บทที่ 583 อาจารย์ฟ่าน
ดูแล้ว ตำแหน่งของทีมชี้แนะนี้สำคัญมากจริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอยู่นั้น และกำลังจะตบปากรับคำ
แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากออกมานั้น เวินหงไห่ที่อยู่ข้างๆก็พูดดักเธอขึ้นมาอย่างไม่ยอม
“เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาในวงการนี้ไม่ถึงสองปี ถึงแม้ว่าเธอจะโดดเด่นจริงๆ แต่จะเทียบกับท่านอาจารย์ที่มีคุณสมบัติและประสมการณ์อย่างลึกซึ้งได้อย่างไรครับ?”
เห็นว่าทางผู้จัดยังไม่พูดอะไรออกมานั้น เวินหงไห่จึงเอ่ยขึ้นต่อ : “การประชุมเอเชียแปซิฟิกครั้งนี้รายการที่เกี่ยวข้องนั้นมีจำนวนเงินเป็นจำนวนมาก ถ้าหากเกิดความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของทั้งตลาดเศรษฐกิจเอาได้ ผมคิดว่า ตัวเลือกของทีมชี้แนะนี้ควรจะรอบคอบเอาไว้ดีกว่านะครับ”
ได้ยินแล้วทางฝ่ายผู้จัดนั้นราวกับเดาความคิดของเวินหงไห่ในเวลานี้ได้แล้ว จึงถือโอกาสเอ่ยถาม : “ถ้าอย่างนั้นคุณมีบุคคลที่ควรได้รับการคัดเลือกไหมครับ?”
เวินหงไห่พยักหน้า
“มีอยู่แล้วครับ”
พูดจบแล้ว เขาหันกลับไปหาภายในห้องโถงจัดงาน แล้วโบกมือไปอีกทางหนึ่ง และไม่นานก็มีคนหนึ่งเดินเข้ามา
เวินหงไห่เงยหน้าขึ้นมาอย่างพอใจ ยืดอกตรง ด้วยท่าทางที่ดูภูมิอกภูมิใจเป็นอย่างมาก
“ท่านนี้คือบุคคลที่เลือกมาได้หลังจากที่ค้นหาผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมแซมวัตถุโบราณครับ”
ได้ยินแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงหันไปมองทางนั้น กลับไม่คิดเลยว่าจะเห็นใบหน้าที่ที่นับว่าคุ้นเคยเช่นนี้
บุคคลนั้นไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คืออาจารย์ของหลีเจียเวย—อาจารย์ฟ่านนั่นเอง
เวลานี้เธอสวมชุดสูทสีเทาอ่อน ด้วยท่าทางอาจารย์ที่ดูเป็นผู้มีฝีมือยอดเยี่ยม ผมเผ้าจัดแจงอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้านั้นปรากฏรอยยิ้มออกมา
เพียงแต่เมื่อหันมามองเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วนั้น กลับมีอาการแข็งทื่อขึ้นมา ความรู้สึกทำตัวไม่ถูกปรากฏออกมา ยากที่จะเอ่ยพูดต่อไปได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่เวินหงไห่หามาด้วยความยากลำบากนั้น จะเป็นอาจารย์ฟ่าน ให้ความรู้สึกโลกกลมอยู่บ้าง
อาจารย์ฟ่านมองคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วขมวดคิ้ว ลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วยังคงเดินเข้ามา
เวินหงไห่กลับไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ยังคงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากอยู่เช่นนั้น
แล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยความภูมิใจ : “ท่านนี้เป็นนักบูรพาวัตถุโบราณที่มีชื่อเสียงที่ผมตามหาตัวมาด้วยความยากลำบากมากครับ อาจารย์ฟ่าน!”
อาจารย์ฟ่านสังเกตเห็นแววตาของเขา หันกลับไปทำเป็นมองไม่เห็นเธอ แล้วพยักหน้าให้กับผู้จัดงาน “สวัสดีครับ”
เวินหงไห่ราวกับว่าไม่ชัดเจนถึงรายละเอียดนั้น จึงเอ่ยชื่นชมคุณูปการของอาจารย์ฟ่านต่อ
“อาจารย์ฟ่านนับได้ว่าเป็นนักบูรพาวัตถุโบราณที่มีฝีมือยอดเยี่ยมไม่เป็นสองรองใครเลยในประเทศของเรา ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างก็รู้ เพียงแค่พูดถึงเรื่องวัตถุโบราณและทางด้านการซ่อมแซมวัตถุโบราณ ก็จะต้องนึกถึงอาจารย์ฟ่านก่อนเป็นคนแรก”
“อีกทั้ง ลูกศิษย์ของเธอเองก็มีไม่น้อยด้วยนะครับ ทางด้านการซ่อมแซมโลหะมากมายก็ไปถึงระดับสูงๆของประเทศแล้วด้วยครับ สมชื่อท่านอาจารย์เป็นอย่างมาก ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้ตรวจสอบ เหลือเฟือเลยครับกับการที่จะไม่เกิดเรื่องสิ่งของที่พังแล้วหลุดออกไปได้”
พูดมาถึงตรงนี้แล้ว เขาเหลือบตามองเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วยิ่งเอ่ยขึ้นด้วยความพอใจมากยิ่งขึ้น : “สิ่งเหล่านี้ เป็นความสามารถที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีอยู่เลยด้วยซ้ำ”
ในแววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความดูถูก และความไม่พอใจที่มีต่อเวินเที๋ยนเที๋ยนโดยไม่ได้ปกปิดเลยแม้แต่นิดเดียว
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ก่อนที่เวินหงไห่จะเชิญคนมานั้นไม่ได้มีการสืบถึงเบื้องหลังของอาจารย์ฟ่านให้ชัดเจนก่อนหรอกอย่างนั้นหรือ?
หรือว่า แม้แต่เขาเองก็ถูกอาจารย์ฟ่านหลอกด้วยเช่นกัน?
หลังจากครั้งที่แล้วที่แข่งขันกับหลีเจียเวยเสร็จสิ้นแล้วนั้น ไม่เพียงแค่หลีเจียเวยถูกขับไล่ไปจากวงการลายครามนี้เพียงเท่านั้นแม้แต่อาจารย์ฟ่าเองก็ถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ตอนนี้กำลังเป็นกระแสที่กำลังถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก
และก็คงมีเพียงแต่เวินหงไห่ ที่เชิญบุคคลนี้กลับมาใหม่อีกครั้ง และยังให้การประเมินค่าที่สูงมากขนาดนี้อีกด้วย
ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว อาจารย์ฟ่านก็รู้สึกขาดความมั่นใจขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่กล้ามองการแสดงออกทางอาการของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ส่วนทางฝ่ายผู้จัดนั้นราวกับว่าไม่ได้ชัดเจนกับเรื่องวงการลายครามนี้เช่นกัน ได้ยินการแนะนำของเวินหงไห่แล้ว ก็มองด้วยแววตาที่มีความเคารพเลื่อมใสอย่างที่คิดไว้ด้วย มองพิจารณาอาจารย์ฟ่าน ในใจนั้นมีความรู้สึกลังเลขึ้นมาทันที
อาจารย์ฟ่านไม่ได้มองเวินเที๋ยนเที๋ยนอีก ราวกับจงใจที่จะไม่สนใจเธอ แล้วรุกหน้าโฆษณาตัวเองกับทางผู้จัดงาน
“ผมเคยเป็นกรรมการตรวจสอบการแข่งขันมาไม่น้อย ภายในประเทศ ถ้าหากเอ่ยถึงเรื่องความเชี่ยวชาญทางด้านนักบูรพาวัตถุโบราณนี้ ผมเองก็มีตำแหน่งที่แน่ชัดอยู่เหมือนกันครับ สามารถพูดได้ว่า ทางด้านนี้ผมเป็นคนที่มีอิทธิพลและสามารถเรียกร้องได้มากที่สุด การบูรณะซ่อมแซมวัตถุโบราณในพระราชวังแห่งชาติกว่าครึ่ง ผมล้วนแต่มีส่วนร่วมด้วยทั้งนั้น”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว ทางฝ่ายผู้จัดงานก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
“ตอนนี้อาจารย์ฟ่านยังทำงานอยู่ในพระราชวังแห่งชาติหรือเปล่าครับ?”
อาจารย์ฟ่านอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วยิ้มออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก
“ตอนนี้ฉันออกมาแล้วครับ คิดหาทางออกใหม่แล้ว”
ถึงแม้เธอจะไม่ได้พูดออกมาให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน แต่ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ยินท่านเปิงเคยพูดถึงอยู่
ตอนนั้นอาจารย์ฟ่านถูกไล่ออกจากพระราชวังแห่งชาติ
เนื่องจากเขารับงานซ่อมแซมนอกเหนือจากขอบเขตที่กำหนดเอาไว้เป็นการส่วนตัว แล้วทำให้เสียการเสียงานของตัวเอง ซึ่งหลังจากถูกลงโทษแล้วยังไม่ปรับปรุงแก้ไขเสียทีนั้น ก็ออกมาจากที่นั่น
ทางฝ่ายผู้จัดงานนั้นไม่รู้ เอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจอยู่บ้าง : “ในเมื่อออกมาจากพระราชวังแห่งชาติแล้ว คงต้องเป็นอาจารย์แน่ๆ เราจะรับไว้พิจารณาให้ดีอย่างแน่นอนครับ”
ว่าแล้วเขาก็หันกลับมามองยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณเวิน คุณเองก็เป็นมือใหม่ในวงการซ่อมแซมบูรณะวัตถุโบราณนี้ ก่อนหน้านี้รู้จักกับอาจารย์ฟ่านไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าทางผู้จัดจะกลับมาย้อนถามตัวเองเช่นนี้ เห็นสีหน้าท่าทางบนใบหน้าของอาจารย์ฟ่านนั้นดูตื่นเต้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“แน่นอนว่าต้องรู้จักสิคะ”
เธอเอ่ยขึ้น : “จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ฉันเคยเข้าร่วมการแข่งขันมาครั้งหนึ่ง คู่แข่งก็คือนักเรียนของอาจารย์ฟ่านนี่แหละค่ะ เก่งมากจริงๆ”
“จริงหรือ? ไม่คิดเลยนะครับว่าพวกคุณจะมีโชคชะตาต่อกันแบบนี้” ทางผู้จัดเอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น : “ถ้าหากได้ร่วมมือกัน จะต้องถือว่าเป็นการลงแรงน้อยแต่ได้ผลงานดีมากแน่ๆ”
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดออกมานั้น อาจารย์ฟ่านกำมือแน่นด้วยความตื่นเต้น กังวลว่าเธอจะพูดเรื่องราวก่อนหน้านี้ออกมา
หลังจากที่เสร็จสิ้นการแข่งขันในครั้งนั้น งานในนามของเธอจำนวนไม่น้อยก็ถูกผลักออกไป มีคนจำนวนน้อยมากที่จะมาหาเธอเพื่อให้ซ่อมแซมวัตถุโบราณให้
ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ถึงได้มาหาเวินหงไห่
แม้กระทั่งเพื่อที่จะให้ได้โอกาสนี้มา ยังยอมทิ้งผลประโยชน์ไปไม่น้อย ได้รับเพียงการปันผลกำไรอันน้อยนิดที่ดูน่าสงสารนั่น เพียงแค่หวังว่างานนี้จะสามารถทำให้อาชีพของตัวเองได้มีจุดหัวเลี้ยวหัวต่อบ้าง
แต่คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญมาเจอกับเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าเสียอย่างนั้น
ถ้าหากเธอพูดออกมาเพียงประโยคเดียว ตัวเองอาจจะเสียโอกาสในงานนี้ไปก็ได้
ได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดจบแล้วนั้น ก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเมื่อก่อนอีกเช่นกัน จึงอดที่จะรู้สึกโล่งใจไม่ได้ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมา แต่กลับยังคงไม่กล้ามองไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ดี
แต่กลับเอ่ยขึ้น : “เดิมทีผมรู้สึกชื่นชมคุณเวินอยู่แล้ว ได้มาทำงานด้วยกันจะต้องดียิ่งกว่าเดิมแน่ๆครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าตอนนี้อาจารย์ฟ่านจะยืนอยู่ทางฝั่งตัวเองแบบนี้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าตอนนี้คนที่อาจารย์ฟ่านกลัวมากที่สุดก็คือตัวเธอนั่นเอง
เวินหงไห่ได้ยินแล้วนั้น ก็จ้องมองเธอด้วยความไม่พอใจ
แต่อาจารย์ฟ่านกลับดูเหมือนกับว่าจะไม่เห็นสายตาของเขาอย่างไรอย่างนั้น จึงเอ่ยพูดกับทางผู้จัดต่อ : “ถ้าหากมีคนเพิ่มอีกสักคนสองคน ก็คงจะสามารถมีความคืบหน้าได้ราบรื่นยิ่งขึ้น”
ทางผู้จัดได้ยินแล้ว ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วเอ่ยพูดกับทั้งสองคน : “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นการประชุมครั้งนี้ ก็ให้พวกคุณทั้งสองคนรับผิดชอบหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมชี้แนะร่วมกัน มีอำนาจเท่าๆกัน เดี๋ยวอีกสองสามวันผมจะหาคนมาช่วยงานเป็นผู้ช่วยพวกคุณ หวังว่าการประชุมเอเชียแปซิฟิกจะจัดขึ้นได้อย่างราบรื่นนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้แฉการเล่นแง่นี้ของอาจารย์ฟ่านอีก