ที่ 613 นี่คือหน้าที่และความรับผิดชอบของฉัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งอายเข้าไปใหญ่และรีบหยิบของ แล้วลากจี้จิ่งเชินออกไปข้างนอก
“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ไปตอนนี้เลยเถอะ”
พอพูดจบ ก็รีบเดินออกไปโดยไม่สนสายตาที่หยอกล้อตามหลังพวกนั้น
จี้จิ่งเชินซึ่งถูกเธอลากออกมาด้านนอกก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองมือของทั้งสองที่กุมกันอยู่แล้วอมยิ้มน้อยๆ
พอเดินไปถึงรถสีหน้าที่แดงก่ำของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ค่อยๆ จางลง
จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า: “รู้สึกชินกับการอยู่บริษัทแล้วรึยัง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ชินแล้วสิ ก็เหมือนกับเมื่อก่อนนั่นแหละ พอพวกเราไปถึงก็มีพนักงานหลายคนส่งของมาให้ด้วย”
แค่ได้ยินจี้จิ่งเชินก็รู้เท่าทันกลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ของพนักงานพวกนี้ทันที แต่เขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา
แล้วบอกแค่ว่า: “ฉันขอคำแนะนำจากโรงพยาบาลแล้ว คุณนายหล่อนป่วยเป็นการอักเสบกระจาย ซึ่งเป็นผลมาจากอาการของโรคเก่าที่ไม่ได้รักษาให้หายขาดจนทำให้อาการแย่ลง ถ้าหากเหนื่อยเกินไปก็จะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ จนถึงขั้นช็อกได้ นี่เป็นโรคชนิดหนึ่งที่จำเป็นต้องได้รับการพักรักษาตัวอย่างสงบ”
เมื่อคุยเรื่องที่เกี่ยวกับคุณนายหล่อน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขมวดคิ้วและมีท่าทางที่จริงจังขึ้นมา
อาการป่วยของคุณนายหล่อนรุนแรงขนาดนี้…
พอจี้จิ่งเชินพูดจบก็ยังถามต่ออีกว่า: “เธอเตรียมตัวพร้อมรึยัง? จะเริ่มทำงานที่บริษัทจี้ซือกรุ้ปเมื่อไหร่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมาแล้วตอบอย่างจริงจัง: “ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
เธออยากจะปกป้องและรักษาความสุขที่คุณนายหล่อนรอคอยมากว่ายี่สิบปีนี้
เพราะพวกเขาได้รับความลำบากมามากพอแล้ว
เมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนแน่ใจดีแล้ว จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยเตือน: “ในเมื่อเธอคิดดีแล้ว การจัดการบริษัทไม่เหมือนกับทีมชี้แนะหรอกนะ พอถึงตอนนั้นพวกเขาอาจจะสร้างความลำบากให้เธอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเตรียมใจไว้นานแล้วและสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ฉันรู้”
พอเห็นเธอมีท่าทางที่เคร่งขรึมแบบนี้ จู่ๆ จี้จิ่งเชินก็หัวเราะขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วง เรื่องจัดการบริษัทฉันจะค่อยๆ สอนเธอเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกดีใจขึ้นมาเรื่อยๆ ตามมาด้วยความรู้สึกที่ว่าทำไมประโยคนี้ฟังดูแปลกๆ
จู่ๆ ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา ในใจก็อดคิดถึงประโยคที่จี้จิ่งเชินเพิ่งพูดก่อนหน้านี้ว่า ‘การทำงานกับการพักผ่อนควรให้สมดุลกัน’ แม้แต่การใช้คำแนะนำของเขาในการแข่งขันก็ยังเก็บค่าลิขสิทธิ์เลย
จึงอดหันไปมองจี้จิ่งเชินอย่างระมัดระวังไม่ได้
รอยยิ้มในดวงตาของจี้จิ่งเชินก็ยิ่งล้ำลึกขึ้นเมื่อได้เห็นความกังวลในสายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ทำไม? มีอะไรแปลกเหรอ?”
ถึงแม้ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนจะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่พอเห็นเขาใจกว้างอย่างนี้ ก็ได้แต่ส่ายหัวเบาๆ
หรือว่าเธอกลัวไปเอง?
โดนงูกัดไปแค่ครั้งเดียวก็เลยเข็ดแล้ว?
ในขณะที่คิดอยู่ เธอก็ไปมองด้านหน้าแทน
จึงทำให้พลาดโอกาสพอดี เพราะในตอนนี้ใบหน้าของจี้จิ่งเชินแสดงท่าทีที่เจ้าเล่ห์ออกมาแล้ว
สุดท้ายเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงไร้เดียงสาอยู่วันยังค่ำ ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกแล้วว่าตัวเขาคิดค่าตอบแทนแพงมาก
เพียงแต่เขาไม่ได้ถือสา ยิ่งช่วยเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งเพิ่มความประทับใจมากขึ้นเท่านั้น
จากนี้ไปพวกเขายังมีเวลาให้พูดคุยกันอีกเยอะ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่รู้เลยว่าจี้จิ่งเชินกำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้ จากนั้นก็เริ่มกังวลเรื่องคุณนายหล่อนขึ้นมาแล้ว
ทั้งสองได้มาถึงที่โรงพยาบาลแล้ว
หลังจากที่คุณนายหล่อนมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เวินหงหยู้ก็คอยอยู่ดูแลเธอที่โรงพยาบาลมาโดยตลอด
ไม่เพียงแต่เขา หลายๆ คนในตระกูลหล่อนต่างก็มาเยี่ยมเยือน จึงมีพ่อบ้านและแม่ครัวมารายงานทุกวัน
ในตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาในห้อง ก็เห็นว่าทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยดอกไม้สดและของเยี่ยมไข้ต่างๆ มากมาย ส่วนของขวัญที่ส่งมาบ้างก็มาจากพนักงาน บ้างก็มาจากผู้นำของบริษัทต่างๆ ที่ร่วมงานกับตระกูลหล่อน
หลังจากที่ได้พักผ่อนหนึ่งวันเต็ม ดูเหมือนสีหน้าของคุณนายหล่อนจะดีขึ้นบ้างแล้ว
ในตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา เธอกำลังหัวเราะกับเวินหงหยู้
เมื่อเห็นเธอเข้ามา ก็ได้โบกมือให้ด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างมากขึ้นไปอีก
“เที๋ยนเที๋ยน เธอมาแล้ว รีบมาช่วยฉันเกลี้ยกล่อมหงหยู้เร็ว เขาไม่ให้ฉันลงจากเตียงเลยตั้งแต่เมื่อวาน นั่นช่างมันเถอะ แต่นี่แม้แต่นั่งเขาก็ไม่ให้ฉันนั่ง จะให้ฉันนอนอย่างเดียว แล้วอย่างนี้ฉันจะกินอะไรได้อย่างไรล่ะ?”
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินอย่างนี้เธอก็มองไปที่โต๊ะทั้งสองฝั่งของเตียง แล้วก็เห็นกาน้ำซุปที่เพิ่งจะส่งมา
ส่วนในมือของเวินหงหยู้ก็ยังมีชามเล็กๆ ที่สวยงามกับช้อนอยู่ ดูเหมือนว่าจะป้อนให้คุณนายหล่อน
เพียงแต่คุณนายหล่อนไม่ยอมนอนรอให้คนปรนนิบัติแบบนี้และเธอต้องการที่จะลุกขึ้นนั่ง
ทั้งสองถกเถียงกันได้ไม่นานนัก เธอก็เข้ามา คุณนายหล่อนจึงบ่นให้เธอฟัง
หลังจากผ่านเรื่องครั้งนั้นไป เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ สองวัน ความสัมพันธ์ระหว่างเวินเที๋ยนเที๋ยนกับคุณนายหล่อนก็ยิ่งพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ความแปลกหน้าและระยะห่างก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ เลือนหายไป
ถึงจะบอกว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกกัน แต่ความเป็นจริงแล้วกลับเหมือนเพื่อนกันมากกว่า
เวินที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคุณนายหล่อนบ่น แล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า: “คุณหมอบอกว่าทางที่ดีตอนนี้ควรนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงนะคะ”
ส่วนเวินหงหยู้ก็ยิ้มทันทีที่เห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ฝั่งตัวเอง
“หล่อนหลี นอนลงดีๆ เถอะนะ ฉันได้กำชับหมอและพยาบาลไว้แล้ว คุณยังทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นจนกว่าอาการจะดีขึ้น”
เขายกช้อนขึ้นป้อนหล่อนหลีทันทีที่พูดจบ
ตอนแรกหล่อนหลีอยากจะปฏิเสธ แต่พอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกับเวินหงหยู้อยู่ฝั่งเดียวกัน ก็ทำได้เพียงถอนหายใจและดื่มเข้าไปอย่างว่าง่าย
ความอ่อนโยนภายในดวงตาของเวินหงหยู้แทบจะล้นปริ่มออกมา
“ดูท่าฉันพูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ ต้องเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดสิถึงจะได้ผลที่สุด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกเขินอายจนหน้าเริ่มแดงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดหยอกล้อนี้
แต่พอนึกถึงจุดประสงค์ที่เธอมาในวันนี้ได้ จึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า: “ฉันถามคุณหมอแล้ว ตอนนี้คุณก็พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเถอะ ส่วนเรื่องบริษัทหล่อนซื่อ ฉันจะไปจัดการเอง”
พอได้ยินเธอเอ่ยปากขึ้นมาแบบนี้ คุณนายหล่อนจึงหันมามองด้วยสีหน้าที่ลำบากใจเล็กน้อย
“เที๋ยนเที๋ยน พวกเราต่างรู้กันดีว่าเธอไม่ชอบเรื่องการดูแลบริษัท สิ่งที่เธอชอบและถนัดมากที่สุดก็คือการบูรณะวัตถุโบราณ เธอทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายกับเรื่องนี้มาก พวกเราจะให้เธอละทิ้งอุดมการณ์เพราะเหตุผลของตัวเองไม่ได้เด็ดขาด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าเพราะคิดดีแล้ว
“เมื่อฉันเริ่มดูแลบริษัทนั่นหมายความว่าฉันยอมละทิ้งอุดมการณ์ของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะที่ฉันเป็นคนตระกูลหล่อน นี่คือหน้าที่และความรับผิดชอบของฉัน ไม่ใช่การบีบบังคับ”
แต่คุณนายหล่อนก็ยังคงรู้สึกลังเลใจ
ทว่าพอได้เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนตัดสินใจดีแล้ว จึงขบคิดสักพัก แต่แล้วสุดท้ายก็พยักหน้า
พร้อมเอ่ย: “ในบริษัทยังมีพนักงานเก่าจำนวนไม่น้อยที่อยู่ฝั่งของพวกเรา พอเธอไปถึงบริษัท พวกเขาจะสอนเธอเองว่าต้องทำอย่างไร ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจก็มาถามฉันได้ทุกเมื่อ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“ทราบแล้ว คุณไม่ต้องกังวลไป”
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือให้คุณนายหล่อนพักรักษาตัวให้ดีและรีบฟื้นตัวให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องบริษัท เวินเที๋ยนเที๋ยนได้เตรียมการไว้หมดแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินอยู่ที่โรงพยาบาลต่อสักพัก เมื่อมั่นใจดีแล้วว่าอาการของคุณนายหล่อนดีขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายถึงได้กลับไปอย่างสบายใจ