บทที่ 659 ไกลสุดขอบฟ้า ใกล้อยู่ตรงหน้า
คนในกองถ่ายได้ยินดังนั้นแล้ว ต่างก็แปลกใจและไม่เข้าใจ นอกรอบเมืองหลวงยังมีสถานที่ถ่ายทำเช่นนี้ด้วย
เพราะพวกเขาเองยังไม่เคยได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับที่นี่มาก่อน
แต่คำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยนสาบานว่าเชื่อใจได้ ได้แต่รีบๆเดินทางมา
เก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนยังตื่นเต้นดีใจไม่หาย สีหน้าแดงๆเล็กน้อย
หันหน้าเข้าหาจี้จิ่งเชินและพูดว่า: “ตอนนี้รอแค่พวกเขาย้ายอุปกรณ์การถ่ายทำมาเท่านั้น ก็สามารถเริ่มงานได้เลย”
พูดแล้วเธอมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น
ในขณะนั้น จี้จิ่งเชินจับมือเธอกะทันหัน
ทั้งสองคนออกจากปราสาทตั้งแต่เที่ยงและเดินทางมาถึงนี่ใช้เวลาไปไม่น้อย ตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นใกล้ค่ำแล้ว
พระอาทิตย์กำลังจะตกอยู่ขอบฟ้า ลมตอนเย็นๆก็พักขึ้นมา หนาวเย็นเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ๆและเอามือเวินเที๋ยนเที๋ยนใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ
ข้างในอบอุ่นมาก เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ
จี้จิ่งเชินเอ่ยปากบอก: “ผมพาคุณไปเดินดูรอบๆ”
หน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนแดงๆ เหลือบไปมองดูกระเป๋าของจี้จิ่งเชิน
ฝ่ามือของเขาใหญ่มาก สามารถกุมมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ทั้งมือ ใส่เข้าไปในกระเป๋า
ถึงแม้เป็นแค่ท่าทางง่ายๆ แต่ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอบอุ่นมาก
เธอพยักหน้าและเดินตามจี้จิ่งเชินเข้าไปด้านใน
ยิ่งเข้าไปด้านใน ก็จะเห็นสตูดิโอที่นี่กำลังก่อสร้างอยู่ ที่สร้างเสร็จก่อนก็จะเป็นกำแพงที่ดูยิ่งใหญ่อลังการด้านนอกและสิ่งก่อสร้างอื่นๆด้านหน้า
ถึงแม้ด้านหลังยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี แต่ส่วนนี้ก็สามารถรองรับงานถ่ายทำที่ต้องการของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้แล้ว
แต่เธอไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ตามเหตุผลแล้ว การก่อสร้างที่โครงการใหญ่ขนาดนี้ ถึงแม้จะลึกลับแค่ไหน ในเมืองหลวงก็ต้องมีข่าวคราวบ้าง
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนค้นหาข้อมูลมานานขนาดนี้ ไม่เห็นเจอข่าวเกี่ยวกับที่นี่เลยแม้แต่นิดเดียว
ยิ่งกว่านั้น สถานที่แบบนี้ที่มาของรายได้ส่วนมากก็มาจากกองถ่ายมาทำการถ่ายทำ ควรจะทำการโฆษณาให้มากๆถึงจะถูก แต่ที่นี่กลับทำตรงกันข้าม
หรือผู้จัดการที่นี่จะไม่เหมือนคนอื่นๆ? ไม่ชอบป่าวประกาศไปทั่ว?
เวินเที๋ยนเที๋ยนกุมมือจี้จิ่งเชินไว้และเดินไปด้วย จนเดินทั่วรอบๆสถานที่ถ่ายทำแล้ว
ฟ้ายังไม่มืดสนิท คนในกองถ่ายก็ถึงกันแล้ว
ตอนแรกทุกคนยังสงสัยกับคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยน พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองมานานนับสิบปี ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีสตูดิโอที่นี่
แต่พอมาเห็นกำแพงที่ดูยิ่งใหญ่อลังการที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ทุกคนต่างหายใจลึกๆ
พอเดินเข้ามา ก็เห็นจี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยน
พูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ: “คุณเวิน! ที่นี่เป็นสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ที่คุณหาได้จริงๆหรือครับ? พวกเราสามารถเช่าได้จริงๆเหรอครับ?”
กว่าที่พวกเขาจะหาสตูดิโอที่มีฉากหลังที่งดงามตรงตามที่ตั้งความหวังไว้ ไฟแห่งความหวังก็ถูกจุดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
นึกถึงพวกคณะกรรมการหล่อนอาจจะคอยมารังควานอยู่เบื้องหลัง ยิ่งรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที อดใจไม่ไหวที่จะถามให้มั่นใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้าไปมองจี้จิ่งเชิน แล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“ใช่ ผู้จัดการเจรจากับฉันเรียบร้อยแล้ว พวกเราสามารถเริ่มทำการถ่ายทำได้ทันที ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะออกมารังควานหรือขัดขวางอีก”
ได้ยินดังนั้น ทุกคนถึงรู้สึกวางใจและโล่งใจในที่สุด
“จริงๆเหรอครับ?”
“งั้นก็ดีจังเลย!”
พูดจบ พวกเขาก็ส่งเสียงให้คนอื่นๆนำอุปกรณ์ลงมา
ผู้กำกับเฉินชุนและนักแสดงทั้งหลายเห็นสถานที่ถ่ายทำที่นี่แล้ว หนึ่งคือตกตะลึงกับตนเองที่ไม่เคยรู้จักที่นี่มาก่อน สองคือเห็นกำแพงที่สวยงามนั่นเหมาะสมกับภาพในใจที่คาดหวังเอาไว้ ยิ่งรู้สึกดีใจไม่รู้จบ
ทันใดนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะลองถ่ายทำออกมาดูสักฉากสองฉาก เห็นว่าถ่ายออกมาแล้วสวยกว่าที่คาดไว้เสียอีก ยิ่งดีใจอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งกองถ่ายที่จิตใจห่อเหี่ยวได้หายไปทันทีและกลับมาสดใสมีกำลังใจอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบทำงานอย่างตั้งใจสุดๆ จี้จิ่งเชินมองดูอยู่ด้านข้าง จนงานทุกอย่างในวันนั้นได้ทำการแจกจ่ายงานเรียบร้อย สุดท้ายค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน
ภายใต้ความพยายามของพวกเขา การถ่ายทำคืบหน้าอย่างรวดเร็ว
เวลาเพียงสั้นๆ ก็สามารถทำได้ตามที่ตั้งเป้าไว้
เวลาผ่านไปสองอาทิตย์ ในตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกับทุกๆคนต่างพยายามทำงานด้วยความมุ่งมั่นและเตรียมจะปิดกล้องนั้น ไม่รู้หล่อนเจี้ยนกั๋วไปได้ข่าวมาจากไหน? ถึงได้รู้ว่าพวกเขาถ่ายทำอยู่ที่นี่ รีบบึ่งไปที่นั่นและบุกเข้าไปกลางกองถ่าย
เห็นความคืบหน้าการถ่ายทำของพวกเขาแล้ว ยังพูดคำขู่เอาไว้ว่า จะให้ผู้บริหารของสถานที่ไล่พวกเขาออกไป
ข่าวนี้ไปถึงหูเวินเที๋ยนเที๋ยน เธอตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ถึงมีจี้จิ่งเชินรับประกันว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ แต่พอคิดถึงก่อนหน้านั้น ทุกๆที่ต่างก็ปฏิเสธพวกเขา เธอรู้สึกกังวลมาก
พรุ่งนี้คงจะไม่เหมือนคราวก่อน ส่งคนมาไล่พวกเขาอีกครั้ง?
พวกเขารอจนผ่านไปหนึ่งวัน สองวัน สามวัน……
หนึ่งอาทิตย์เต็มๆผ่านไป ก็ยังไม่เห็นมีใครมาไล่พวกเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงค่อยๆวางใจ แต่ในใจก็ยังแปลกใจ
“ผู้บริหารของที่นี่ ตกลงคือใครกันแน่?”
ทำไมดูลึกลับจังเลย? หล่อนเจี้ยนกั๋วยังข่มขู่ไม่ได้
หลังจากที่รู้ว่าที่นี่ไม่ไม่มีทางไล่พวกเขาไปแน่นอนแล้ว ทุกคนในกองถ่ายต่างก็โล่งอก ยิ่งทำให้อยากรู้ว่าใครคือผู้บริหารที่นี่กันแน่
พ่อบ้านได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังแปลกใจอยู่นั้น หยุดชะงักอยู่กับที่
ผ่านไปสักพัก สุดท้ายก็ทนไม่ไหวที่จะเอ่ยปากพูด
“ผู้บริหารสถานที่ถ่ายทำนี้…..คุณเวิน คุณก็รู้จักนะครับ”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมาด้วยความไม่เข้าใจ
พ่อบ้านยิ้มๆและพูดต่อไปอีกว่า: “อีกอย่างไกลๆอยู่สุดขอบฟ้า ใกล้ๆอยู่แค่ตรงหน้านี้เอง”
หรือจะเป็นคนที่ตนเองรู้จักงั้นเหรอ?
แต่ในความทรงจำ เธอไม่เคยรู้จักคนไหนที่เป็นผู้บริหารสตูดิโอเลย ใครจะช่วยเหลือเธอล่ะ?
พ่อบ้านไอหนึ่งเสียงเบาๆ พูดเตือนอีกครั้ง: “ครั้งก่อนคุณผู้หญิงกลับมาจากสตูดิโอมีหน้าตาผิดหวังมาก ผมเป็นคนโทรไปหาคุณผู้ชาย ให้เขารีบกลับมา”
“วันนั้นผมส่งของไปชั้นบน ได้ยินคุณผู้ชายกำลังโทรศัพท์อยู่หน้าระเบียงห้อง ให้คนสร้างสตูดิโอขึ้นมาแห่งหนึ่ง”
ได้ยินดังนั้นแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนลืมตาโต
“นี่มัน…….เป็นไปได้ยังไงคะ?”
“นั่นมันสตูดิโอทั้งเมืองนะ! บอกว่าจะสร้างก็สร้างเลยหรือ? ยิ่งกว่านั้นคือ…..”
กำลังพูดอยู่พอดี เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกขึ้นได้ว่าช่วงนั้น จี้จิ่งเชินบอกเธอตลอดว่า ต้องมีวิธีแก้ปัญหาได้แน่นอน
แล้วสตูดิโอนั้นก็มองดูแล้วเพิ่งสร้างไม่นาน แม้กระทั่งประตูสงครามที่สร้างขึ้นมันเหมาะกับที่พวกเขาต้องการพอดี………..
สำหรับเจ้าของสตูดิโอ จี้จิ่งเชินไม่เคยพูดถึงเลย คนลึกลับคนนั้นก็ไม่เคยแสดงตัว จี้จิ่งเชินเป็นคนกลางติดต่อเองทั้งหมด
หรือว่าสตูดิโอนั่นจะเป็นจี้จิ่งเชินสร้างขึ้นมาจริงๆ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดใจไม่ไหวที่จะหายใจลึกๆหนึ่งครั้ง ในใจรู้สึกทั้งสะเทือนและตกตะลึงจนอธิบายไม่ถูก
ในเวลานี้ตอนนี้ทั้งหัวเหลือเพียงคำสุดท้ายคำเดียว
ช่วงก่อนเขาออกจากบ้านแต่เช้าและยังกลับมาดึกมาก วันก่อนก็พาเธอไปสตูดิโอที่นั่นอย่างกะทันหัน……
ทั้งหมดทั้งมวลสมเหตุสมผลหมดเลย!
ถ้าพ่อบ้านไม่ได้บอกเธอ จี้จิ่งเชินจะคอยสนับสนุนเธออยู่เบื้องหลังเงียบๆแบบนี้ใช่ไหม?