกใจเช่นเดียวกัน ในสายตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“ อันเกอ? เป็นไปได้ไง? ”
“ ใช่ครับ ผมเอง เป็นความผิดของผมเองครับ และผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ”
“ ใครให้นายรับผิดชอบ? ”
เขาเพิ่งพูดจบ อยู่ๆหลวนจื่อกลับโต้แย้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เธอมองหมินอันเกออย่างไม่พอใจ และพูดขึ้น: “ นี่คือลูกของฉัน เรื่องของฉัน นายไม่ต้องมายุ่ง ”
เห็นเขามีสีหน้าอดทน แต่ในใจเจ็บจนเหมือนโดนมีดแทง
นี่คือสายตาอะไร?
หรือว่าตัวเองเป็นคนที่สามารถผูกเขาไว้ข้างตัว เพื่อลูกได้อย่างนั้นหรอ?
ในเมื่อเจ็บขนาดนี้ ทำไมถึงยังพูดคำพูดแบบนี้ออกมาล่ะ
หลวนจื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็พูดต่อ: “ เด็กคนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนาย เรื่องคืนนั้นฉันเป็นคนวางแผนเอง ”
เห็นสายตาแน่วแน่ของหมินอันเกอ เธอจึงหัวเราะออกมาอย่างฝืนๆ
เธอรู้ว่าถ้าตัวเองไม่พูดให้ชัดเจน หมินอันเกอก็จะไม่เลิกรา
ผู้ชายคนนี้ดีเกินไป แต่ปล่อยเธอไปเถอะ
“ นายยังไม่เข้าใจอีกหรอ? นายต่างหากที่เป็นผู้รับเคราะห์ ”
ได้ฟังคำพูดประโยคนี้ หมินอันเกอก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ แต่คืนนั้นผมเมา เป็นผม…… ”
“ ใช่ แต่เป็นฉันที่ไปหานายเอง ”
หลวนจื่อพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นขึ้นมา: “ ตอนฉันถึงที่ร้านเหล้า นายก็ดื่มจนเมาเละแล้ว แถมยังไม่มีแรงเลยสักนิด ”
“ นายลืมแล้วหรือไง? ว่าฉันเรียนการต่อสู้กับเทควันโดมาตั้งแต่เด็ก ขัดขืนแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ อีกอย่างนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน แต่ฉันไม่ได้ทำ…… ”
“ ถึงขั้นตอนไปที่โรงแรม ก็เป็นฉันที่พยุงนายขึ้นไป ”
หลวนจื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอพูดไปด้วย สีหน้าก็ยิ่งขาวซีด
เธอพูดเรื่องทั้งหมดออกมาจนหมด แต่กลับทำให้ตัวเองเสียเกียรติ
เธอไม่มีเวลาไปสนใจว่าคนอื่นจะมองเธอยังไง เธอขอแค่หมินอันเกอไม่เป็นอะไรก็พอ
หวังว่าเขาจะไม่นำความผิดมาลงที่ตัวเอง เพียงเพราะเด็กที่อยู่ในท้อง
เธอพูดออกมายาวเหยียด เห็นหมินอันเกอมีสีหน้าตกใจ ในใจของเธอก็เหมือนถูกมีดเฉือนไปทีละนิด
“ ตอนนี้นายคงจะเข้าใจแล้วใช่ไหม? ”
พูดเสร็จ เธอถึงกับไม่กล้ามองหมินอันเกอให้นานกว่านี้ แต่เลือกที่จะหันกลับมา และพูดกับแม่หลวน: “ หนูบอกแล้วว่านี่คือลูกของหนูคนเดียว ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น ”
แม่หลวนก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้
เธอขมวดคิ้ว มองหมินอันเกอที่กำลังตกใจตรงหน้า และหันไปมองหลวนจื่อ
ดูท่าทางของหลวนจื่อ เหมือนเธอได้ลองเสี่ยงออกมาหมดแล้ว ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะแข็งกระด้าง แต่สีหน้าของเธอกลับขาวซีด แถมสองมือยังกำเข้ากันจนเกิดเป็นกำปั้น และเธอก็รวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมดเพื่อยืนอยู่ที่นี่ต่อ
ในชั่วขณะ อยู่ๆแม่หลวนก็รู้สึกว่าเด็กที่ซุกซนและชอบสร้างความวุ่นวายคนนั้นได้โตขึ้นแล้วจริงๆ
“ ฉันรู้ ”
ในที่สุดแม่หลวนก็พูดขึ้น: “ ถ้าความจริงของเรื่องมันเป็นแบบนี้ แล้วแน่ใจว่าไม่มีใครต้องการรับผิดชอบแกจริงๆ งั้นเราก็กลับเถอะ ”
พูดเสร็จ เธอก็หันกลับไป และเตรียมพาหลวนจื่อเดินออกไป
หลวนจื่อกลับก้าวถอยหลังหลบการกระทำของเธอ
“ หนูยังไม่อยากกลับบ้าน ”
“ ใครให้แกกลับบ้าน? ฉันจะพาแกไปให้หมอตรวจ แกดูตัวของแกสิ ผอมจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว ตอนนี้แกท้องแล้ว จะมาดื้อเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะ ต้องรีบบำรุงรักษาตัวเองให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมถึงจะถูก แม่เป็นทุกข์ ลูกก็เป็นทุกข์ด้วยเช่นกัน ”
หลวนจื่อได้ฟังคำพูดประโยคนี้ เธอถึงจะประนีประนอม และมีท่าทีอ่อนโยนลง หลังจากนั้นเธอก็ไปขึ้นรถกับแม่หลวนและออกไปจากปราสาท
จนกระทั่งรถขับออกไป และหายไปสุดทาง แต่หมินอันเกอยังคงยืนอยู่ที่เดิม และไม่มีปฏิกิริยาไปสักพักใหญ่
“ พี่หมิน? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งเสียงเรียก หลังจากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างเร่งรีบ: “ พี่ไม่ตามเธอไปหรอ? ”
ได้ยินเสียงของเธอ หมินอันเกอถึงเงยหน้าขึ้นช้าๆ เขามองทางที่รถเคลื่อนออกไป และขมวดคิ้ว แต่กลับไม่มีการกระทำใดๆ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
เขาไม่เคยคิดว่าความจริงทั้งหมดมันจะเป็นแบบนี้
“ หรือพี่ไม่รู้ว่าหลวนจื่อคิดยังไงกับพี่? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เห็นความดิ้นรนบนใบหน้าของเขา เธอจึงพูดถามขึ้น
หมินอันเกอหันกลับมา
“ หมายความว่ายังไง? ”
“ หลวนจื่อชอบพี่มาตลอด พี่ไม่รู้หรอ? ”
หมินอันเกอชะงักไปนิดหน่อย หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหน้า
“ ฉันไม่รู้…… ”
เขาจะรู้ได้ยังไง
สายตากับความคิดทั้งหมดของเขาอยู่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยน เขาจะไปมีกะจิตกะใจนึกถึงคนอื่นได้ยังไงล่ะ?