บทที่ 584 ความร่วมมือครั้งใหม่
ถึงแม้ว่าอาจารย์ฟ่านจะหยิ่งยโส ปกติแล้วจะเป็นคนที่จิตมีจิตใจคับแคบอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับด้านการซ่อมแซมโลหะแล้วนั้น นับว่ามีความโดดเด่นระดับกลางอยู่จริง
ส่วนคณะอาจารย์แห่งพิพิธภัณฑ์ตอนนี้ก็ใครก็ไม่ยอมที่จะออกหน้ามาเช่นกัน ดูแล้ว อาจารย์ฟ่านจะเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลยจริงๆ
คิดเช่นนี้แล้ว เธอจึงพยักหน้าลง
“แน่นอนค่ะ ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว อาจารย์ฟ่านเองก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจเช่นกัน รอยยิ้มบนใบหน้านั้นจริงใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“คุณมอบหมายให้พวกเราเถอะครับ จะไม่เกิดข้อผิดพลาดอย่างเด็ดขาด”
เวินหงไห่กลับไม่พอใจเท่าไรนัก
ตอนแรกที่เขาดึงอาจารย์ฟ่านมานั้น ก็ต้องการจะให้เธอกล้ามาเป็นฝ่ายปฏิบัติในครั้งนี้ ให้เป็นการเปิดทางให้กับรายการของตระกูลเวิน แม้กระทั่งสามารถที่จะหักค่าเปอร์เซ็นต์ได้ด้วย
แต่ตอนนี้มีเวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่มเข้ามา เรื่องนี้ก็คงจะไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว
ตอนแรกคุยกันไว้เป็นอย่างดี แต่ทำไมพอถึงตอนนี้ จู่ๆอาจารย์ฟ่านกลับมาเปลี่ยนความคิดแล้วไปยืนอยู่ทางฝั่งเดียวกับศัตรูเช่นนี้กัน?
เขาเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจในทันที : “เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นเพียงแค่คนใหม่ที่เพิ่งจะเข้าวงการนี้มาได้เพียงแค่สองปี จะนำมาพูดถึงพร้อมๆกันกับอาจารย์ฟ่านที่อยู่ในวงการนี้มาเป็นสิบๆปีแบบนี้ได้อย่างไรกันครับ? นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!”
จี้จิ่งเชินที่เมื่อครู่นี้ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรเลยนั้น เมื่อเวลานี้ได้ยินเวินหงไห่ที่ยังคงถกเถียงไม่เลิกนั้น ก่อความวุ่นวายเช่นนี้ จึงปรากฏสีหน้าไม่พอใจออกมา
“คุณชายรองของตระกูลเวิน ดูแล้วคุณคงจะไม่ได้ดูการแข่งขันครั้งก่อนหน้านี้สองสามเดือนที่แล้วใช่ไหมครับ? หรือว่าบางทีคุณควรจะกลับไปดูให้ละเอียดเสียหน่อยก็ดีนะครับ คุณก็จะเข้าใจ ว่าในการประชุมครั้งนี้ใครกันแน่ที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ที่ตรวจสอบได้จริงๆ”
ว่าแล้ว เขาก็มองไปทางอาจารย์ฟ่านที่อยู่ด้านข้าง
พูดถึงเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปด้วยความภูมิใจเป็นอย่างมาก
“ไม่กี่เดือนก่อน มีการขุดต้นทองสัมฤทธิ์ที่พิพิธภัณฑ์ซานซิงดวน เที๋ยนเที๋ยนได้มีส่วนร่วมทั้งกระบวนการบูรณะซ่อมแซม อีกทั้งยังซ่อมแซมเครื่องลายครามสำเร็จด้วยตัวเองเพียงลำพังอีกด้วย ทางด้านนี้ของเธอเองก็ได้รับการยกย่องจากอาจารย์หลายๆท่านจากพระราชวังแห่งชาติด้วยนะครับ”
ว่าแล้ว เขาก็หันไปมองทางฝ่ายผู้จัด พลางเอ่ยขึ้นมาอย่างมีหลักฐาน
“การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นก็เพื่อคนรุ่นใหม่และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอนาคต หากเทียบกับคุณสมบัติและประสบการณ์แล้ว ควรจะให้ความสำคัญในเรื่องความสามารถของคนๆหนึ่งมากกว่านะครับ”
เดิมทีอาจารย์ฟ่านคิดว่าตัวเองจะหนีพ้นแล้วเสียอีก ขณะที่กำลังรู้สึกพอใจอยู่นั้น จู่ๆกลับได้ยินจี้จิ่งเชินพูดแบบนี้ออกมา สีหน้าของเธอดูแย่ขึ้นมาทันใด
ถ้าหากทางฝ่ายผู้จัดไปดูการแข่งขันวันนั้นจริงๆล่ะก็ คุณสมบัติที่เขาจะได้เป็นฝ่ายตรวจสอบนั้นก็คงจะไร้ผลอย่างแน่นอน ทันใดนั้นเองจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เวินหงไห่ไม่ได้สนใจทางด้านนี้อยู่แล้ว เขาจึงไม่เคยดูการแข่งขันในครั้งนั้น และไม่ได้เข้าใจเลยเสียด้วยซ้ำว่าจี้จิ่งเชินกำลังพูดอะไรอยู่
ทางฝ่ายผู้จัดได้ยินแล้วนั้นกลับรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
“หรือครับ? แท้ที่จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”
เห็นสีหน้าของอาจารย์ฟ่านที่ยังคงดูแย่ขนาดนั้นแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงยิ้มขึ้นมาพลางอธิบายอย่างสั้นๆ : “ในการแข่งขัน สร้อยคอเส้นนั้นของนายพลสวี่ฉันเป็นคนทำเสร็จในระหว่างการแข่งขันเองค่ะ”
“จริงหรือครับ?”
ทางฝ่ายผู้จัดยิ่งรู้สึกเซอร์ไพรส์ยิ่งขึ้นไปอีก แล้วหันมาคุยรายละเอียดกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
ความสัมพันธ์ของเขากับนายพลสวี่นั้นไม่ได้รู้จักกันแบบผิวเผิน และก็เป็นเพราะเรื่องนี้เอง จึงทำให้ประทับใจในตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนมากขึ้น
แต่ตอนนี้ กลับรู้สึกเกิดความสงสัยว่าอาจารย์ฟ่านจะสามารถได้รับตำแหน่งหน้าที่หัวหน้าทีมตรวจสอบนี้ได้หรือเปล่า
เวินเที๋ยนเที๋ยวกล่าว : “อาจารย์ฟ่านเป็นผู้ที่มีฝีมือทางด้านการซ่อมแซมโลหะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศ ถ้าหากเขาเข้าร่วมด้วย จะต้องได้ผลที่คุ้มค่ามากอย่างแน่นอนค่ะ”
ประโยคสั้นๆหนึ่งประโยค ทำให้ทางฝ่ายผู้จัดพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“ในเมื่อแม้แต่คุณเวินก็แนะนำเช่นนี้แล้ว ครั้งนี้ ก็ให้พวกคุณทั้งสองคนรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมตรวจสอบร่วมกันก็แล้วกันนะครับ”
เวินหงไห่หยุดไปแล้ว แต่กลับยังคงไม่พอใจอยู่บ้าง
แต่เห็นท่าทางที่ดูมุ่งมั่นของทางผู้จัดแล้ว คำพูดที่อยากพูดออกมานั้นจึงทำได้เพียงต้องกลืนกลับลงไป ใบหน้าที่หมองลงนั้นดูแย่เป็นอย่างมาก
ถ้าหากเป็นที่อื่น คนอื่นๆล้วนจะต้องมองสีหน้าเขาแล้วทำตาม แต่ตอนนี้อำนาจของทางผู้จัดก็มีสูงกว่าอยู่แล้ว ล้วนแต่เป็นคนอื่นจะต้องคอยมองสีหน้าของเขา โดยที่เขาไม่ต้องคอยมองสีหน้าคนอื่นเลย
เขาไม่ได้สนใจความไม่พอใจนี้ของเวินหงไห่เลยด้วยซ้ำ หลังจากที่พูดคุยกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วนั้น ก็เดินไปอีกทางหนึ่ง
เวินหงไห่ยิ่งรู้สึกโมโห และไม่ยินดีเท่าไรนัก
มองเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้า กัดฟันพลางเอ่ยขึ้น : “เวินเที๋ยนเที๋ยน อย่าคิดว่าเธอเข้ามาในทีมตรวจสอบแล้วจะสามารถทำอะไรก็ได้นะ นั่นไม่ใช่ตำแหน่งที่เธอจะอยู่ ไม่เกินสามวัน ฉันจะทำให้เธอหล่นลงมาให้ได้!”
ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้รู้สึกกังวล แต่กลับเอ่ยพูดขึ้นมา : “คนที่คิดหาทางลัดจากการใช้เส้นสายจากตำแหน่งนี้ คงจะเป็นคุณมากกว่ามั้งคะ? ในเมื่อฉันรับงานนี้แล้ว จะไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเด็ดขาด แน่นอนว่าฉันเองก็จะไม่ยอมให้คนอื่นทำเรื่องพวกนั้นด้วยเช่นกัน ถ้าหากคุณวางแผนแบบนี้เอาไว้ล่ะก็ คงต้องเสียใจด้วยนะคะ ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
ความคิดที่อยู่ในใจของเวินหงไห่นั้นถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนเปิดโปงออกมาหมด แล้วกำหมัดแน่น
“อย่างนั้นหรือ? แท้ที่จริงแล้วใครเก่งกว่า? ถึงตอนนั้นเดี๋ยวก็รู้เอง”
พูดจบแล้วนั้น เขาก็หันกลับจะเดินไป แล้วหันหน้ากลับมาอีกครั้ง แล้วพูดขู่ : “แล้วก็กลับไปบอกผู้หญิงคนนั้นด้วยนะ ว่าฉันจะต้องไปเอาลูกกลับมาแน่ๆ อีกทั้งบอกเธอว่าอย่าได้คิดเรื่องหย่าเลย ในเมื่อแต่งงานเข้ามายังตระกูลเวินแล้ว ก็จะต้องเป็นคนของตระกูลเวินไปตลอดชีวิต ถึงตายก็หนีไม่พ้นหรอก”
เขากัดฟันเอ่ยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ร้ายกาจ ชี้ไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วถึงได้เดินจากไปในที่สุด
รอหลังจากที่เขาเดินจากไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
ดูแล้วสิ่งที่ตัวเองกับเหยาเย้นคาดเดาไว้นั้นจะถูกต้องแล้ว เป็นไปได้อย่างมากที่ตระกูลหลวนจะถูกเวินหงไห่กลั่นแกล้ง ถึงได้ยืนอยู่ทางฝั่งเขา
ขณะที่กำลังรู้สึกกังวลอยู่นั้น ก็คิดถึงเรื่องความร่วมมือในการประชุมครั้งนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
ตำแหน่งหัวหน้าทีมตรวจสอบนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเหนือความคาดหมาย แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็เป็นเหมือนดาบสองคม มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ถ้าหากไม่ระวังแล้วทำผิดพลาดขึ้นมา อาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดคิดขึ้นได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มีโอกาสเช่นนี้ สำหรับเวินเที๋ยนเที๋ยนหรือจี้จิ่งเชินนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องที่ดีทั้งสิ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธเลย
กว่าจะส่งทั้งสองคนนั้นไป ไม่นานจี้จิ่งเชินก็พบกับกลุ่มคนที่ทำงานด้วยกัน ปฏิเสธไม่ได้จึงพูดคุยกันเรื่องการร่วมมือกันในช่วงนี้ของพวกเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนฟังอยู่ข้างๆสักพักนึ่ง รู้สึกงุนงงไม่เข้าใจ จึงหาข้ออ้างขอตัวไปห้องน้ำ
ออกมาจากห้องโถงจัดงานแล้ว แล้วเดินผ่านไปตรงทางเดินกลาง จึงถึงห้องน้ำที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งของสวนดอกไม้
เดิมทีจี้จิ่งเชินอยากจะไปเป็นเพื่อนเธอ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นทั้งสองคนกำลังรออยู่ จึงปฏิเสธข้อเสนอของเขา แล้วเดินมายังด้านนอกเอง
เวลานี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าเริ่มเย็นลง และในสวนนั้นก็มีอากาศที่หนาวเย็นอยู่บ้าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะเข้ามาด้านใน กลับได้ยินเสียงว่ามีคนเดินเข้ามาจากทางด้านนอก ราวกับกำลังเติมเครื่องสำอางอยู่ แล้วพูดคุยกันเสียงเบา
ถ้าหากจะบอกว่าห้องที่ไว้สำหรับดื่มชากาแฟนั้นเป็นสถานที่รวมตัวพวกคนที่ชอบซุบซิบนินทา ถ้าเช่นนั้นแล้วในงานเลี้ยง ห้องน้ำหญิงก็เป็นที่ซ่อนบุคคลที่มีความสามารถทางด้านนี้เอาไว้เช่นกัน
ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้นั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับได้ยินชื่อตัวเองออกมาจากปากพวกเขา
“เมื่อกี้นี้คนที่เดินเข้ามากับจี้จิ่งเชินนี่เวินเที๋ยนเที๋ยนหรือเปล่าน่ะ?”
“จะไม่ใช่เธอรึไงล่ะ? งานเลี้ยงดีๆแต่แต่งตัวราวกับหลุดออกมาจากหนังผีอย่างไรอย่างนั้น ขาวไปทั้งตัว เห็นแล้วทำให้กินอะไรไม่ลงจริงๆ”
“อา ไม่รู้เหมือนกันว่าจี้จิ่งเชินชอบเธอที่ตรงไหนน่ะ?”
“เธอคงไม่รู้สินะ? เธอเป็นทายาทของตระกูลเวินกับตระกูลหล่อนเชียวนะ ในเมืองหลวงนี่ใครจะกล้าหาเรื่องเธอกัน? แต่งงานกับเธอ อย่าว่าแต่จะต้องต่อสู้ดิ้นรนน้อยลงเลย ชาตินี้ก็ไม่ต้องดิ้นรนอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“อย่างนั้นหรือ? แต่ฉันเห็นว่าจี้จิ่งเชินไม่ใช่คนแบบนั้นนี่…..คงจะไม่ใช่ว่าถูกจับจุดอ่อนอะไรได้หรอกนะ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าจะเอาดอกไม้ไปปักเอาไว้บนกองขี้วัวแบบนั้นจะต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่เหมาะสมแบบนี้”