บทที่ 610 น้ำหนักของครอบครัว
“ ขอโทษค่ะ ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้น
พอเวินหงหยู้ได้ยินคำนี้ เขาก็หันมามองเธอทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปากนิดหน่อย หลังจากนั้นก็พูดต่อ: “ หนูเอาแต่ใจเกินไป จนไม่ได้คำนึงถึงพวกคุณ รอให้คุณนายหล่อนฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วหนูจะรับการจัดการของบริษัทค่ะ ”
แต่ไม่คิดว่าเวินหงหยู้จะส่ายหน้าอีกครั้ง
“ เที๋ยนเที๋ยน เราไม่ได้อยากให้บริษัทมาผูกมัดเธอนะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับมือจี้จิ่งเชินไว้แน่น หลังจากนั้นก็พูดอย่างกล้าหาญ: “ ครอบครัวมักจะมีน้ำหนักอยู่แล้ว ไม่ใช่หรอคะ? ”
ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความแน่วแน่
ครอบครัว นี่เป็นคำที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่ในช่วงเวลานี้มันกลับค่อยๆปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอ
ครอบครัวที่เชื่อมด้วยสายเลือดเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง?
มีน้ำหนัก และมีความอบอุ่น
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเงียบๆ คล้ายกับเขากำลังส่งพลังให้เธอด้วยวิธีนี้
และไม่มีใครเข้าใจความปรารถนาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนมีต่อครอบครัวไปมากกว่าเขาแล้ว
เพราะได้เข้าใกล้ จึงทำให้รู้สึกกลัว แต่กลับยิ่งปรารถนา ตอนที่ใกล้จะเอื้อมถึงแล้ว กลับรู้สึกกลัวขึ้นมา
อาการป่วยของคุณนายหล่อนทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดเรื่องนี้ได้ในที่สุด และทำให้เธอก้าวออกมาจากจุดที่สำคัญที่สุด
เวินหงหยู้มองดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน และเขาก็เห็นเงาของหล่อนหลีจากในดวงตาของเธออย่างเลือนราง
ผ่านไปสักพัก เขาถึงจะพยักหน้า
ทั้งสามคนรออยู่นอกห้องผ่าตัดมาห้าชั่วโมงเต็ม ในที่สุดก็เห็นไฟห้องผ่าตัดดับลง
ไม่นาน คุณนายหล่อนที่นอนอยู่บนเตียงก็ถูกเข็นออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเดินเข้าไปหา และเห็นเธอหลับตาแน่น สีหน้าขาวซีดกว่าเดิม ต่อให้กำลังนอนหลับก็ยังขมวดคิ้วนิดหน่อย
“ หมอคะ เป็นยังไงบ้างคะ? ”
หมอที่ทำการผ่าตัดดึงผ้าปิดปากลง หลังจากนั้นก็พูดขึ้น: “ โชคดีที่พามาส่งได้ทันเวลา ”
พูดเสร็จ เขาก็หันไปหาเวินหงหยู้ ขมวดคิ้ว และพูดตำหนิทันที
“ ก่อนหน้านี้เคยบอกแล้วไม่ใช่หรอ ว่าคุณนายหล่อนทำงานหนักไม่ได้อีกแล้ว? ทำไมพวกคุณถึงไม่ฟังล่ะ? ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ร่างกายของเธอจะเสื่อมโทรมลงทีละนิดนะ! ”
เป็นถึงทายาทคนเก่าของตระกูลเวิน เวินหงหยู้มีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดาในวงการธุรกิจ
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะออกมาจากตระกูลเวินแล้ว แต่ทั้งเมืองหลวง ก็มีแค่หมอตรงหน้าเท่านั้นที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ เวินหงหยู้ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร เขาทำเพียงขมวดคิ้ว และพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ เราสะเพร่าเองครับ ”
หมอถอนหายใจออกมานิดหน่อย หลังจากนั้นก็พูดขึ้น: “ ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว และจะส่งเธอไปที่ห้องพักผู้ป่วยก่อน เวลาต่อจากนี้ก็ต้องให้เธอผ่อนคลายลงบ้าง อย่าให้เหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้น…… ”
เขาพูดได้ครึ่งนึงก็ไม่ได้พูดต่อ แต่ทุกคนรู้ความหมายในประโยคนั้นดี
เวินหงหยู้ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ เขาก็รีบพยักหน้าทันที
“ ผมทราบแล้วครับ เราจะระวังให้ดีครับ ”
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้ เธอก็ยิ่งตำหนิตัวเอง
ถ้าตัวเองตอบรับคำขอร้องของคุณนายหล่อนตั้งแต่เนิ่นๆ และดูแลตระกูลหล่อนแทนเธอ บางทีมันก็อาจจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และเธอก็คงจะไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล
คล้ายกับจี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ข้างๆเดาความคิดในใจของเธอออก เขาจึงจับมือเธอเบาๆ
หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปพูดข้างหูเธอเสียงเบา: “ ไม่ใช่ความผิดของคุณ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นยกยิ้มมุมปาก และยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ
พอถามหมอเกี่ยวกับจุดที่ต้องระวังเสร็จแล้ว พวกเขาก็มาที่ด้านนอกห้องพักผู้ป่วยของคุณนายหล่อน พวกเขามองคนที่กำลังนอนอยู่ด้านในผ่านทางกระจกใส
คุณนายหล่อนยังคงนอนหลับไม่ได้สติ พอมองคนที่กำลังนอนอยู่ตอนนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งแน่ใจกับการตัดสินใจของตัวเอง
ขณะนี้ ฉวีผิงที่ได้ยินข่าวก็ได้รีบตามมาที่นี่ทันที
“ คุณนายหล่อนเป็นยังไงบ้างครับ? ”
เขามองเข้าไปด้านในอย่างรีบร้อน
“ พ้นขีดอันตรายแล้ว เวลาต่อจากนี้ก็ห้ามให้เธอเหนื่อยเกินไปแล้ว ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้น
ได้ยินดังนั้น ฉวีผิวก็โล่งใจขึ้นทันที
พอมองสภาพการณ์ของคุณนายหล่อนเสร็จแล้ว เขาก็หันไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ คุณผู้หญิงครับ เมื่อสักครู่ ตอนที่ผมเข้ามา มีคนต้องการพบคุณครับ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองเขาอย่างตั้งคำถามทันที
ฉวีผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และเขาก็ได้ประเมินการใช้คำนิดหน่อย
“ เหมือนจะเป็นอาจารย์ฟ่านที่เคยมีปัญหากับคุณเมื่อครั้งก่อนนะครับ ”
พอได้ยินชื่อนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“ เธอมาหาหนูทำไม? ”
พ่อบ้านส่ายหน้าไปมา
“ ไม่แน่ใจครับ ตอนเข้ามาก็ได้ยินเธอกำลังสอบถามพยาบาลเกี่ยวกับที่อยู่ของคุณ ”
อาจารย์ฟ่านมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเวิน พอคิดถึงความสัมพันธ์นี้ ฉวีผิงจึงจำเป็นต้องระมัดระวังนิดหน่อย
เขาพูดต่อ: “ แต่ผมให้พยาบาลขัดขวางเธอแล้วครับ คุณต้องการให้ไล่เธอกลับไปไหมครับ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนครุ่นคิดอยู่สักครู่
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอาจารย์ฟ่านมาหาเธอที่นี่ทำไม แต่ในเมื่อมาหาถึงที่โรงพยาบาล ก็คงจะต้องมีเรื่องสำคัญอะไรอย่างแน่นอน
“ ไม่ต้องค่ะ หนูจะออกไปพบเธอ ”
“ คุณผู้หญิง…… ” ฉวีผิงขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย
ในความคิดของเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนจิตใจดีเกินไป แถมยังไร้เดียงสาอีกต่างหาก ถึงได้ถูกคนของตระกูลเวินรังแกได้ง่ายๆ
ตอนนี้คุณนายหล่อนยังคงนอนหลับไม่ได้สติอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่พ่อบ้าน แต่เขาก็ถือว่าคนของตระกูลหล่อนเปรียบเสมือนญาติของตัวเองจึงได้ดูแลเวินเที๋ยนเที๋ยนแทนคุณนายหล่อน
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ว่าเขาเป็นห่วง เธอจึงพูดขึ้น: “ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อีกอย่าง นี่เป็นโรงพยาบาลของตระกูลหล่อน พวกเขาไม่กล้าลงไม้ลงมือหรอกค่ะ ”
พูดเสร็จ เธอก็หันไปมองจี้จิ่งเชินอีกครั้ง
เธอรู้ว่าเขาก็ไม่วางใจเหมือนกัน เธอจึงพูดขึ้น: “ นายช่วยฉันดูคุณนายหล่อนหน่อย ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้รีบแจ้งฉันทันทีเลยนะ ”
ระหว่างคิ้วของจี้จิ่งเชินเกิดเป็นรอยย่นเล็กๆนิดหน่อย ไม่นานก็คลายออก หลังจากนั้นเขาก็พยักหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบก้าวเท้าไปทางด้านนอก จนกระทั่งเดินมาถึงห้องโถงใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า เธอก็เห็นว่าอาจารย์ฟ่านกำลังเถียงกับพยาบาลที่แผนกต้องรับอยู่จริงๆ
คล้ายกับได้รับคำสั่งของฉวีผิง พวกพยาบาลจึงปิดบังที่อยู่ของคุณนายหล่อน และให้อาจารย์ฟ่านรีบกลับไปอย่างรวดเร็ว
แต่เธอไม่ยอมกลับ และยังคงต้องการจะพบเวินเที๋ยนเที๋ยนให้ได้
“ คุณฟ่านคะ คุณเวินไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลจริงๆนะคะ เชิญคุณไปหาที่อื่นเถอะค่ะ ” บนใบหน้าของพยาบาลมีรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบตามมาตรฐานประดับอยู่ และได้พูดกล่อมเธอไปด้วย
อาจารย์ฟ่านพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ: “ จะเป็นไปได้ยังไง? ก็ฉันเห็นกับตาว่าเธอเข้ามาที่นี่ ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องบอกเธอ คุณรีบไปแจ้งให้เธอออกมาเร็วๆสิ หรือบอกฉันว่าเธออยู่ที่ไหนก็ได้ ฉันจะไปหาเธอเอง”
พยาบาลจะบอกเธอได้ยังไงล่ะ? พวกเธอทำเพียงยิ้มอย่างลำบากใจ และพูดคำเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนมาถึง สีหน้าของอาจารย์ฟ่านก็ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ เธอจึงเดินเข้าไปหา
“ อาจารย์ฟ่านคะ ”
พอเธอพูดขึ้น ทั้งสองคนที่กำลังเถียงกันไปมาก็ได้หันมาทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือให้พยาบาลคนนั้นนิดหน่อย รอจนเธอเดินออกไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงจะพูดกับอาจารย์ฟ่าน: “ ขอโทษค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ”
อาจารย์ฟ่านเพิ่งเถียงกับพยาบาลคนนั้นมา สีหน้าของเธอจึงยังไม่ดีขึ้น แต่พอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน เธอก็กดความไม่พอใจที่อยู่ในใจลงอย่างฝืนๆ
เธอเงียบไปสักครู่ และตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่แน่ใจว่าเธอจะตอบไหม
เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่: “ ก่อนหน้านี้……ขอบคุณคุณด้วยนะ ”
คำพูดอย่างกะทันหันทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งไม่เข้าใจ เธอจึงมองอาจารย์ฟ่านอย่างสงสัย
อาจารย์ฟ่านขมวดคิ้วนิดหน่อย หลังจากนั้นก็พูดต่อ: “ ฉันถามหมอแล้ว เขาบอกว่าถ้าเมื่อวานไม่ได้คุณดูแลลูกสาวของฉันไว้ อาการป่วยของเธอก็อาจจะแย่ลง ฉันโทษคุณผิดไปแล้ว ขอโทษด้วย ”