บทที่ 555 ระเบิดอย่างเต็มที่
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นสิ่งของของหมินอันเกอให้เขาและพูดว่า: “ตอนที่พวกเราถึงที่นี่ เขาก็เป็นแบบนี้แล้ว แต่ดูจากขวดเหล้าบนโต๊ะแล้ว น่าจะไม่น้อย”
พี่เจี้ยนถอนหายใจแรงๆ รีบเข้ามาพยุงหมินอันเกอ
เงยหน้าขึ้น ก็เห็นจี้จิ่งเชินหน้าบึ้งๆ เขาตกใจกะทันหัน
“คุณจี้ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ผมรีบพาเขากลับบ้านไป”
เขาเดินหน้าเข้าไปรับตัวหมินอันเกอ ถูกตัวของเขาทับจนโซซัดโซเซ เกือบจะหกล้ม
พี่เจี้ยนตัวเตี้ยกว่าหมินอันเกอครึ่งหัว มองดูแล้วเหมือนแข็งแรง แต่ที่จริงแล้วไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ จะให้เขาแบกตัวเขากลับไปคนเดียว เหมือนจะยากจริงๆ
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นนิดๆ แล้วก็ดึงตัวหมินอันเกอกลับมาอีกครั้ง จากนั้นเดินไปที่รถของพี่เจี้ยน
เปิดประตูรถออก แล้วก็โยนตัวเข้าไป
พี่เจี้ยนตื่นเต้นรีบร้อนตามหลังไป เห็นท่าทางที่รุนแรงขนาดนั้นของจี้จิ่งเชิน ตกใจจนเกือบจะเอ่ยปากห้าม แต่นึกขึ้นได้ว่านั่นคือจี้จิ่งเชินนะ
ช่วยเขาส่งหมินอันเกอกลับไปก็ถือว่าดีแล้ว จึงได้แต่ทนเก็บความกังวลไว้
ตรวจสอบดูตัวหมินอันเกอ แล้วก็ช่วยเขารัดเข็มขัดนิรภัยดีๆ พี่เจี้ยนถึงจะรู้สึกโล่งใจหน่อย
“วันนี้ขอขอบคุณพวกคุณมากๆนะครับ แต่ว่าหมินอันเกอเป็นบุคคลสาธารณะ กำลังจะรับงานพรีเซ็นเตอร์ที่ต่างประเทศ กำลังอยู่ในระยะที่สำคัญ เรื่องของวันนี้ ขอร้องพวกคุณเก็บไว้เป็นความลับด้วยนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินหันหน้าสบตากัน เรื่องเช่นนี้พวกเขาต้องรู้อยู่แล้ว แต่เรื่องของหมินอันเกอในวันนี้มันปิดบังไม่อยู่
“เจ้าของร้านบาร์บอกว่า ก่อนที่พวกเราจะมาถึงนี่ หมินอันเกอก็มีเรื่องกับคนอื่นแล้ว อีกทั้งยังมีคนที่ถ่ายรูปไว้เยอะมาก”
อะไรนะ?”
สีหน้าของพี่เจี้ยนเปลี่ยนไปกะทันหัน ตกตะลึงจนหน้าบูดหน้าเบี้ยว
สักพักถึงจะตอบ: “ไม่ว่าจะยังไง วันนี้ก็ขอขอบคุณพวกคุณสองคนด้วยครับ ส่วนเรื่องรูปพวกนั้น ผมจะหาวิธีแก้ไขเอง”
เขาก้มคำนับให้เขาทั้งสองคนอย่างลึกซึ้ง จากนั้นหันหลังเดินไปขึ้นรถ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองรถวิ่งออกไปและหายไปในความมืด ขมวดคิ้วทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย
รู้จักกันมาหลายปี เธอเพิ่งจะเคยได้ยินครั้งแรก หมินอันเกอยังมีแบบนี้อีกด้าน
เป็นเพราะว่าหลวนจื่อเหรอ?
ในขณะที่เธอกำลังคิดอะไรอยู่นั้น มีมือหนึ่งยื่นมากะทันหัน วางบนหน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยน หันหัวของเธอกลับมา “มองตรงนี้ คุณนายจี้”
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมามองที่ตัวจี้จิ่งเชิน แล้วแกล้งพูดว่า: “ฉันแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย?”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้นมานิดๆ พูดอย่างเอาแต่ใจ: “ถึงจะยังไม่แต่งงาน คุณก็ต้องเป็นแค่คุณนายจี้เท่านั้น”
“นั่นอาจจะไม่แน่ ยังมีคุณนายหลี คุณนายเฉิน คุณนายฉวี……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนับไปด้วย แล้วก็เดินไปอีกข้างหนึ่งด้วย
เธอหรี่ตาลงและยิ้มนิดๆ แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
นับไปได้ครึ่งหนึ่ง ถูกคนมาโอบกอดจากด้านหลังอย่างกะทันหัน
“คุณอยากเป็นคุณนายที่เท่าไหร่? หืม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกจี้จิ่งเชินโอบไว้แน่นๆแล้วอุ้มตัวขึ้นมา สองขาลอยขึ้นกลางอากาศ เธอกลัวจนไม่กล้าขยับ
จี้จิ่งเชินก้มตัวลงนิดๆ แล้วกอดเธอไว้ในอกเต็มๆ
เขามองดูนาฬิกา
“ตีสามครึ่ง ยังมีเวลา”
“คุณจะทำอะไร?” เวินเที๋ยนเที๋ยนถามอย่างแปลกใจ
จี้จิ่งเชินอุ้มเธอขึ้นมา เดินไปทางรถเบนซ์สีดำคันนั้นที่จอดอยู่ข้างทาง
“เห็นทีคนบางคนต้องรู้จักสถานะคุณนายจี้ซะใหม่อีกครั้งแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วตกตะลึง รีบร้อง: “ไม่ต้องแล้ว! ไม่ต้องแล้ว! ฉันรู้สถานะตนเองดีแล้ว ตอนนี้รู้แล้ว”
“ยังรู้ได้ไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่ ต้องเพิ่มเติมอีกสักหน่อยถึงจะดี”
ขณะที่พูดไปด้วย จี้จิ่งเชินก็ส่งเธอขึ้นรถทันที
แล้วขึ้นรถเหยียบคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หมินอันเกอเพิ่งจะตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น
ความเมาทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก ตั้งนานถึงจะสร่างเมาและหายปวดขึ้นมาหน่อย
เดินออกจากห้องนอนอย่างเซไปเซมา แต่นึกไม่ออกเลยสักนิดกับเรื่องที่เกิดเมื่อคืนทั้งหมด แม้แต่เรื่องที่ตนเองกลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เขาหยิบน้ำออกมาจากตู้เย็นหนึ่งขวด
กำลังจะเปิดขวด เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
พี่เจี้ยนถือของอยู่ในมือและเดินเข้ามา เห็นท่าทางของหมินอันเกอแล้วก็พูดด้วยความโมโห: “ในที่สุดนายก็ตื่นมาจนได้ ตกลงเมื่อคืนนายเป็นยังไงกันแน่? ทำไมยังไปร้านบาร์นั่นได้? ที่แบบนั้นคนเยอะแยะ ถ้าถูกคนเห็นเข้าจะทำยังไง? ยังไปชกตีกันกับคนอื่นอีกด้วย!”
เพื่อที่จะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบ อีกฝ่ายยังไถเงินจากเขาไปไม่น้อย ในที่สุดถึงจะยอมปิดปาก
แต่คนที่ถ่ายรูปไว้มีเยอะมากเกินไป เขาหาไม่ครบทุกคน ได้แต่ภาวนาให้คนพวกนั้นอย่าเผยแพร่รูปออกไป
ยังมีรายการบันเทิงที่เกือบจะระเบิดนั้น เดี๋ยวยังต้องโทรไปขอโทษผู้กำกับ เขายุ่งมากจนหัวฟู
มองดูหน้าของหมินอันเกอที่หดหู่ เขาก็ถอนหายใจแรงๆอีกครั้ง
“สองสามวันมานี้นายเป็นอะไร? นายอย่าลืมสิว่ายังมีงานพรีเซ็นเตอร์อีกงานที่จะต้องรับมาให้ได้ ตอนนี้ห้ามเกิดเรื่อง”
เขาพูดไปเยอะขนาดนี้ หมินอันเกอกลับไม่พูดไม่จา
พี่เจี้ยนขมวดคิ้วขึ้น
หมินอันเกอเป็นคนที่เขาปั้นมาเองกับมือ ที่ผ่านมาหลายปีก็เข้ากันได้ดี ให้ความร่วมมือดีมาก
เรื่องแบบนี้ เพิ่งจะเกิดครั้งแรก
“นายได้ยินไหม? ฉันจะไปจัดการให้นายเดี๋ยวนี้เลย”
เขาพูดเสียงสูงขึ้นมาอีกหน่อย แต่หมินอันเกอก็ยังไม่ตอบโต้อะไร หันหลังแล้วเดินตรงเข้าไปในห้อง
พี่เจี้ยนเห็นดังนั้นแล้วก็ร้อนใจ รีบเดินตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“นายอย่าเพิ่งไปสิ ฉันรู้ว่านายกำลังกังวลเรื่องของหลวนจื่อ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้นายโศกเศร้าต่อไปอีก ตอนนี้……”
เขาเดินตามหลังหมินอันเกอ พยายามเกลี้ยกล่อมไม่หยุด
พอหมินอันเกอได้ยินชื่อของหลวนจื่อ ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ทนฟังไม่ไหว
พี่เจี้ยนกำลังพูดอยู่ มือถือก็สั่นขึ้นมาทันที
เขาจึงหยุดแล้วหยิบมือถือออกมาดู เห็นข้อความบนมือถือแล้ว สีหน้าซีดเซียวทันที!
“อัน อันเกอ……เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
พี่เจี้ยนตะโกนร้องดังลั่น
หมินอันเกอหันมามองอย่างแปลกใจ เห็นเขาสีหน้าซีดเซียวและถาม: “เกิดอะไรขึ้น?”
พี่เจี้ยนหายใจลึกๆและจ้องหน้าเขาอย่างดุดัน
จากนั้นก็ซักถาม: “นายไปหาหลวนจื่ออีกแล้วใช่ไหม นายไปบอกคนอื่นว่าเด็กนั่นเป็นของนายใช่รึเปล่า?”
หมินอันเกอขมวดคิ้วขึ้น ไม่ตอบอะไร แต่ถามกลับไป: “ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
แววตาของพี่เจี้ยนน่ากลัวมาก
“มีคนเผยแพร่คลิปเสียงของนายบนเว็บไซต์”
ในขณะที่พูด เขาก็เอามือแตะบนมือถือ มีเสียงที่เคยชินดังออกมา
–ข่าวในวันนี้มันเป็นยังไงกันแน่?
ได้ยินเสียงนี้แล้ว หมินอันเกอสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
นี่คือเสียงที่เขาพูดตอนที่ไปหาหลวนจื่อเมื่อวาน
ถูกอัดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เป็นนักข่าว?
หรือว่าคนอื่น?
และเสียงนั่นยังพูดต่อไปเรื่อยๆ
–แล้วคุณจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ? ข้างนอกยิ่งลือกันจนน่าเกลียดมากกว่าเดิม คุณไม่แคร์ แล้วเคอเหยียนรุ่ยก็ไม่แคร์ด้วยเหรอ?
–หมินอันเกอ นายรีบไปเถอะ ในที่สุดตอนนี้คุณได้ตัดความสัมพันธ์กับฉันแล้ว ตอนนี้นักข่าวก็รู้ว่าฉันพักอยู่ที่นี่ ถ้าถูกพวกเขาเห็น คุณไม่สามารถแก้ข่าวได้นะ
–แต่ว่าเด็กในท้องของคุณเป็นลูกของผม!
เปิดมาถึงตรงนี้ พี่เจี้ยนกดหยุดชั่วคราวกะทันหัน เสียงนั้นก็หยุดไปทันที
“นี่มันยังไงกัน? นายไปบอกคนอื่นเหรอ?”