เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่ 549 เทพเจ้าแห่งบทเพลง จี้จิ่งเชิน

บทที่ 549 เทพเจ้าแห่งบทเพลง จี้จิ่งเชิน

บทที่ 549 เทพเจ้าแห่งบทเพลง จี้จิ่งเชิน

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างสงสัย เธอกำลังจะพูด แต่อยู่ๆก็เห็นริมฝีปากของจี้จิ่งเชินขยับไปมาเสียก่อน

“ แฮปปีเบิร์ธเดย์ทูยู ~ ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไปนิดหน่อย เธอกำลังจะพูดตอบ กลับพบว่าจี้จิ่งเชินกำลังร้องเพลง

เขากำลังร้องเพลง!

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมมาก แม้แต่โน้ตเพลงยังเพี้ยนไปนิดหน่อย คล้ายกับไม่ค่อยได้ร้องเพลง และไม่ถนัดสักเท่าไหร่

แต่เขาตั้งใจมาก

“ แฮปปีเบิร์ธเดย์ทูยู ~ แฮปปีเบิร์ธเดย์ทูยู ~ ”

ทุกประโยคต่างกันไม่มาก พอที่จะดูออกว่าความสามารถด้านการร้องเพลงของจี้จิ่งเชินเป็นยังไง เขาสามารถร้องเพี้ยนไปถึงบ้านคุณยาย จนหาทางกลับไม่เจอเลยทีเดียว

ตัวเขาเองก็รู้จุดอ่อนของตัวเองเหมือนกัน สีหน้าของเขาตลกมาก ใกล้จะบิดเบี้ยวเต็มที ตอนร้องถึงประโยคสุดท้าย เขาก็ร้องโดดไปด้านนอกแทบจะทุกตัวอักษร

แต่สำหรับเวินเที๋ยนเที๋ยน นี่เป็นเพลงที่เพราะที่สุดตั้งแต่ที่ตัวเองเคยฟังมา

เธอไม่สนใจทำนองเพลง แต่สนใจความตั้งใจของเขา

นี่คงเป็นครั้งแรกที่จี้จิ่งเชินร้องเพลง?

ต่อให้แย่ขนาดไหน ก็ได้ร้องมันออกมาแล้ว

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอบอุ่นในใจ เหมือนถูกอะไรสักอย่างดันไว้จนใกล้จะล้นออกมา แม้แต่เบ้าตาของเธอก็เริ่มระคายเคืองขึ้นมาบ้างแล้ว และในตาของเธอก็ได้มีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาแล้วเช่นกัน

กว่าจะร้องจบ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จี้จิ่งเชินโล่งอกขึ้นนิดหน่อย คล้ายกับเขาเพิ่งไปทำงานหนักอย่างนั้นแหละ

เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้า และใช้มือเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ตรงมุมตา

น้ำเสียงของเธอดังหึ่งๆ ฟังไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่

“ นายร้องเพี้ยน ”

การกระทำของจี้จิ่งเชินแข็งทื่อไปทันที แต่เขายังคงจับมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้อยู่

“ ถึงแม้ว่าจะไม่มีลูกอม แต่…… ”

เขายื่นหน้าเข้ามาจนใกล้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน น้ำเสียงของเขาค่อยๆเบาลง จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งสองคนชนกัน และจมหายลงไปในกลีบริมฝีปาก

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีลูกอม แต่คุณยังมีผม

จี้จิ่งเชินเกี่ยวเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แน่น หลังจากนั้นก็จูบเธอที่ริมถนนในเวลาย่ำรุ่ง

ถึงแม้ว่าสายลมในตอนกลางคืนกำลังพัดผ่าน ถึงแม้ว่าบนตัวจะเต็มไปด้วยกลิ่นเนื้อย่างประหลาดๆ ถึงแม้ว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบๆจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับความโรแมนติกเลยสักนิด

เเต่เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่านี่เป็นวันเกิดที่ดีที่สุดที่เธอเคยฉลองมา

และอีกฝั่งของเมือง หลวนจื่อเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝัน

ตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์เพิ่มมากขึ้น การใช้ชีวิตของเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ

บางทีก็จะตื่นมาตอนย่ำรุ่ง เพียงแค่นึกถึงเรื่องของตัวเองกับหมินอันเกอ ก็จะทำให้นอนไม่หลับอีกเลย

เธอลุกขึ้นนั่ง และมองเวลานิดหน่อย ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่ง

ตอนนี้ เคอเหยียนรุ่ยพักอยู่กับเธอ เขาสามารถดูแลเธอ แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว หลวนจื่อจึงไม่อยากรบกวนคนอื่น

เธอลุกขึ้นเดินออกจากห้อง และมาที่ห้องรับแขกชั้นล่าง

ด้านนอกหน้าต่างมีแสงสลัวของพระจันทร์ หลวนจื่อเปิดตู้เย็น และกำลังจะทำอาหารกิน

เธอเพิ่งหยิบหม้อลงมา เคอเหยียนรุ่ยก็เดินลงมาสะก่อน

หลวนจื่อหันกลับไป เห็นเขากำลังเดินลงมาชั้นล่าง เธอจึงพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด: “ ขอโทษค่ะ ฉันทำให้คุณตื่นหรือเปล่า? ”

เคอเหยียนรุ่ยโบกมือไปมา หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาหาเธอ

“ หิวหรอ? ”

“ นิดหน่อยค่ะ ” เห็น เคอเหยียนรุ่ยเดินเข้ามาช่วย หลวนจื่อก็รีบพูดขึ้นทันที: “ ไม่ต้อง คุณไปพักผ่อนเถอะ ถึงอย่างไร ฉันก็นอนไม่หลับอยู่ดี ทำสักครู่ก็เสร็จแล้วค่ะ ”

“ ผมจะให้คุณทำอาหารเองได้ยังไงล่ะ? ถ้าแม่ผมรู้เข้า คงตีผมตายแน่ ”

เคอเหยียนรุ่ยรับหม้อที่อยู่ในมือเธอมา หลังจากนั้นก็มองวัตถุดิบที่หลวนจื่อหยิบออกมาจากตู้เย็นเมื่อสักครู่

“ วัตถุดิบในบ้านมีไม่ค่อยเยอะแล้ว ทำข้าวผัดไปก่อนก็แล้วกัน รอให้ฟ้าสว่างแล้วค่อยออกไปซื้อ ”

การกระทำของเขาชำนาญมาก คล้ายกับทำอาหารอยู่บ่อยครั้ง

เขากลัวว่าหลวนจื่อจะรู้สึกเบื่อ จึงพูดกับเธอบ่อยๆ

หลวนจื่อขมวดคิ้วนิดหน่อย ตั้งแต่ เคอเหยียนรุ่ยโผล่มา เขาไม่เพียงแต่จะพาเธอมาที่คฤหาสน์แห่งนี้ เรื่องในชีวิตประจำวันทั้งหมดยังถูกเขารับผิดชอบอีกด้วย ”

ถ้าเป็นเพราะมิตรภาพระหว่างแม่หลวนเขาคงไม่ทำถึงขนาดนี้

เธอมีสีหน้าครุ่นคิด หลังจากนั้นก็วางมือลงไปบนท้องของตัวเอง

“ เคอเหยียนรุ่ยทำไมคุณปฏิบัติกับฉันดีจังล่ะคะ? อันที่จริงคุณไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะ ”

ได้ยินคำพูดของเธอ เคอเหยียนรุ่ยก็หันกลับมาทันที

เห็นความกังวลบนใบหน้าของหลวนจื่อ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

“ ถ้าบอกว่าทำให้โดยไม่มีการตอบแทน คุณก็คงจะไม่เชื่อ ”

เขาพูดมาคำนึง หลังจากนั้นก็ตักข้าวผัดที่ทำเสร็จแล้วใส่จาน และเดินไปที่ห้องอาหาร

รอจนหลวนจื่อนั่งลงแล้ว เขาถึงค่อยพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น: “ ผมมีจุดประสงค์จริงๆนั่นแหละ ผมให้คุณดูของสิ่งนึง ”

พูดจบเคอเหยียนรุ่ยก็รีบขึ้นไปที่ชั้นบนทันที

ผ่านไปสองนาที เขาก็กลับลงมาอีกครั้ง และในมือของเขาก็ได้ถือกระดาษไว้อยู่สองสามแผ่น

“ หลวนจื่อ ผมอยากให้คุณใช้สายตาของคุณช่วยดูให้ผมหน่อยว่าการออกแบบพวกนี้เป็นยังไงบ้าง? ”

หลวนจื่อรับกระดาษมาอย่างสงสัย หลังจากนั้นเธอก็ทำการดูอย่างละเอียด

แบบภาพวาดมีเพียงสามแผ่น และทุกแผ่นล้วนเป็นรูปของขวัญชิ้นเล็กๆ ถึงแม้ว่าจะยังเป็นแค่เส้นเค้าโครง แต่สามารถมองเห็นพื้นฐานของผู้สร้างได้อย่างชัดเจน

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ด้วยประสบการณ์ที่หลวนจื่ออยู่บนแคทวอล์คมาหลายปี การออกแบบชุดพวกนี้โดดเด่นมาก ถึงขนาดทำให้เธอรู้สึกตกใจเลยทีเดียว!

“ แบบพวกนี้ คุณวาดเองหรอ? ” เธอพูดอย่างตะลึง

สมัยนั้น เคอเหยียนรุ่ยเคยรุ่งโรจน์อยู่ในวงการออกแบบ แต่นั่นคือสมัยนั้น ไม่กี่ปีมานี้เขาไม่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี จึงค่อยๆเริ่มเงียบเหงาลง

แต่แบบร่างพวกนี้กลับโดดเด่นจนพอที่จะเทียบเท่านักออกแบบระดับนานาชาติได้เลย

“ ใช่ครับ ” ท่าทีของเคอเหยียนรุ่ยก็ตื่นเต้นมากเช่นเดียวกัน

“ คุณเชื่อไหมว่าผมวาดรูปพวกนี้ เพราะได้แรงบันดาลใจมากจากคุณ! ”

“ ฉัน? ”

หลวนจื่อชี้มาที่ตัวเองอย่างตะลึง

“ ใช่ครับ! ” เคอเหยียนรุ่ยชูแบบร่างในมือขึ้น และพูดขึ้น: “ สองสามวันมานี้ผมมีแรงบันดาลใจใหม่อยู่เสมอ คุณช่างเป็นเทพธิดาผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผมจริงๆ! ”

เขามองหลวนจื่อด้วยตาที่เปล่งประกาย เพราะดีใจ ทรวงอกของเขาจึงกำลังแปรปรวน

“ หลวนจื่อ ให้ผมอยู่ข้างกายคุณเถอะนะ! บางทีผมอาจจะสามารถสร้างผลงานชิ้นใหม่ออกมาก็ได้ ถึงตอนนั้น ผมจะเชิญคุณมาเปิดงาน! ”

เห็น เคอเหยียนรุ่ยข้ามผ่านอุปสรรค์ไปได้ หลวนจื่อก็ต้องดีใจอยู่แล้ว แต่พอได้ฟังคำขอร้องของเขา เธอกลับรู้สึกลำบากใจนิดหน่อย

“ แต่ตอนนี้ฉัน…… ”

เธอก้มลงมองท้องของตัวเองนิดหน่อย

“ คุณทำได้แน่นอน การออกแบบของผมก็ไม่ใช่ว่าจะทำเสร็จเร็วขนาดนั้น ถ้าคุณทำได้ ผมก็อยากให้คุณมาเป็นส่วนร่วมจริงๆนะครับ ”

หลวนจื่อมองแบบร่างในมือนิดหน่อย

ที่เธอเลือกเป็นนางแบบก็เพราะเธออยากแสดงความสวยงามของเสื้อผ้าทุกชุดบนเวที เหมือนกับคนอื่นๆที่พอเห็นเสื้อผ้าสวยๆ ก็อยากใส่มันไว้บนตัว

และเธอก็ไม่เป็นข้อยกเว้น

หลวนจื่อครุ่นคิดอยู่สักครู่ ในที่สุดเธอก็พยักหน้า

“ ค่ะ ”

เคอเหยียนรุ่ยรู้สึกดีใจมากกว่าเดิม ในตาของเขาเปล่งประกายแสง หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปกอดหลวนจื่อ

“ ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ ”

หลวนจื่อยิ้ม

“ เป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้วค่ะ ”

วันต่อมา ทั้งสองคนก็มาซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต

ตลอดทาง เคอเหยียนรุ่ยพูดอย่างไม่หยุดหย่อน คล้ายกับเขาทำเหมือนหลวนจื่อเป็นผู้ช่วยชีวิตตัวเองไปแล้ว และเขาก็ได้ดูแลเธออย่างรอบคอบ

คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าพวกเขาสองคนเป็นสามีภรรยากันสะอีก

“ ถ้าเป็นหน้าหนาว เครื่องหนังจะเป็นที่ต้องการมาก คุณต้องเพิ่มปัจจัยสำคัญเข้าไปส่วนนึง ” หลวนจื่อฟังเสียงของเขา เขามักจะเสนอความคิดเห็นของตัวเองอยู่บ่อยๆ

“ เป็นความคิดที่ดี! ฉันคิดออกแล้ว! ”

ในมือของเคอเหยียนรุ่ยเต็มไปด้วยของแต่มันกลับไม่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ตื่นเต้นของเขาเลย

ทั้งสองคนเดินไปด้วย และพูดคุยไปด้วย

“ สองสามปีมานี้ สไตล์โบราณก็เป็นที่ต้องการเหมือนกัน คุณ…… ”

หลวนจื่อกำลังพูด พอเงยหน้าขึ้น เสียงของเธอก็หายไปทันที แม้แต่การกระทำก็หยุดลงด้วยเช่นกัน

“ หลวนจื่อ มีอะไรหรอ? ”

เคอเหยียนรุ่ยเงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่เข้าใจ

ตรงประตูทางเข้าคฤหาสน์มีคนรูปร่างสูงยืนอยู่ เขาสวมหมวกเบสบอลไว้บนหัว

คล้ายกับได้ยินเสียง ในขณะเดียวกันฝ่ายนั้นก็ได้หันกลับมามองเช่นเดียวกัน

คือหมินอันเกอ

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท