เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่ 621 ภาพยนตร์ต้อนรับปีใหม่

บทที่ 621 ภาพยนตร์ต้อนรับปีใหม่

บทที่ 621 ภาพยนตร์ต้อนรับปีใหม่

เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรู้สึกสงสัยกับสิ่งนี้ ดูท่าทางเหมือนจะรู้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่ยอมง่ายๆขนาดนั้น

แต่ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามอยู่นิ่งๆ เธอก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ได้แต่รอดูสถานการณ์ ถึงตอนนั้นค่อยแก้ปัญหาละกัน

เธอคิดไปด้วย แล้วก็เงยหน้ามองดูผู้จัดการหยาง

“ช่วงนี้บริษัทมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

ผู้จัดการหยางพยักหน้า จากนั้นถึงนึกขึ้นได้ รีบยื่นเอกสารที่อยู่ในมือให้

“คุณกลับมาได้ทันเวลาพอดีเลย สองวันนี้บริษัทกำลังเตรียมสร้างหนังเรื่องหนึ่ง กำลังจะสรุปโปรเจคอยู่พอดี”

เวินเที๋ยนเที๋ยนรับเอกสารมาเปิดดู ธุรกิจที่อยู่ภายใต้บริษัทหล่อนก็คือบริษัทหวนฉิว

ตอนนี้ใกล้จะถึงสิ้นปีแล้ว ถึงเวลาต้องเริ่มเตรียมสร้างหนังต้อนรับปีใหม่แล้ว

ยิ่งกว่านั้นคือหนังเรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันออกสู่ตลาดต่างประเทศ พยายามชิงรางวัลต่างๆในวงการภาพยนตร์ ซึ่งมันเกี่ยวเนื่องไปจนถึงงานครึ่งปีหลังของบริษัทหล่อน จำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

“ผู้จัดละครและผู้กำกับการแสดงได้คัดเลือกเสร็จเรียบร้อยหรือยัง?”

ผู้จัดการหยางพยักหน้า

“ก่อนที่ท่านจะมาได้ประชุมเรียบร้อยแล้วครับ คุณเหลียงจี้อาน ผู้จัดการเหลียงเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ส่วนผู้กำกับการแสดงและนักแสดงก็เลือกคนไว้แล้วครับ”

เหลียงจี้อานชื่อนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกเหมือนจะคุ้นๆหู

ผู้จัดการหยางยังเตือนอีกว่า: “ผู้จัดการเหลียงท่านนี้พูดแล้วก็เป็นญาติของท่านด้วยนะครับ”

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงนึกขึ้นได้

ช่วงเวลาที่ผ่านมาช่วงหนึ่ง เธอเคยกลับไปตระกูลหล่อนเป็นเพื่อนคุณนายหล่อนหนึ่งครั้ง เคยเห็นญาติหลายๆท่านที่ทำงานอยู่ในบริษัทของตระกูลหล่อน

เหลียงจี้อานผู้นี้ก็คือลูกเขยของญาติคนในตระกูลหล่อน จากนั้นก็ได้ไปทำงานตำแหน่งหนึ่งในบริษัทตระกูลหล่อน

สิ่งที่ควรที่จะต้องพูดถึงคือ พ่อตาของเขาก็คือคนที่เคยบุกเข้าไปห้องทำงานของท่านประธานบริษัทนั่นเอง ยังเป็นผู้ที่ชอบต่อว่าเธอ ในขณะเดียวกันเขายังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทที่ถือหุ้นส่วนมากที่สุดอีกด้วย

ถึงแม้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้จักคนๆนี้ แต่ไม่รู้เกี่ยวกับความสามารถของเขาเท่าไหร่นัก จึงสั่งการว่า: “เดี๋ยวคุณเชิญเขาขึ้นมาหน่อยนะและเอาผลงานล่าสุดทั้งหมดของเขามาด้วย”

“ครับ คุณเวิน”

พูดจบ ผู้จัดการหยางพยักหน้าและหันหลังเดินออกไป

เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าเปิดดูเอกสารที่อยู่ในมือ หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องทำงานก็มีคนเคาะประตู

“เข้ามา”

ประตูเปิดออก มีผู้ชายที่ดูเหมือนอายุราวๆสามสิบต้นๆเดินเข้ามา ใส่แว่นตาและใบหน้ายิ้มแย้ม มองดูแล้วมีความอ่อนโยน

เขาก้มโค้งคำนับเล็กน้อย เดินเข้ามาอย่างเจ้าเล่ห์

“ผู้จัดการเวิน คุณหาผมมีอะไรหรือครับ?”

เวินเที๋ยนเที๋ยนวางเอกสารที่อยู่ในมือลง พูดอย่างตรงไปตรงมา: “ภาพยนตร์เรื่องนี้คุณเป็นผู้อำนวยการ ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว มีอะไรก้าวหน้าไหม?”

เหลียงจี้อานฟังแล้ว สะบัดๆตรงหน้าอก

“ไม่มีปัญหา งานนี้อยู่ในมือผม พูดได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ผมต้องสามารถทำให้สำเร็จได้อย่างสวยงามแน่นอน คุณวางใจเถอะครับ! งานด้านนี้ยังเป็นสิ่งที่ผมถนัดมากที่สุด อีกทั้งยัง……”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดจบ เขาก็พูดขึ้นมาไม่หยุด สีหน้าท่าทางร้อนใจ ยังทำท่าทำทาง ดูแล้วรู้สึกภาคภูมิใจกับความสามารถของตนเองมาก

แต่ว่า ไม่พูดถึงเรื่องงานนี้และความก้าวหน้าของงานเลยสักนิดเดียว

เวินเที๋ยนเที๋ยนทนไม่ไหวจนขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นและแทรกคำพูดขึ้นมาตักเตือนเขา: “ไม่ต้องบอกฉันเรื่องพวกนี้ แค่บอกฉัน ตอนนี้เตรียมงานเดินหน้าไปถึงไหนแล้วก็พอ”

คนนั้นจึงหยุดทำท่าทำทาง แล้วก็หัวเราะเล็กน้อย เปลี่ยนกลับมาอยู่ในท่าก้มเอวลงเล็กน้อย

“ภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเราเพิ่งจะรับมา ยังต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย ส่วนงานอื่นๆก็ยังกำลังเตรียมการ ทางต่างประเทศก็ยังกำลังติดต่ออยู่ คงจะได้รับข่าวคราวในเร็วๆนี้ คุณวางใจเถอะครับ โปรเจคนี้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!”

เขาพูดได้อย่างแน่วแน่มาก แต่ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนฟังไปฟังมา พอฟังออกว่าในนั้นมันยังมีปัญหา

“นั่นก็คือ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้คุณไม่ได้ทำอะไรเลย?”

ความคิดในใจของตนเองได้ถูกเธอพูดถูกจุดอย่างรวดเร็ว เสียงของเหลียงจี้อานก็รีบหยุดลงทันที มือที่ยังทำท่าทางอยู่นั้นค้างอยู่กลางอากาศ

หาข้ออ้างให้ตนเองต่างๆนาๆ: “เพิ่งจะมาได้หนึ่งอาทิตย์ งานก็ก้าวหน้าได้ช้าจริง แต่ว่าพวกนี้มันไม่ใช่ปัญหา……”

เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเขาอีก

“ฉันดูแผนงานที่วางไว้ก่อนหน้านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องทำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนสิ้นปี ในวันนี้เวลาก็ผ่านไปเกือบครึ่งแล้ว คุณยังไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากนี้คุณจะทำยังไงให้งานสำเร็จภายในเวลาที่กำหนด?”

“อันนี้……”

เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นอีก: “คุณวางใจเถอะครับ ผมต้องมีวิธีแน่นอน”

“สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่คำรับประกันของคุณ แต่เป็นประสิทธิภาพในการทำงานของคุณ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดแทรกเข้ามา แล้วจ้องมองดูคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

รูปร่างผอม มือท้าวเอวไว้ ยิ้มแย้มด้วยหน้าตาที่เจ้าเล่ห์ ไม่รู้ว่าจะมีความสามารถเป็นผู้จัดการได้จริงๆหรือเปล่า

แต่พอนึกถึงว่าเขาเป็นญาติห่างๆของตระกูลหล่อนและความสัมพันธ์ของคณะกรรมการ จึงเข้าใจทันที

ความคิดนี้ได้ผ่านเข้ามาในสมองวาบหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนทนไม่ไว้จนต้องถอนหายใจในใจ

ผู้จัดการเหลียงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ยังกำลังแสดงความสามารถของตนเองอย่างมั่นใจ แต่ว่าตนเองได้ทำอะไรบ้าง? มีผลงานดีเด่นอะไรก็พูดไม่ออกสักคำ บางอย่างก็แค่พูดเปล่าๆเท่านั้น

เวินเที๋ยนเที๋ยนขี้เกียจฟังเขาพูดอีกต่อไป กำลังคิดอยู่ว่าควรจะมอบงานโปรเจคใหญ่ขนาดนี้ให้เขาทำจริงๆหรือ

เธอยกมือขึ้นมา ขัดคำพูดของผู้จัดการเหลียง

“พอแล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ ภายในสามวันต้องรายงานผลงานที่แท้จริงให้ฉัน”

เหลียงจี้อานยิ้มๆดีใจ เหมือนหลุดพ้นไปได้สักระยะหนึ่ง

“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา คุณวางใจเถอะครับ”

เขาพูดไปด้วยและถอยหลังออกจากห้องทำงานด้วย ท่าทางมีมารยาทอ่อนน้อมถ่อมตัวมาก

แต่ว่าพอออกจากประตูแล้ว สีหน้าบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นหน้าที่น่ารังเกียจทันที

ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่แสดงต่อหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนเมื่อสักครู่นี้หายไปจนหมดสิ้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ เหลือบไปมองประตูห้องประธานบริษัท ในลำคอยังเบ่งเสียงฮึ่มใส่

“คิดว่าตนเองเป็นท่านประธานจริงๆเหรอ? เด็กกะโปโลจะไปรู้อะไร?”

พูดจบ เขาเงยหน้ายืดอก มือไขว้หลัง ลงจากชั้นบนสุดไปชั้นล่าง

ผ่านไปสองวัน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังไม่ได้รับรายงานใดๆเลย เร่งตามไปหลายรอบ อีกฝ่ายก็จะคอยหาข้ออ้างตลอดเวลา

ไม่ทันไรก็ผ่านไปครึ่งสัปดาห์โดยไม่รู้ตัว โปรเจคใหญ่ขนาดนี้ไม่มีผลงานอะไรคืบหน้าเลย

เธออดใจไม่ไหวที่ต้องกังวล ครั้งนี้ไม่รอให้เหลียงจี้อานขึ้นมา เธอไปถึงห้องทำงานของแผนกของเขาโดยตรง

พอเข้าประตูไป ก็เห็นพนักงานหลายคนกำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน อยู่ไกลๆก็ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเขาแล้ว ไม่ใช่กำลังทำงาน

เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วและเดินเข้าไป

“ผู้จัดการเหลียงอยู่ไหน?”

ได้ยินเสียงนั้นแล้ว ทุกคนหันหน้าไปดู

เห็นเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่ทุกคนกลับไม่รู้สึกตื่นตกใจเลยสักนิด ต่างพากันจ้องหน้ามองตากัน แล้วชี้ไปทางห้องสำนักงานของเขา แล้วก็หันกลับไปพูดคุยกันต่อ

เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งเดินไปได้แค่สองก้าวและหันกลับมามองดูคนพวกนั้นอีกครั้ง

มองดูรอบๆแล้ว ในแผนกมีพนักงานแปดคน กลับไม่มีใครคนไหนที่กำลังตั้งใจทำงานเลย

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท