บทที่ 727 มีแค่คนคนนั้นที่จะทำให้เขาแสดงออกแบบนี้ได้
เช้าวันนี้หลิวเหม่ยหลันไม่ได้ร่วมลงมือกับหล่อนเจียนี ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้โดนชักสีหน้าใส่ ก็ยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
แต่เธอก็ยังรักลูกสาวคนนี้ของเธออย่างสุดซึ้ง มองเห็นจี้จิ่งเชินนั่งอยู่ในห้องอาหาร ก็เลยเดินเข้าไป ยิ้มไปทางเขา
“คุณจี้ วันนี้คุณทานข้าวที่นี่เหรอ ถ้าหากบอกฉันล่วงหน้าสักหน่อย ฉันจะต้องให้เจียนีเตรียมอาหารเช้ามื้อใหญ่ไว้ให้”
เจียนีของฉัน ถนัดทำอาหารที่สุด ตอนนี้เด็กผู้หญิงที่ชอบเข้าครัวแบบเธอก็มีไม่มากแล้ว อีกทั้งยังกตัญญู
เธอพูดชมไม่ยอมหยุด อยากให้จี้จิ่งเชินประทับใจในตัวหล่อนเจียนี
แต่จี้จิ่งเชินกลับขมวดคิ้ว
“พูดพอหรือยัง?”
สายตาที่แหลมคมกวาดมองไปยังหลิวเหม่ยหลัน แล้วพูดอย่างเยือกเย็น
เมื่อหลิวเหม่ยหลันได้ยิน ก็สูดลมหายใจเข้าไป ไม่กล้าที่จะพูดต่อ
จี้จิ่งเชินพูดต่อ: “หล่อนเจียนีเป็นคนยังไง ผมรู้ดี ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาช่วยพูดให้เธอดูดี”
เมื่อหลิวเหม่ยหลันได้ฟัง ในใจยิ่งหวาดกลัว และรู้สึกว่าจะดูถูกออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวจี้จิ่งเชินนั้นไม่ได้เลย ถึงขั้นน่ากลัวกว่าหล่อนเจี้ยนกั๋วในเมื่อก่อนเสียอีก
แม้ว่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับการเจอคนใหญ่คนโตและนักธุรกิจระดับสูงมาก่อนอย่างหลิวเหม่ยหลันก็ตาม ตอนนี้ถูกออร่าที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขาทำให้กลัว ไม่กล้าพูด ยืนหน้าเหยเกอยู่ข้างๆมองทั้งสองคน ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนทานข้าวเช้าแล้ว เลยทำให้นึกถึงข่าวสารที่ส่งมาจากฝั่งท่านเปิง แล้วกล่าว: “หลังจากเลิกงานฉันยังต้องไปหาท่านเปิง รู้สึกว่าจะมีของชิ้นงานใหม่จะให้ฉันช่วยดู”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตอนนี้เป็นประธานของบริษัทหล่อนซื่อ ควบคุมเส้นเลือดใหญ่ของบริษัททั้งหมด แต่กลับไม่ยอมละทิ้งงานอดิเรกของตัวเอง
ท่านเปิงก็สนับสนุนการตัดสินใจของเธอ ให้คำชี้แนะกับเธอเป็นระยะๆมาโดยตลอด แบ่งหน้าที่ออกมาให้ทำ
จี้จิ่งเชินกลับเป็นห่วงเล็กน้อย มีรอยยับเล็กน้อยอยู่ระหว่างคิ้ว
“เรื่องของบริษัทยังยุ่งไม่พออีกเหรอ?”
เขากังวลว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะทำงานหลายอย่างเกินไป และทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้บ้านตระกูลหล่อนยังมีแม่ลูกคู่นั้นเพิ่มมาอีก ทำให้เขาวางใจไม่ได้
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้กังวลใจ
ท่านเปิงบอกว่า เพิ่งจะได้งานชิ้นใหม่พอดี อีกฝ่ายระบุชื่อขอให้ฉันไปช่วยซ่อมแซม รอยแตกไม่ค่อยใหญ่นัก ฉันสามารถไปดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้”
ในที่สุดจี้จิ่งเชินก็หยักหน้าเห็นด้วย
“ผมจะไปกับคุณด้วย”
ทานข้าวเช้าเสร็จ ทั้งคู่เมินหลิวเหม่ยหลันที่อยู่ตรงหน้า แล้วออกจากตระกูลหล่อนแล้วตรงไปบริษัท
หลิวเหม่ยหลันรอจนคนอื่นไปแล้ว ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในสายตาของจี้จิ่งเชินไม่มีหล่อนเจียนีอยู่ในนั้นเลย และสองคนนี้พอมองแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้อย่างง่ายๆ
ตอนนี้พวกเขาต้องเป็นคนที่อยู่ภายใต้อำนาจของผู้อื่น เพราะไม่มีอำนาจและเงินใดๆเลย แล้วยิ่งไปว่านั้นจี้จิ่งเชินยังไม่เหมือนกับเหลียงจี้อานในตอนนั้น
ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรที่ขาดเลย ไม่มีทางที่เพราะต้องการอำนาจแล้วจะทำให้ตัวเองลำบากใจ มาอยู่กับหล่อนเจียนี
หลิวเหม่ยหลันคิดพลาง ก็ถอนหายใจ
เธอขึ้นไปชั้นบน ไปถึงห้องนอนของหล่อนเจียนี พอเข้าไป กลับพบว่าข้าในนั้นเละเทะมาก
ของทุกอย่างถูกโยนลงบนพื้น บนพื้นเต็มไปด้วยชิ้นส่วนที่แตกและขยะ
หล่อนเจียนีกำลังฉีกผ้าห่มบนเตียงเพื่อระบายความโกรธ โยนลงพื้นแล้วเหยียบมันด้วยเท้า
เมื่อมองเห็นเธอ คำที่หลิวเหม่ยหลันเตรียมมาเพื่อจะโน้มน้าวใจกับติดอยู่ในลำคอพูดไม่ออก
เธอเดินไปข้างหน้าแล้วดึงตัวหล่อนเจียนีไว้ แล้วพูดให้กำลังใจ “เจียนี ไม่ต้องกังวลไป มันจะต้องมีวิธีแน่”
“มันจะมีวิธีไหนอีก”
หล่อนเจียนีกรีดร้องออกมาแล้วพูดว่า “อีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะแต่งงานกันแล้วไม่ใช่หรือไง? แม่ แม่จะต้องช่วยหนูก่อนจะถึงตอนนั้น แย่งเขากลับมา”
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา ลูกอย่าโกรธไปเลยนะ”
หลิวเหม่ยหลันรีบปลอบโยนความรู้สึกของหล่อนเจียนี “แม่จะทำให้จี้จิ่งเชินแยกกับเวินเที๋ยนเที๋ยนให้ได้ ลูกไม่ต้องกังวลไป”
ได้ยินแม่ของเธอรับรอง หล่อนเจียนีถึงได้ค่อยๆสงบลง ไม่ได้ทำลายข้าวของอีก
ยังไม่ถึงห้าโมงเย็น จงหลีถือสัญญาไว้ในมือเดินเข้าห้องทำงานของจี้จิ่งเชินไป
เซ็นชื่อเสร็จ เขาก็หันไปโค้งตัวให้จี้จิ่งเชินเล็กน้อย แล้วถาม: “ประธานจี้ หลังจากนี้มีอะไรจะสั่งอีกไหมครับ?”
จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นแล้วดูนาฬิกาที่ข้อมือ อีกไม่กี่นาทีก็จะเลิกงานแล้ว
เขาส่ายหัวแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก
“ไม่เป็นไร คุณเลิกงานก่อนเลย”
จงหลีได้ยินคำนี้ ก็ตกใจทันที
ด้วยนิสัยของจี้จิ่งเชินแล้ว จะต้องทำงานให้เสร็จก่อนกำหนดก่อนเวลาเสมอ
แม้ว่างานในตอนนี้จะคืบหน้าจนเกินที่กำหนดไว้สามเดือนแล้วก็ตาม แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะบอกให้เขาเลิกงานก่อนเวลา
เขาเงยหน้ามองจี้จิ่งเชินอย่างอดไม่ได้ มองเห็นเขายืนขึ้นมา เตรียมตัวจะไปแล้ว
จงหลีก็ตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาถึงเข้าใจ
คนที่จะทำให้เขาเลิกงานก่อนเวลาได้แบบนี้ ก็คงจะมีแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียว
คิดถึงตอนนี้ เขาก็ก้มหน้าลง รอยยิ้มเจื่อนๆก็ปรากฏขึ้นบนปากของเขา
หลังจากที่จี้จิ่งเชินออกจากบริษัท ก็ยังไม่ได้กลับไปที่ปราสาทเก่า แต่ได้ไปที่บริษัทหล่อนซื่อ
มองดูเวลา ก็ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว
จี้จิ่งเชินเปิดประตู เดินลงจากรถไป
เมื่อลงจากรถ พนักงานหลายคนมองเขา ล้วนแต่หันมามองกันอย่างตกใจ
จี้จิ่งเชินเดินตรงเข้าไปโดยไม่เหลือบมองใครเลย และไม่สนใจสายตาของคนอื่น
คนไม่น้อยรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน แต่น้อยมากที่จะเห็นจี้จิ่งเชินมาด้วยตัวเอง มองมาทางเขาทีละคน
แค่เห็นจี้จิ่งเชินเดินมาที่แผนกต้อนรับ แล้วถาม “เที๋ยนเที๋ยนยังอยู่ข้างบนไหม?”
พนักงานต้อนรับที่กำลังก้มหน้าอย่างยุ่งๆ ได้ยินเสียง ยังคิดว่าใครคนนี้คงจะใหญ่พอตัว ไม่คิดว่าจะเรียกชื่อของประธานเวินออกมาโดยตรง อีกทั้งยังเรียกอย่างสนิทสนม
เงยหน้าขึ้นมามอง พบว่าเป็นจี้จิ่งเชิน ก็ตกตะลึง แล้วรีบลุกขึ้นยืนทันที เกิดความสับสนขึ้นในหัวชั่วขณะ เลยไม่ได้ตอบออกไป
รอมาสักพัก พบว่าเธอยังไม่พูด จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว
พนักงานต้อนรับจึงได้รีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ขออภัยค่ะ ประธานเวินทำงานอยู่ในห้องทำงานตลอด อยู่ข้างบนค่ะ”
ในที่สุดรอยยับบนคิวของจี้จิ่งเชินก็ค่อยๆคลายออก พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินไปขึ้นลิฟต์ที่ใช้ขึ้นไปยังห้องทำงานของประธานโดยเฉพาะ
พอเขาไปแล้ว ผู้คนในล็อบบี้ไม่น้อย ก็เริ่มพูดกันด้วยเสียงที่เบา
“คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะมา อย่างที่ฉันเคยบอก ประธานเวินของพวกเรากับจี้จิ่งเชินยังรักกันดีอยู่”
“โถ่ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ตั้งแต่ประธานเวินเริ่มมาทำงานที่นี่ ดูเหมือนจะเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย น้อยมากที่ทั้งคู่ปรากฏตัวพร้อมกัน เดี๋ยวต่อไปเธอก็จะชินแล้ว”
มีคนดูเวลา แล้วพูดอย่างตกใจ “ประธานจี้เลิกงานก่อนเวลา หรือว่าเขาจะทิ้งงานออกมา?”
หลายคนพูดพร้อมกัน แล้วหัวเราะเบาๆ
จี้จิ่งเชินขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นบนสุด พอออกจากลิฟต์ ผู้ช่วยเห็นเขาก็รีบลุกขึ้น เดาได้ว่าเขามาหาเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็เปิดประตูให้เขาทันที “ประธานเวินกำลังเตรียมข้อมูลอยู่ในห้องทำงาน”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้หยุดก้าว เพียงแค่ยกมือขึ้นเคาะประตู
“เข้ามา”