บทที่780 ขอโทษ เป็นความผิดของฉันเอง
ทั้งๆที่ต้อนแรกเริ่มจี้จิ่งเชินเชื่อแล้วว่าหล่อนเจียนีนั้นคือเวินเที๋ยนเที๋ยน ตัวเองแสดงได้ดีมาก แต่ทำไม ทุกอย่างยังไม่ทันได้เกิดขึ้น จี้จิ่งเชินก็ผลักเธออกไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกตัวว่าเธอไม่ใช่เวินเที๋ยนเที๋ยนราวบุคคลอัจฉริยะ?
แม้กระทั่ง ตอนที่ตัวเองเข้าไปกอดเขาเอาไว้ จี้จิ่งเชินกลับผลักเธอออกด้วยมือเดียว จนเธอไปชนเข้ากับผนังกำแพงเข้า จนถึงตอนนี้เธอเองก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลยเสียด้วยซ้ำ
ภายในห้องน้ำที่มืดสนิท จี้จิ่งเชินได้รับฤทธิ์จากยา เป็นไปตามแผนการของเธอแล้ว จะไม่มีทางที่จะปฏิเสธเธอได้เลยเสียด้วยซ้ำ
ต่อให้จะรู้ตัวว่าเธอไม่ใช่เวินเที๋ยนเที๋ยน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเด็ดเดี่ยวหนักแน่นขนาดนี้
แม้กระทั่งหลังจากที่เธอลองจนไม่ประสบความสำเร็จอยู่หลายครั้งแล้ว จี้จิ่งเชินก็ใช้สติที่มีอยู่ในตอนสุดท้ายของเขา ขังเธอเอาไว้ในห้องน้ำ แล้วตัวเองก็ออกไป
และเป็นเพราะเช่นนี้ ถึงได้ถูกพวกเวินเที๋ยนเที๋ยนเจอเข้า
หล่อนเจียนีทั้งโมโห ทั้งรู้สึกเกลียดชัง
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดี นึกไปถึงแผนทุกๆขั้นตอนแล้ว แต่ทำไมสุดท้ายถึงได้กลายมาเป็นเช่นนี้กัน?
แม้แต่ยาก็ไม่สามารถควบคุมจี้จิ่งเชินได้เลยอย่างนั้นหรือ?
ทั้งที่ก่อนหน้าตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนประคองจี้จิ่งเชินขึ้นไปนั้น ความรู้สึกตัวของเขาก็นั้นก็ลดหย่อนลงไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าถูกยาควบคุมร่างกายของเขาเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทำไมพอเปลี่ยนเป็นหล่อนเจียนี ก็ฟื้นฟูเข้าสู่สภาวะปกติกัน?
ในใจของหล่อนเจียนีเองก็ไม่เข้าใจ แต่ที่เธอไม่รู้ก็คือ เป็นเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาในครั้งแรก จี้จิ่งเชินถึงได้ปล่อยให้ตัวเองได้รับผลกระทบจากยาที่อยู่ภายในร่างกาย จึงไม่ได้ต่อต้าน
แต่ตอนที่อยู่ในห้องน้ำ ต่อให้ตาจะมองไม่เห็น ต่อให้การรับรู้ของร่างกายจะช้าลง แต่ตั้งแต่แรก เขาก็ยังคงรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง
และไม่นานก็รู้ ว่าคนตรงหน้านั้นไม่ใช่คนที่คุ้นเคย
ในสถานการณ์เช่นนี้ ร่างกายของเขาได้ปฏิเสธเธอไปแล้ว อีกทั้งเริ่มที่จะควบคุมฤทธิ์ยาที่อยู่ภายในร่างกายอีกด้วย
แม้กระทั่งใช้สติที่ยังเหลืออยู่ในตอนสุดท้าย ขังตัวเธอเอาไว้
เนื่องจากในใจของจี้จิ่งเชินมีแนวป้องกันอยู่ลึกๆ ว่าจะต้องเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแค่เพียงเท่านั้น
แต่ก็เป็นเพราะแนวป้องกันนี้ ทำให้เขาหาสติของตัวเองกลับมาได้ในช่วงเวลาสำคัญ
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้าวเท้าเดินเข้าไป ด้วยใบหน้าไม่มีร่องรอยอุณหภูมิใดๆ และสายตาที่เยือกเย็น
ค่อยๆก้าวเดินเข้ามา อำนาจที่แผ่ออกมาจากร่างของเธอนั้นอดที่จะทำให้นึกถึงจี้จิ่งเชินขึ้นมาไม่ได้
แม้แต่หล่อนเจียนีเห็นแล้ว ก็อดที่จะกลั้นหายใจเอาไว้ไม่ได้เช่นกัน เธอไม่กล้าเอ่ยพูดออกมา และในใจของเธอถึงได้เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาในตอนนี้
“เธอหลบอยู่ที่ตระกูลหล่อนตลอดเลยสินะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้กำลังถามเธอ แต่เป็นการเอ่ยพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
ใบหน้าของหล่อนเจียนีปรากฏความตื่นกลัวออกมา ไม่ได้เอ่ยตอบคำถาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดต่อ : “เธอซ่อนตัวอยู่ในห้องของหลิวเหม่ยหลัน และเธอก็เป่าหูแม้กระทั่งหลวนจื่อ ทำให้เธอรู้สึกว่าฉันกับหมินอันเกอมีความสัมพันธ์กัน และยังให้หลวนจื่อวางยาจี้จิ่งเชินอีก”
“เธอคิดทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมดังปรารถนาขนาดนี้ แต่เคยคิดหรือเปล่าว่าในใจของจี้จิ่งเชินมีเพียงแค่ฉันคนเดียว ต่อให้เธอมาปลอมเป็นฉัน ต่อให้เธอปิดไฟ ต่อให้เธอวางยาเขา จี้จิ่งเชินก็สามารถจำฉันได้อยู่ดี”
แผนการทั้งหมดของตัวเองถูกเปิดโปงออกมาหมดแล้ว หล่อนเจียนีก็ยอมกับความผิดนี้ไปเลย
“แล้วยังไงล่ะ? ทำไม? เธอคิดจะฆ่าฉันไหมล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า ไม่ได้ยอมรับกับคำขู่ของเธออยู่แล้ว
“เธอวางใจได้ ฉันไม่เอาเปรียบเธอแบบนี้หรอก ทั้งบัญชีเก่าบัญชีใหม่กำลังรอเธออยู่ รอหลังจากพรุ่งนี้ฉันไปเจอหมินอันเกอแล้ว ค่อยมาตัดสินใจว่าเธอควรจะชดใช้ยังไง”
หล่อนเจียนีได้ยินแล้ว ในใจก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว ใช้แรงดิ้นขึ้นมา แต่บอร์ดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ทางด้านหลังก็รีบดึงเธอเอาไว้
เธอเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน : “เธอจะมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ! รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ฉันเองก็เป็นคนของตระกูลหล่อน! ผู้ที่อาวุโสของตระกูลหล่อนไม่ยอมให้เธอทำแบบนี้หรอก”
น้ำเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นไม่มีอุณหภูมิใดๆ อำนาจที่แสดงออกมานั้นเพิ่มขึ้นมาในทันที
“แต่ว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่ตระกูลหล่อน และตอนนี้ผู้ที่ดูแลตระกูลหล่อนก็คือฉัน”
รูม่านตาของหล่อนเจียนีหดลง เธอดิ้นไม่หยุดด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ได้ เธอจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้สนใจในการแก้ตัวของเธอ แล้วออกคำสั่งกับบอร์ดี้การ์ดสองคนนั้นไป
“พาตัวเธอกลับไปที่ห้องแล้วเฝ้าเอาไว้ให้ดี อย่าให้เธอออกไปไหนได้ทั้งนั้น”
“ครับ คุณหนู”
สองคนนั้นดึงตัวเธออออกไปอย่างรวดเร็ว
เธอยังคงดิ้นไม่หยุด สีหน้าขาวซีดไปหมด
“พวกแกจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ! ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหล่อน รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ฉันต่างหากที่เป็นทายาทดั้งเดิมที่สุดของตระกูลหล่อน!”
แต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจการแก้ต่างนี้ของเธอเลย แล้วพาตัวเธอลงไปทันที
จนกระทั่งเสียงกรี๊ดของหล่อนเจียนีนั้นค่อยๆห่างออกไป เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่ง
แล้วหันกลับมาอีกครั้ง นั่งลงตรงข้างๆจี้จิ่งเชิน มือลูบลงที่แก้มของเขาอย่างเบามือ
หัวใจที่ตื่นเต้นและกังวลมาตลอดทั้งคืน เวลานี้ค่อยๆสงบลงแล้ว
เธอก้มหน้าลง แตะหน้าผากลงบนหน้าผากของจี้จิ่งเชิน
“ขอโทษนะคะ ถ้าหากฉันค้นพบเร็วกว่านี้ ก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“คุณหนูครับ……”ฉวีผิงปลอบใจเธออยู่ข้างๆ : “หล่อนเจียนีมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมาก นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า รู้สึกตำหนิโทษตัวเองเป็นอย่างมาก
“เธอหลบอยู่ที่ตระกูลหล่อนอยู่ตลอด แต่พวกเราไม่มีใครหาเจอเลย”
ว่าแล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นมาพลางออกคำสั่ง : “ไปเรียกหลิวเหม่ยหลันมา เรื่องครั้งนี้เธอเองก็มีส่วน”
“ครับ คุณหนู”
ว่าแล้ว พ่อบ้านก็รีบออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามคุณหมอขึ้นอย่างรู้สึกไม่วางใจ
“ตอนนี้จี้จิ่งเชินไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
คุณหมอพยักหน้าลง
“นอนพักซักหน่อยก็คงจะไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ แต่ไปตรวจที่โรงพยาบาลเสียหน่อยก็จะดีกว่านะครับ”
“ทราบแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ”
คุณหมอกำชับเรื่องที่จะต้องระวังในช่วงตอนกลางคืนกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วถึงได้กลับออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่เฝ้าจี้จิ่งเชินตลอด ไม่ยอมไปไหนเลย
ไม่นานนัก หมินอันเกอกับหลวนจื่อก็พากันมาถึง
เมื่อครู่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนวางสายไปอย่างรีบร้อน ก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงพาหมินอันเกอให้รีบมาด้วยกัน
เมื่อเข้ามาแล้ว เห็นจี้จิ่งเชินที่กำลังนอนอยู่บนโซฟาในเวลานี้ สีหน้าของหลวนจื่อก็ซีดขึ้นมาทันที ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเวินเที๋ยนเที๋ยน
ไม่คิดเลยว่าเธอจะสงสัยในตัวของคนที่ตัวเองรักกับเพื่อนที่สนิทที่สุดของตัวเองแบบนี้!
เพราะเหตุนี้เกือบจะเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ขึ้นแล้ว!
เธอลังเลอยู่ตรงหน้าประตู ไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปอย่างไร
หมินอันเกอที่อยู่ข้างๆยื่นมือออกมาจับมือเธอเอาไว้ แล้วมองเธออย่างให้กำลังใจ
หลวนจื่อสูดหายใจเข้า แล้วก้าวเข้าไปด้านใน
“เที๋ยนเที๋ยน”
ได้ยินเสียงแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเงยหน้าขึ้นมา
เห็นหลวนจื่อกับหมินอันเกอเดินเข้ามาด้วยกัน อารมณ์ในตอนแรกนั้นมีความซับซ้อนอยู่บ้าง
ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเพราะหลวนจื่อถูกหล่อนเจียนีกลั่นแกล้ง แต่มาทิ้งระเบิดที่ทำไว้ทำให้จี้จิ่งเชินเกิดเรื่อง นับว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง
ยังไม่รอให้เธอได้เอ่ยพูดนั้น หลวนจื่อก็เดินเข้ามา ด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจ
“ขอโทษนะ ฉันรู้ว่าไม่ว่าฉันพูดอะไร เธอเองก็คงจะไม่ยกโทษให้ฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเหมือนกันที่มาดลใจให้ฉันเชื่อเขา…….”
สองมือของเธอจับกันเอาไว้ แววตาเต็มไปด้วยความละอายใจ แล้วมองไปทางจี้จิ่งเชิน
เห็นเขายังคงหลับลึกอยู่นั้น จึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล : “จี้จิ่งเชิน…….ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมามองที่ร่างของจี้จิ่งเชินอีกครั้ง
“คุณหมอมาทันเวลา ประกอบกับจี้จิ่งเชินก็ยังระวังตัวอยู่บ้าง เขาขังหล่อนเจียนีเอาไว้แล้วตัวเองก็ออกมา เลยไม่เป็นอะไรน่ะ”
ได้ยินแล้วนั้น หลวนจื่อก็ยิ่งโทษตัวเอง
“ขอโทษนะ เป็นความผิดของฉันเอง”