บทที่ 619 แกะน้อยที่เลี้ยงมากับมือ
จี้จิ่งเชินเงยหน้าขึ้นมา เขาดูออกถึงความกังวลใจของเวินเที๋ยนเที๋ยน
แล้วพูดว่า: “เธอกังวลว่าเหยียนเจิ้งจะพูดโกหก?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยอีกว่า: “วางใจเถอะ ก่อนหน้านี้ฉันเคยส่งคนไปตรวจสอบข้อมูลของเหยียนเจิ้งแล้วและมันก็ตรงตามที่เขาพูด ดูเหมือนว่าจะอยากจัดการกับตระกูลเวินจริงๆ เพียงแต่ไม่เคยมีข้อมูลรั่วไหลมากก่อนเท่านั้น”
พอเห็นว่าจี้จิ่งเชินกล้ารับประกัน เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงหายกังวลใจ
เธอมองข้อมูลในมือเขาแล้วบอก: “อย่างนั้นพวกเรารีบเอาข้อมูลพวกนี้ส่งให้ถึงมือคุณตำรวจเหยียนเถอะ”
จี้จิ่งเชินเก็บรวบรวมเอกสารขึ้นมาใหม่แล้วคิดไตร่ตรองดูสักพัก
“ฉันจะให้คนติดต่อเหยียนเจิ้ง”
เอกสารในมือเหล่านี้สำคัญมาก มิน่าล่ะอาจารย์ฟ่านถึงได้รอบคอบขนาดนี้และจำเป็นต้องรอให้ไปถึงต่างประเทศก่อนถึงจะส่งเอกสารกลับมาได้
เชื่อว่าถ้าความลับนี้ถูกเปิดเผยน่ะก็ จะต้องดังไปทั่วประเทศแน่ แล้วตระกูลเวินก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
เพราะฉะนั้นต้องรอบคอบ
วันต่อมา
จี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไปพบเหยียนเจิ้ง เพื่อนำข้อมูลที่เพิ่งได้มามอบให้เขา
สถานที่นี้อยู่ลับสายตาคนมากไม่มีทางที่จะถูกคนพบเห็น แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังดูจริงจังมาก
เหยียนเจิ้งไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของการพบกันมาก่อน พอเห็นทั้งคู่มีท่าทางที่ระมัดระวังตัวเลยรู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้าง
“นี่อะไร?”
แต่หลังจากที่เขาเปิดอ่านจดหมายในมือ แล้วรีบกวาดสายตามองแวบหนึ่ง สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมตอนเจอหน้ากันครั้งนี้ทั้งคู่ถึงได้ระวังตัวอย่างนี้!
ถึงแม้เขาจะมีสีหน้าที่จริงจัง แต่แววตากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
แล้วพลิกอ่านอย่างรวดเร็วโดยไม่กล้าอ่านอย่างละเอียด เพราะกลัวจะถูกคนพบเห็น จากนั้นก็รีบเก็บจดหมายกลับไปในซองใหม่อีกครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่ตื่นเต้นของตนเองได้
จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วสงบสติอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตนเอง
“พวกคุณได้ของสิ่งนี้มาจากไหน? เชื่อถือได้หรือเปล่า?”
ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนเคยรับปากคุณนายหล่อน แล้วว่าจะไม่เปิดเผยตัวตนของเธอให้คนอื่น
เธอจึงไม่ตอบและบอกแค่ว่า: “เชื่อถือได้ คุณแค่บอกฉันมาว่า ข้อมูลฉบับนี้ใช้ได้หรือเปล่า?”
“ใช้ได้! ใช้ได้แน่นอน!” เหยียนเจิ้งตอบด้วยความตื่นเต้น
เพื่อตรวจสอบตระกูลเวิน ทีมสืบสวนของพวกเขาได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจและเวลาไปมากแค่ไหน!
ก่อนหน้าที่ประชุมธุรกิจเอเชียแปซิฟิกจะจบลง เหยียนเจิ้งก็เคยติดต่อกับเวินเที๋ยนเที๋ยนและสอบถามเธอว่าได้รับหลักฐานอะไรเกี่ยวกับเวินฉี่บ้างหรือไม่
แต่ตอนนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับให้คำตอบในเชิงปฏิเสธกับเขา
เหยียนเจิ้งก็ยังคิดเลยว่าการกระทำทั้งหมดของทีมสืบสวนคงจะพังพินาศแล้ว เมื่อเห็นว่าเวินฉี่นั้นใกล้จะเกษียณแต่ก็ยังหาหลักฐานไม่พอที่จะควบคุมตัวเขาได้
คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะกลับตาลปัตร จู่ๆ ข้อมูลก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตเขา ยังช่วยทุกคนอีกด้วย
เมื่อได้ยินเหยียนเจิ้งยืนยันคำตอบ สิ่งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนหนักใจมาโดยตลอดก็ได้คลายลงไป
“พวกคุณวางแผนจะทำอย่างไร?”
พอเหยียนเจิ้งได้ยินก็รู้สึกลังเลขึ้นมา
“ต้องขออภัย นี่เป็นแผนการภายในทีมสืบสวนของเรา ยังจะต้องตรวจสอบก่อนว่าเอกสารนี้เป็นจริงหรือเท็จ จากนั้นถึงจะเริ่มวางแผนได้ พวกเราจึงไม่สามารถบอกคุณได้ แต่สิ่งที่ผมสามารถยืนยันได้ก็คือ พวกเราจะพยายามใช้ข้อมูลนี้อย่างเต็มที่ คุณวางใจเถอะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หันไปมองจี้จิ่งเชินแวบหนึ่ง
“หวังว่าจะมีประโยชน์กับพวกคุณ”
พอสิ้นเสียง แต่คนก็ต่างแยกย้าย ไม่มีใครอยู่ต่อ
เมื่อไปถึงปราสาท เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รออย่างไม่สบายใจอยู่หลายวัน แต่กลับไม่มีข่าวคราวจากเหยียนเจิ้งเลย ส่วนตระกูลเวินก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงเริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นมา
หรือว่าเอกสารนั่นจะมีปัญหา?
หรือจะบอกว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นกลางคัน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกสับสนวุ่นวายใจและยิ่งไม่สบายใจไปอีก
จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยว่า: “เนื้อหาในข้อมูลฉบับนั้นมันน่าตกใจเกินไป ถึงจะเป็นทีมสืบสวนก็ตามยังต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบความถูกต้อง เพราะถ้าพลาดโอกาสนี้ไปล่ะก็ คงไม่มีครั้งหน้าแล้ว เธอวางใจเถอะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงทำใจให้สงบใหม่อีกครั้ง แต่จากนั้นไม่นาน เธอก็ยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นแล้ว
ส่วนเรื่องขั้นตอนที่จะรับช่วงต่อกิจการตระกูลหล่อนก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง
อีกไม่กี่วันเวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะต้องเริ่มเข้าทำงานในบริษัทหล่อนซื่อ
แม้ว่าเธอจะเคยทำงานในบริษัทภายใต้คำแนะนำของคุณนายหล่อนมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนั้นแตกต่างจากตอนนี้
ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดในบริษัท จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ทำให้พนักงานคนอื่นๆ ไม่พอใจ
ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลหล่อนยังเป็นกิจการแบบครอบครัว กล่าวได้ว่าผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของบริษัทหล่อนซื่อล้วนประกอบด้วยคนจากตระกูลหล่อนและมีสิทธิ์ที่จะคัดค้านการรับช่วงต่อของตระกูลหล่อนเป็นอย่างมาก
หล่อนหลีได้ทำงานที่บริษัทมาเป็นระยะเวลายาวนานถึงยี่สิบปีนับตั้งแต่เริ่มแรก ทุกคนต่างประจักษ์ในความสามารถของเธอ เธอถึงได้กลายเป็นผู้นำของตระกูลหล่อนได้อย่างราบรื่น
แต่พอมาตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับได้รับช่วงต่อบริษัททั้งหมดโดยที่ยังไม่ได้รับการฝึกฝนใดๆ แล้วกลายเป็นผู้นำเพียงคนเดียว จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นขี้ปากชาวบ้านและดึงดูดความไม่พอใจ
สิ่งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องเจอไม่ได้มีแค่งานทั้งหมดของผู้นำบริษัท แต่ยังมีความไม่พอใจของพนักงานคนอื่นๆ ต่อการที่เธอเข้ามาดำรงตำแหน่งประธาน
ในวันที่เริ่มทำงานวันแรก จี้จิ่งเชินเสนอตัวจะไปบริษัทเป็นเพื่อนเธอ แต่กลับถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนปฏิเสธไป
เธอต้องรับช่วงต่อบริษัทเวินซื่อกรุ้ป และยังต้องเป็นผู้นำของบริษัท
ถ้าครั้งแรกจี้จิ่งเชินช่วยเธอ แล้วครั้งต่อๆ ไปอีกนับไม่ถ้วนล่ะ?
จี้จิ่งเชินไม่มีทางที่จะช่วยเธอได้ทันทุกครั้งหรอก แล้วถ้าเป็นแบบนั้น พนักงานพวกนั้นอาจจะยอมรับเธอแค่เปลือกนอก แต่ลับหลังเธอคงไม่เป็นแบบนั้นแน่
หลังจากที่ปฏิเสธจี้จิ่งเชินไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หันหลังเดินเข้าบริษัทหล่อนซื่อไป
“เที๋ยนเที๋ยน!”
เพิ่งจะเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว จู่ๆ จี้จิ่งเชินที่อยู่ด้านหลังก็ตะโกนเรียกเธอ
“ทำไมเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมาพร้อมเอ่ย
ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินลงจากรถและเดินมาอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่
ในขณะที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังหันมา เขาไม่พูดอะไรแล้วใช้มือโอบรอบเอวเธอและโน้มตัวไปข้างหน้าและจูบที่ริมฝีปากของเธอ
แล้วจูบอย่างอ้อยอิ่ง
เป็นเวลานานกว่า ในที่สุดเขาจะผละออก
ริมฝีปากแดงที่เปิดออกของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นสูดอากาศเข้าไปอย่างรีบร้อน ใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย
แต่ว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของบริษัทหล่อนซื่อ ถ้าถูกคนอื่นเห็นเข้าคงจะแย่แน่
เธอรีบมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครถึงได้วางใจ
“เข้าไปเถอะ ฉันจะยืนดูเธออยู่ตรงนี้” จี้จิ่งเชินเอ่ยเบาๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ
พอมองหน้าเธอแล้ว จู่ๆ จี้จิ่งเชินก็รู้สึกลังเลขึ้นมา
ถึงแม้จะรู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนต้องเดินเส้นทางนี้ตั้งแต่เริ่มจนจบและเธอก็กำลังเติบโต
แต่พอเห็นเขาต้องส่งกระต่ายขาวที่ตนเองเลี้ยงดูมาอย่างยากลำบากให้เข้าไปในรังหมาป่า จะอย่างไรก็ยังรู้สึกไม่วางใจอยู่ดี
เขาจ้องมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่สักพัก จนในที่สุดก็ปล่อยมือ
“ฉันไปก่อนนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาแวบหนึ่ง ดวงตาที่เป็นประกายแวววาวช่างน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ
เธอเดินไปแค่ไม่กี่ก้าว พอหันกลับมามองก็เห็นว่าจี้จิ่งเชินยังยืนอยู่ที่เดิม จึงยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าและก้าวเข้าไปในลิฟต์
เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง จี้จิ่งเชินที่กำลังยืนอยู่ที่เดิมก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและเผยท่าทางที่ดูมีอำนาจออกมา
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย รูม่านตาส่อแววดุร้ายขึ้น
ถึงแม้จะบอกว่าเขาเป็นคนส่งกระต่ายน้อยที่เลี้ยงดูมาอย่างยากลำบากเข้าไปในรังหมาป่าด้วยตัวเองก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากระต่ายน้อยของเขาจะถูกคนอื่นรังแกได้
ถ้าเขารู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นอะไรแม้แต่นิดล่ะก็ เขาจะไม่ปล่อยคนในบริษัทไปแม้แต่คนเดียว