เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่ 696 ขาดหลักฐานชิ้นสำคัญไป

บทที่ 696 ขาดหลักฐานชิ้นสำคัญไป

บทที่ 696 ขาดหลักฐานชิ้นสำคัญไป

“เวินเที๋ยนเที๋ยน ผมขอเตือนคุณให้อยู่นิ่งๆ ไม่เช่นนี้คุณจะต้องเจอดีแน่ๆ”เวินหงไห่พูดด้วยน้ำเสียงดุด่า

เหยาเย้นยังคงไม่ละทิ้งความตั้งใจ เดินเข้าไปดึงเสื้อผ้าของเวินหงไห่

เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบลากตัวเธอกลับมา จากนั้นก็ส่ายหัวให้เธอ

เวินหมิงเฮ่าถูกพวกเขาเอาไปซ่อนไว้แล้ว ตอนนี้จะไปประชันหน้ากับพวกเขาด้วยวิธีรุนแรงก็คงจะไม่ได้

ซึ่งในขณะนี้ จี้จิ่งเชินก็ก้าวเท้าเดินมาด้านหน้าหนึ่งก้าว พลางเอ่ยปากพูดว่า“พนักงานในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าบอกว่าเคยเห็นคุณชายรองตระกูลเวินพาลูกน้องสองคนบุกเข้าไปลักพาตัวเด็กในการดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกเรา”

“ไม่ว่าอย่างไรในฐานะที่เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ พวกเราต่างหวังว่าจะได้เห็นเด็กปลอดภัยอยู่ดีมีสุข เรื่องนี้มันลามไปถึงด้านกฎหมายซะแล้วด้วย พวกคุณครูและผมเตรียมจะไปแจ้งความแล้ว”

เวินหงไห่กลอกตา พลางพูดว่า“ผมเคยไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอะไรนั่นของพวกคุณที่ไหน เชิญผมไปผมยังไม่ยินดีเลย ผมว่าพวกคุณกำลังจะกล่าวหาผมอยู่นะ!”

เขาชี้ไปยังเหยาเย้นพลางดุด่าขึ้นมา

“ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนี้พาหมิงเฮ่าไป ผมก็ไม่เคยได้เห็นลูกอีกเหรอ ผมยังอยากจะถามพวกคุณอยู่เลย”

“คุณพูดมั่ว!คุณพาตัวออกไปอยู่เห็นๆ เป็นเพราะคุณนั่นแหละ!”ทันใดนั้นเหยาเย้นก็กรี๊ดร้องขึ้นมา

เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเธอจะกระโจนเข้าไปอีกครั้ง จึงรีบดึงตัวเธอเอาไว้

แต่จี้จิ่งเชินกลับยิ้ม พลางพูดว่า“ในเมื่อสองท่านแน่ใจว่าเวินหมิงเฮ่าไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วจะให้พวกเราลองหาดูได้ไหม?ยังเป็นการพิสูจน์ตัวพวกคุณว่าบริสุทธิ์ได้อีกด้วยนะ”

เวินหงไห่หันหน้าไปสบตากับเวินฉี่แวบหนึ่ง จนเวินฉี่พยักหน้าถึงจะตอบตกลง

“ในเมื่อคุณจี้เอ่ยปากพูดแล้วก็ต้องได้แน่นอน เพียงแต่ถ้าพวกคุณหาคนไม่เจอก็ขอให้ออกไปแต่โดยดี วันหลังก็อย่าเอาตระกูลเวินไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการหายตัวไปของเวินหมิงเฮ่านะ และอย่าคิดที่จะมาหาที่บ้านตระกูลเวินอีก”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

พูดจบ จี้จิ่งเชินก็หันหน้าไปพยักหน้าให้เวินเที๋ยนเที๋ยนกับเหยาเย้น

ทั้งสองรีบเดินขึ้นตึกไปหาทีละห้อง

แต่หลังจากที่หาจนทั่วแล้วหนึ่งรอบก็ยังไม่เห็นเงาของเวินหมิงเฮ่าเลย

“เป็นไปได้ยังไง?พวกคุณครูเฉินบอกว่าหมิงเฮ่าถูกเวินหงไห่พาออกไป ต้องอยู่ในบ้านนี่แน่ๆ!”

เวินหงไห่หัวเราะเสียงดัง

“ผมเคยพูดไว้แล้วว่าคำพูดของใครบางคนมันเชื่อถือไม่ได้ ผมไม่เคยไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าสักหน่อย และไม่เคยเจอหน้าหมิงเฮ่าด้วย และทางกลับกันคุณแอบพาหมิงเฮ่าออกไปเอง จากนั้นก็ทำหายอีก ผมว่าคุณไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองทำลูกหายก็เลยมาโทษพวกผมอย่างนั้นสินะ?”

เหยาเย้นโกรธจนอยากกระโจนเข้าใส่ แต่ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนดึงไว้แน่น

บัดนี้เวินฉี่ได้เอ่ยปากพูดว่า“ในเมื่อพวกคุณหาจนทั่วหนึ่งรอบแล้ว ตอนนี้พวกคุณก็ออกไปได้แล้วมั้ง?”

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกไม่เต็มใจ ครูในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่มีทางพูดปดแน่นอน

ในเมื่อพวกคุณครูเห็นกับตาว่าเวินหงไห่นำลูกน้องอีกสองคนพาตัวเวินหมิงเฮ่าออกมา ถ้าเช่นนั้นเด็กต้องอยู่กับพวกเขาแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าถูกซ่อนตัวไว้ที่ไหนกันแน่?

แต่ว่าถึงจะอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่ได้ความคืบหน้าอะไรอยู่ดี

เวินเที๋ยนเที๋ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รีบสงบสติอารมณ์ของตน และดึงตัวเหยาเย้นไม่ให้ทำตัววู่วามอีกด้วย

กล่าวว่า“ทางที่ดีอย่าให้พวกเรารู้ว่าหมิงเฮ่าอยู่กับพวกคุณ ไม่เช่นนั้น……”

เวินฉี่ที่อยู่ด้านหลังพอได้ยินคำนี้ พูดแทรกเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า“ทำไมพูดจาอย่างนี้กับผู้ใหญ่?เป็นคนรุ่นหลังแต่กลับไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าหล่อนหลีสอนเธอมายังไงกันแน่”

เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว

“คุณนายหล่อนสอนให้ฉันเคารพผู้อื่น แต่อีกฝ่ายต้องคุ้มค่าที่จะให้ฉันเคารพด้วย”

ได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเวินฉี่ก็แย่ถึงขีดสุด

เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้สนใจเขา แต่พาเหยาเย้นเดินหันหลังจากไป

จี้จิ่งเชินเดินออกไปทีหลัง เพราะได้สบตากับเวินฉี่แวบหนึ่งพลางพยักหน้าก่อน จึงจะออกไป

พอออกมาจากบ้านตระกูลเวิน เหยาเย้นยังคงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“เที๋ยนเที๋ยน คุณอย่าดึงตัวฉัน หมิงเฮ่าต้องอยู่ข้างในแน่ๆ!ต้องถูกพวกเขาซ่อนเอาไว้ ฉันต้องหาลูกออกมาให้ได้!”

“เมื่อกี้พวกเราก็หาจนทั่วทั้งตึกบนและตึกล่างแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ ตอนนี้ถึงจะกลับเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดด้วยความเป็นห่วง“เวินฉี่คงต้องเตรียมการรับมือไว้แล้ว จึงไม่ให้พวกเราหาหมิงเฮ่าเจอ หมิงเฮ่าถูกพวกเขาซ่อนอยู่ในที่ที่พวกเราไม่รู้ ตอนนี้หากยังคงฝืนอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร พวกเรากลับไปคิดหาวิธีก่อน อย่าให้พวกเขาขังตัวคุณเอาไว้เลย ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาใครจะไปช่วยตัวหมิงเฮ่าได้ล่ะ”

ได้ฟังดังนี้ เหยาเย้นจึงจะสงบลง หันหน้าไปมองคฤหาสน์ที่สูงใหญ่ด้านหลังแวบหนึ่ง จากนั้นเม้มปากไว้พยักหน้าตอบตกลง แล้วเดินออกไปด้านนอก

เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็ตามไปด้านหลัง

มองแผ่นหลังที่อาฆาตของเหยาเย้นก็รู้สึกทุกข์ระทมเหลือเกิน

เมื่อนึกถึงภาพเมื่อกี้ที่เวินหงไห่กับเวินฉี่มีท่าทางที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

พูดอย่างไม่เข้าใจว่า“ก่อนหน้านี้พวกเราเอาหลักฐานการทุจริตของเวินฉี่ให้กับคุณตำรวจเหยียนเจิ้งตั้งนานแล้ว ทำไมยังมีมีความคืบหน้าอะไรเลยล่ะ?”

“นานแล้วจริงๆ”จี้จิ่งเชินพยักหน้าพลางพูดว่า“ผมลองถามสถานการณ์จากเหยียนเจิ้งดูนะ”

“หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องอะไรนะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงเป็นห่วงสภาพจิตใจของเหยาเย้น ตอนแรกอยากให้เธอมาพักผ่อนอยู่ที่ปราสาท แต่เหยาเย้นยังคงยืนกรานว่าจะกลับไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เพื่อจะกลับไปตรวจดูกล้องวงจรปิดในวันที่เวินหงไห่พาลูกน้องบุกเข้ามาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นสีหน้าของเธอไม่ได้ตื่นตกใจเหมือนเมื่อกี้ แต่กลับสงบขึ้นมาก จึงได้ยินยอมให้เธอกลับไป

วันรุ่งขึ้น จี้จิ่งเชินติดต่อเหยียนเจิ้ง ทั้งสามคนได้นัดเจอกัน

ตอนแรกคิดว่าหลังจากที่พวกเขาส่งหลักฐานไปแล้ว เวินฉี่จะได้รับการตรวจสอบโดยเร็ว แต่คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปตั้งนานก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย

ตระกูลเวินยังคงโอ้อวด กำเริบเสิบสานอยู่เช่นเดิม

ได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนพูด เหยียนเจิ้งก็รู้สึกลำบากใจและมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วพลางพูดว่า“หรือว่าข้อมูลที่พวกเราส่งไปไม่ถูกต้องหรือคะ?”

“ไม่ใช่ครับ ข้อมูลพวกนั้นพวกผมได้ตรวจสอบดูว่าเป็นความจริงแล้วครับ”

“แล้วทำไมยังไม่เปิดเผยเพื่อไปตรวจสอบตระกูลเวินให้ละเอียดดูล่ะค่ะ?”

เหยียนเจิ้งส่ายหัวด้วยความลำบากใจ พลางพูดว่า“ถึงแม้ตัวเลขจะถูกต้อง แต่ยังคงขาดหลักฐานชิ้นสำคัญไปหนึ่งอย่าง ถ้าเกิดไม่มีหลักฐานอันนั้น ถึงแม้จะเปิดเผย เวินฉี่ก็สามารถหลุดพ้นจากคดีได้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ช่วงนี้กำลังตรวจหาหลักฐานอยู่ แต่กลับไม่ได้เบาะแสอะไรเลย”

พูดจบเขาก็ถอนหายใจหนึ่งครั้ง

“ตอนนี้ทีมของเราเดินมาถึงทางตันเสียแล้วครับ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าถึงพวกเธอจะได้หลักฐานมาจากอาจารย์ฟ่านอย่างยากลำบาก แต่กลับไม่สามารถเปิดเผยได้ จึงรู้สึกทั้งโมโหและกังวลใจเป็นอย่างมาก

“สำหรับหลักฐานชิ้นสำหรับอันนั้น พวกคุณไม่มีเบาะแสอะไรเลยเหรอค่ะ?มีข้อมูลอะไรคร่าวๆหรือแนวทางอะไรไหมคะ?ฉันสามารถช่วยพวกคุณได้อีกทางหนึ่งนะ”

พูดถึงจุดนี้ เหยียนเจิ้งรีบพยักหน้าราวกับมีความคิดเช่นนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว

เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วลองถามเพื่อหยั่งดูท่าที“คุณเวินเป็นหลานสาวบ้านตระกูลเวิน น่าจะสามารถเข้าออกบ้านตระกูลเวินได้อย่างสะดวกหรือเปล่าครับ

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท