บทที่ 548 เป็นวันเกิดที่มีความสุขที่สุด
คนด้านหน้ารู้สึกแปลกใจ อยู่ๆสองขาก็ลอยขึ้นฟ้า เขาแกว่งแขน และตะเกียกตะกายทันที
“ อ๊ะ? อ๊ะ? ใคร? ทำอะไร? ปล่อยนะโว้ย! ”
จี้จิ่งเชินโยนเขาไปด้านหลัง
“ ห้ามแซงคิว ”
คนคนนั้นล้มลงไปที่พื้น หลังจากที่ยืนนิ่งแล้ว เขาก็มองมาที่จี้จิ่งเชินทันที
“ แกเป็นใคร? ตาข้างไหนเห็นฉันแซงคิว? ไสหัวไป! ”
พูดเสร็จ เขาก็เดินเข้าไปด้านในอีกครั้ง
เขาเพิ่งเดินได้สองก้าว ก็ถูกจี้จิ่งเชินขวางไว้เสียก่อน
“ บอกให้ไปต่อแถว ”
“ ฉันว่าแก…… ”
พอเขาคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาเห็นสีหน้าเคร่งขรึมที่สามารถฆ่าคนได้ทุกเวลาของจี้จิ่งเชิน เขาก็เงียบลงทันที
หลังจากนั้นเขาก็หดคอ ชี้ไปหาคนรอบๆ และพูดขึ้น: “ ถนนเส้นนี้ ไม่ต้องต่อแถวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ”
จี้จิ่งเชินกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นตรงทางเข้าของร้านอื่นๆก็วุ่นวายพอๆกัน เขาขมวดคิ้ว และพูดขึ้นเสียงเย็น: “ แต่ร้านนี้ ห้ามแซงคิว ”
บริเวณรอบๆเงียบลงทันที และไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คนเดียว
ได้ยินคำพูดของจี้จิ่งเชิน เขาคนนั้นจึงพูดขึ้นอย่างจองหอง: “ เหอะ แกใช้ให้ต่อแถวก็ต้องต่ออย่างนั้นหรอวะ? ”
จี้จิ่งเชินไม่ได้พูดอะไร เขากวาดสายตามองไปที่ทุกคน
คนที่อยู่รอบๆส่งเสียงเอะอะโวยวายสักพัก หลังจากนั้นก็รีบทำการต่อแถวอย่างเชื่อฟังทันที
ไม่ถึงสามนาที ทุกคนก็ต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว
เหลือแค่คนที่กำลังจ้องจี้จิ่งเชิน เขามองการต่อแถวที่เป็นระเบียบตรงหน้าอย่างอึ้งๆ
เขาคิดอยู่สักครู่ หลังจากนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าไปในแถวอย่างเงียบๆ
พอเขาขยับ กลับรู้สึกว่าสายตาของจี้จิ่งเชินที่กำลังมองมาที่ตัวเองนั้นเฉียบคมขึ้นไม่น้อย การกระทำของเขาจึงแข็งทื่อไปทันที
“ ผมทราบแล้วว่าห้ามแซงคิว ผมจะไปต่อแถวหลังสุดเดี๋ยวนี้ ”
พูดเสร็จ เขาก็เดินไปท้ายแถว และทำการต่อแถวอย่างเชื่อฟังทันที
ทางเข้าร้านที่วุ่นวาย ได้เปลี่ยนเป็นมีระเบียบไปในชั่วพริบตา
จี้จิ่งเชินมองอย่างพอใจ หลังจากนั้นเขาก็ถอยออกไป
เขาเพิ่งเดินออกไป ต่อมาก็มีคนพูดขึ้นเสียงเบา
“ คนนั้นเป็นใคร? ทำไมเหมือนเทพเจ้าแห่งการฆ่าเลยล่ะ? ”
“ จะไปสนใจทำไมว่าเขาเป็นใคร แค่หล่อก็พอแล้วไหม? เมื่อก่อนตอนฉันมาร้านนี้ ทำไมไม่เคยเห็นเขาล่ะ? ”
“ ครั้งต่อไปต้องมาบ่อยๆ คงไม่ใช่ดาราใช่ไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นจี้จิ่งเชินปรับตัวได้ดีมาก ถึงแม้ว่าขั้นตอนออกจะพูดยากไปหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับใช้ได้เลย ในที่สุดเธอก็วางใจ หลังจากนั้นก็พาลูกค้าเข้าไปด้านใน และทำการจดรายการอาหาร
เพราะเมื่อก่อนเธอเคยทำงานในร้านอาหารแบบนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงชำนาญมาก
เจ้าของร้านมองการกระทำที่ชำนาญของพวกเขาอยู่ด้านข้าง และพยักหน้าอย่างพอใจ
“ เถ้าแก่นี่เก่งจริงๆ พอพวกเขาสองคนมาที่นี่ พวกเราก็สบายขึ้นไม่น้อยเลย ”
“ ไม่มีเงินยังอยากกินของฟรี ต้องสั่งสอนพวกเขานิดหน่อย! ”
“ แต่เมื่อสักครู่ผมเห็นผู้ชายคนนั้นหยิบนาฬิกาข้อมือออกมา ก็ไม่แย่หนิ แลกของกันก็น่าจะพอแล้วนะ? ”
“ ฉันดูแล้ว นาฬิกาเรียบๆอันนั้น ไม่เห็นจะดีเลย? สู้อันที่ฉันซื้อมาเมื่อวานก็ไม่ได้ ”
พูดเสร็จ เขาก็ยกนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาด้วยเสียง และมีไฟอัตโนมัติเรือนสิบห้าบาทขึ้นมา
เจ้าของร้านพูดอย่างลำพองใจ: “ เงินสี่สิบบาทแลกกับพนักงานสองคน ยังจะมีใครฉลาดกว่าฉันอีก? ฉันดูออกตั้งนานแล้วว่าผู้ชายคนที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า จะต้องเรียกลูกค้าผู้หญิงเข้าร้านได้อย่างแน่นอน คืนนี้พวกแกทำเงินได้มากแน่ๆ แกรีบไปทำงานเถอะ ”
“ ทราบแล้วครับ ”
พนักงานพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็รีบไปทำงานต่อ
แต่ทำไมในใจกลับรู้สึกว่านาฬิกาข้อมือเรือนที่ผู้ชายคนนั้นหยิบออกมาเมื่อสักครู่แพงกว่าเงินสี่สิบบาทล่ะ?
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินเข้าไปทำงาน ทั้งในร้านและนอกร้านก็เปลี่ยนเป็นมีระเบียบทันที
มีคนจำนวนไม่น้อยที่มาเพราะจี้จิ่งเชิน พอเข้ามาในร้าน พวกเธอก็มองเขาตาไม่วางเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินแค่ยืนอยู่เฉยๆตรงประตูทางเข้า แต่เขากลับเป็นป้ายร้านที่มีชีวิต และสามารถทำให้ลูกค้าเข้ามาในร้านได้อย่างไม่ขาดสาย
พวกเขายุ่งอยู่กับงานจนดึกดื่น คนบนท้องถนนก็น้อยลงเรื่อยๆ
จนกระทั่งลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้าน บนถนนของกินก็ได้มีหลายร้านที่ปิดไปแล้ว
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินได้เข้ามาช่วยเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่บ่อยๆ แต่ยุ่งอยู่กับงานมาสามสี่ชั่วโมง จึงทำให้สิ้นเปลืองพลังงานทั้งหมดของเธอไปจนหมดสิ้น
เจ้าของร้านนับเงินที่ได้กำไรจากวันนี้อย่างพึงพอใจ เขาพอใจกับการกระทำของเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนถือโอกาสนี้ถอดผ้ากันเปื้อนออก และเตรียมออกไปจากที่นี่
ยังไม่ทันได้ออกจากร้าน ก็ถูกเจ้าของร้านเรียกไว้เสียก่อน
คล้ายกับเขาเพิ่งตรวจรายรับของวันนี้เสร็จ เจ้าของร้านมีท่าทีดีใจ เขายิ้มจนเห็นแค่ฟัน
“ พวกคุณอย่าเพิ่งกลับสิ ผมมีเรื่องจะปรึกษาพวกคุณนิดหน่อย ”
เขาเดินเข้ามา และพูดขึ้น: “ ต่อไปพวกคุณอยากทำงานพาร์ทไทม์ไหม? มาทำงานที่ร้านของผมได้นะ ทุกวันผมจะให้พวกคุณหนึ่งร้อยบาท…… ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าเจ้าของร้านอยากจะให้พวกเขามาทำงาน เธอจึงรู้สึกเก้อเขินนิดหน่อย
“ ไม่ล่ะ ขอบคุณ ”
พูดเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินออกไปด้านนอก
แต่เจ้าของร้านยังไม่ล้มเลิกความคิด เขายังตะโกนมาจากทางด้านหลัง: “ ไม่มาทำจริงๆหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้หันกลับไป เธอโบกมือ และเดินไปทางด้านนอก
พอออกมาจากร้าน สายลมในตอนกลางคืนก็ปะทะใบหน้า และมีความเย็นนิดหน่อย
จี้จิ่งเชินถอดเสื้อคลุมออก หลังจากนั้นก็คลุมลงไปบนไหล่ของเวินเที๋ยนเที๋ยน
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนขยับตัว เธอก็ได้กลิ่นเนื้อย่างที่ติดอยู่บนเสื้อคลุมของจี้จิ่งเชิน เธอจึงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“ มีอะไรหรอ? ” จี้จิ่งเชินก้มหน้ามองเธอ และพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ บนตัวของเราเต็มไปด้วยกลิ่นของเนื้อย่าง เห็นทีว่าคงจะไม่อยากกินเนื้อย่างไปอีกนานเลย ”
จี้จิ่งเชินได้ฟัง สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อไปทันที
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับสถานการณ์แบบนี้
เขามีสีหน้าแข็งทื่อ หลังจากนั้นก็กำลังจะหยิบเสื้อคลุมกลับมา แต่กลับถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนปฏิเสธเสียก่อน
“ ไม่เป็นไรหรอน่า ถึงอย่างไรบนตัวของเราก็ล้วนเป็นกลิ่นนี้ทั้งนั้น ทำยังไงก็เหมือนกันนั่นแหละ ”
รถยังจอดอยู่ตรงปากทาง บนถนนรอบๆไม่เหลือใครแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาย่ำรุ่งแล้ว ต่อให้อยากไปที่อื่น แต่ก็คงปิดหมดแล้วแน่นอน
“ เรากลับกันเถอะ ถ้ายังไม่กลับ พ่อบ้านคงจะร้อนใจแล้วแน่ๆ ”
จี้จิ่งเชินรู้สึกเสียดายอยู่ในใจนิดหน่อย
วันนี้เป็นวันเกิดจริงๆของเวินเที๋ยนเที๋ยนครั้งแรก หลังจากที่เขารู้ เขาก็เริ่มทำการวางแผนการเดินทางของวันนี้
เขาทำงานในบริษัทให้เสร็จก่อนเวลา แต่ไม่คิดว่าวิธีสุดท้ายจะมาจบที่การทำงานชดใช้ค่าอาหารที่ร้านเนื้อย่าง
ไม่เหมือนกับที่เขาวางแผนไว้เลย
ถือได้ว่าซวยจริงๆ
จี้จิ่งเชินรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย เดิมที เขาอยากฝากความทรงจำที่สวยงามนี้ให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
“ นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกมีความสุขแบบนี้ ” เขากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย อยู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็พูดขึ้นมา
จี้จิ่งเชินหันกลับมามองอย่างตะลึง
“ คุณมีความสุข? ”
“ ใช่ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างตั้งใจ เธอเห็นในตาของจี้จิ่งเชินเหมือนมีแสงระยิบระยับอยู่ในนั้น
“ เมื่อก่อน วันเกิดของฉันมักจะฉลองอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถึงแม้ว่าจะไม่มีเค้ก ไม่มีของขวัญ แต่คณบดีจะร้องเพลง และเก็บลูกอมให้ฉันหนึ่งเม็ด นี่เป็นช่วงเวลาที่ฉันรอคอยที่สุดของปี ตอนนี้…… ”
เธอเงยหน้ามองจี้จิ่งเชิน หลังจากนั้นก็เอียงหัว และพูดขึ้นยิ้มๆ
“ ขอบคุณนะ ”
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าของเขาแข็งทื่อไปนิดหน่อย เขาขมวดคิ้ว คล้ายกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างที่สำคัญอยู่ในใจ