บทที่ 645 คุณผู้ชายของเราเขิน
จี้จิ่งเชินมองเธอด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึก น้ำเสียงเย็นชาเข้ากระดูก
“เพราะตัวเองลงมือเองไม่ได้ ก็เลยให้ลูกสาวมาก่อกวนอย่างนั้นหรือ? หล่อนเจี้ยนกั๋วนี่พยายามทุกวิถีทางจริงๆเลยสินะ กลับไปบอกเขาด้วย ถ้าหากเรื่องยุ่งยากนั้นมันน้อยไปล่ะก็ ผมไม่ถือนะที่จะช่วยเขาหาให้ได้มากกว่านี้”
ได้ยินแล้ว หล่อนเจียนีก็เบิกตาขึ้นด้วยความตกตะลึง
มิน่าล่ะ!
ที่แท้เรื่องทั้งหมดนั้นจี้จิ่งเชินเป็นคนทำนี่เอง!
เธอมองจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้าด้วยความแปลกใจ แต่การกระทำต่อมาของอีกฝ่ายนั้นกลับทำให้ไฟความอิจฉาในใจของเธอนั้นลุกขึ้นมาในทันที!
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดไปพลาง แล้วยกมือขึ้นโอบเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยน ทั้งสองคนยืนข้างกันอย่างแนบชิด
จี้จิ่งเชินที่เมื่อครู่นี้ที่ทำเย็นชาต่อเธอนั้น เวลานี้สายตาที่มองเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับอ่อนโยนอย่างหาสิ่งใดมาเทียบไม่ได้เลย
ถ้าหากคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นตัวเอง…..
หล่อนเจียนียิ่งโมโหมากขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนมีสิทธิ์อะไรกันถึงได้หาผู้ชายแบบจี้จิ่งเชินได้?
เธอกัดฟันมองด้วยความแค้น ในใจนั้นมีแต่ความรู้สึกไม่ยอม
ทั้งสองคนพูดกันเสียงเบาๆ ผ่านไปสักพักหนึ่ง จึงหันมากลับพบว่าหล่อนเจียนียังคงนั่งอยู่ตรงที่เดิม แววตาเย็นชาขึ้นมาในทันที
“คุณอยากจะอยู่ที่นี่ไปถึงเมื่อไหร่?”
เห็นว่าจี้จิ่งเชินเอาแต่สนใจเวินเที๋ยนเที๋ยน หล่อนเจียนีถึงได้ลุกขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก
เธอมองสองคนนั้น และยังคงรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
“เวินเที๋ยนเที๋ยน ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
“พรุ่งนี้ฉันก็จะยังมาอีก คอยดูแล้วกัน!”
พูดจบแล้ว เธอก็มองจี้จิ่งเชินอีกครั้งแล้วถึงได้จากไปในที่สุด
รอจนเธอไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้หันมามองยังจี้จิ่งเชิน
“พี่มาได้อย่างไรคะ?”
“งานจบแล้ว ก็เลยมาดูความคืบหน้าของการถ่ายทำของพวกคุณหน่อยน่ะครับ”
ว่าแล้ว จี้จิ่งเชินก็หันไปโบกมือให้กับบอร์ดี้การ์ดและพ่อบ้านที่อยู่ทางด้านหลัง พวกเขาได้รับคำสั่งแล้วจึงกลับขึ้นไปบนรถอีกครั้งหนึ่ง
ไม่นาน ก็พากันขนของลงมาจากรถ
พ่อบ้านยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “นี่เป็นของปลอบใจที่คุณผู้ชายเอามาให้กับกองถ่ายโดยเฉพาะเลยครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไปพักหนึ่ง ไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินจะทำเรื่องแบบนี้เป็น
ราวกับว่าจี้จิ่งเชินเดาได้ถึงความคิดของเธอ จึงยิ้มออกมา
“ถึงแม้ว่าผมจะไม่แคร์ แต่ภรรยาของผมก็อยู่กับพวกเขามาเป็นเวลานานขนาดนี้แล้ว เพื่อไม่ให้เที๋ยนเที๋ยนถูกกลั่นแกล้ง ก็จะต้องใช้ของพวกนี้มาให้พวกเขาบ้างอยู่แล้ว”
เขาเอ่ยพูดถึงจุดประสงค์ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“เอาของเข้าไปข้างในก่อนก็ได้ค่ะ ตอนนี้ยังไม่ได้ทานข้าวกัน พอดีเลยพวกเขาจะได้เติมพลังกันด้วย”
บรรดาบอร์ดี้การ์ดร่วมกันขนของบนรถเข้าไป รวมๆแล้วมีเป็นสิบกว่าลัง
ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง อากาศก็ยังคงร้อนอยู่มาก
จากที่เพิ่งจะไล่หล่อนเจียนีออกไปแล้วนั้น ในที่สุดคนในกองถ่ายก็ได้ฟื้นเข้าสู่การถ่ายทำกันใหม่อีกครั้ง
ขณะที่กำลังยุ่งๆกันอยู่นั้น เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเข้ามาแล้ว และข้างๆเธอนั้นยังมีจี้จิ่งเชินมาด้วยอีกคน
ยังไม่รอให้ทุกคนมีปฏิกิริยาตอบกลับมานั้น ก็เห็นบรรดาบอร์ดี้การ์ดเดินมาจากทางด้านนอกอีก ในมือนั้นถือของห่อเล็กห่อใหญ่มากมาย และยังแบกกล่องลังมาอีกด้วย
พ่อบ้านเดินไปยังด้านหน้าของทุกคน พลางส่งเสียงขึ้น
“ทุกคนครับ นี่เป็นอาหารและของขวัญที่คุณจี้ซื้อมาให้กับพวกคุณทุกคนโดยเฉพาะ มีกันทุกครบทุกคนนะครับ”
“ทุกคนต่างก็เหนื่อยกับการถ่ายทำกันมาแล้ว มาพักกันก่อนเถอะครับ”
ทุกคนได้ยินแล้ว ก็มีสีหน้าที่ประหลาดใจ ต่างพากันมองไปทางจี้จิ่งเชิน
ไม่คิดว่าเพียงแค่เข้าใกล้อย่างที่คิดไว้ แล้วจะทำให้จี้จิ่งเชินที่สามารถตรึงผู้คนได้ จะเอาของขวัญมาให้พวกเขาเองแบบนี้
ถึงแม้จะรู้ว่าเห็นแก่หน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ตาม แต่เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ทุกคนก็ยังไม่อยากที่จะเชื่ออยู่ดี
บางคนขยี้ตา บางคนก็แคะหูตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง
พ่อบ้านเข้าใจปฏิกิริยาตอบกลับเหล่านี้ของทุกคนดี จึงช่วยกระตุ้นทุกคนอย่างยิ้มแย้ม
“รีบมากันเถอะครับ ของเยอะมาก ถ้าหากไม่พอ บนรถก็ยังมีอีก”
เขาเอ่ยกระตุ้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นว่าทุกคนยังไม่ขยับ เพียงมองหยั่งเชิงไปยังจี้จิ่งเชินเท่านั้น
จี้จิ่งเชินราวกับคาดเดากับความกังวลของคนเหล่านั้นได้ จึงพยักหน้าลงเล็กน้อย เพื่อบ่งบอกว่าสิ่งที่พ่อบ้านพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง
ทุกคนถึงได้รู้สึกโล่งใจ
พ่อบ้านเปิดกล่องลังเหล่านั้นออกมาอย่างยิ้มแย้ม แล้วหยิบอาหารว่างและของขวัญออกมา ยัดใส่ในมือของผู้ช่วยที่อยู่ทางด้านข้าง
“ทุกคนชอบอะไรก็หยิบได้เลยนะครับ”
เห็นว่ามือคนลงมือแล้ว คนอื่นๆถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองบ้าง พากันทยอยเดินไปเลือกหยิบของด้านใน
ไม่นาน ในกองถ่ายนั้นก็ครึกครื้นขึ้นมา
พ่อบ้านเดินไปเดินมาด้วยความดีใจ เห็นว่าในมือใครไม่มีของ ก็จะหยิบส่งของให้ ต้องการให้ทุกคนในกองถ่ายนั้นได้รับรู้ถึงความเอาใจใส่นี้ของจี้จิ่งเชิน
ส่งของไปพลาง แล้วเอ่ยพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มไปพลาง
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่คุณผู้ชายของเราให้ของขวัญกับพนักงาน ทุกคนไม่ต้องเกรงใจกันนะ”
“คุณผู้ชายเกรงใจที่จะออกปากขึ้นเอง เพียงแค่ต้องการให้พวกเราออกมาพูดกัน ขอให้ทุกๆคนช่วยดูแลคุณเวินของพวกเราด้วยนะครับ”
“อย่าให้คุณเวินต้องเจอกับความไม่เป็นธรรม ถ้าหากมีเรื่องอะไรก็สามารถบอกพวกเราได้เลย มีเรื่องลำบากก็จะได้สามารถช่วยเหลือกันได้”
ทางทีมงานตรงหน้าเหล่านี้รู้สึกมาโดยตลอดว่าจี้จิ่งเชินนั้นอยู่ไกล สูงเสียจนไม่สามารถไปแตะต้องได้
แต่จากคำพูดของพ่อบ้านนี้นั้นทำให้ทุกคนค่อยๆเปลี่ยนความคิดที่มีต่อจี้จิ่งเชินไป
และเมื่อหันกลับไปมองที่ผ่านมานั้น รู้สึกว่าระยะห่างของจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้ากับพวกเขานั้นใกล้กันขึ้นมามากแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้ทางทีมงานช่วยกันดูแลเวินเที๋ยนเที๋ยน และยิ่งเป็นเรื่องของการดึงเอาเรื่องอื้อฉาวในช่วงก่อนหน้านี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยนมาพูดกันอีกมากมายอย่างไม่ไว้หน้า
ส่วนช่วงเวลาที่ยาวนานต่อมานั้น ทุกๆครั้งที่จี้จิ่งเชินมายังกองถ่าย ก็จะรู้สึกถึงสายตาแปลกๆมองมายังตัวเอง
แม้กระทั่งรู้สึกถึงว่ามีคนแอบหัวเราะเขาลับหลังเสียด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้เลยว่าแท้ที่จริงแล้วพ่อบ้านเป็นคนบงการทุกอย่างนั่นเอง
เนื่องจากของที่จี้จิ่งเชินเอามานั้น ทำให้บรรยากาศของกองถ่ายนั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น หมินอันเกอก็เดินมาจากอีกทางหนึ่งเข้าพอดี
เมื่อเขาปรากฏตัวนั้น อาการที่แสดงออกบนใบหน้าของทุกคนล้วนแต่รู้สึกแปลกประหลาดด้วยกันทั้งนั้น
ตอนแรกที่รู้ว่าหมินอันเกอจะมาเป็นนักแสดงนำภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกคนต่างก็พากันสงสัย
หมินอันเกอไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ทุกคนล้วนคิดว่าเขาจะออกจากวงการบันเทิงไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเวลานี้จู่ๆกลับมาร่วมงานแสดงกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแบบนี้
ตอนแรก พวกเขาคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นเพราะคำสั่งของกรรมการหล่อน จึงหากนักแสดงคนอื่นไม่ได้ จึงจำต้องเลือกหมินอันเกอมาแทน
แต่จากที่พวกเขาเห็น ตอนนี้หลังจากที่หมินอันเกอผ่านข่าวอื้อฉาวในช่วงก่อนหน้านี้มาแล้ว ก็ได้สูญเสียแฟนคลับทั้งหมดไป และไม่มีการเรียกร้องจากบ็อกซ์ออฟฟิศแล้วด้วยเช่นกัน
ไม่มีบ็อกซ์ออฟฟิศ แน่นอนว่าไม่สามารถที่จะชนะได้อยู่แล้ว
ความคิดของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน แต่เมื่อได้มาเผชิญหน้ากับหมินอันเกอแล้ว กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก
ไม่นาน การแสดงของหมินอันเกอที่อยู่ในกองถ่ายนั้น ทำให้ทุกคนค่อยๆเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขา
เมื่อก่อนตอนที่เห็นหมินอันเกอ รอบๆกายเขามีออร่าของการเป็นดาราและแฟนคลับมากมายที่คอยติดตามเขา สายตาของทุกๆคนจดจ้องเพียงแค่ความงดงามทางรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเพียงเท่านั้น
จนกระทั่งได้มาร่วมงานกันในช่วงนี้ พวกเขาถึงได้พบว่า แท้ที่จริงแล้วทักษะการแสดงของเขานั้นไม่เลวเลย แม้กระทั่งสามารถพูดได้ว่าทำให้คนตกตะลึงได้เลยเสียด้วยซ้ำ