เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่783 ใครอนุญาตให้มาแตะต้องคนของตระกูลหล่อน

บทที่783 ใครอนุญาตให้มาแตะต้องคนของตระกูลหล่อน

บทที่783 ใครอนุญาตให้มาแตะต้องคนของตระกูลหล่อน

พ่อบ้านเอ่ยพูดต่อ : “ผมให้คนไปหาข้างนอกแล้วครับ คงจะมีข่าวคราวเร็วๆนี้”

“แล้วหล่อนเจียนีล่ะคะ?”

“ยังอยู่ในห้องครับ ร้องเอะอะโวยวายตลอดมาตั้งแต่เมื่อคืนอยากจะหนีออกไป แต่ถูกบอร์ดี้การ์ดขวางเอาไว้ ตอนนี้คงตะโกนจนเหนื่อยแล้วกำลังพักผ่อนอยู่ครับ” พ่อบ้านเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น

“รู้แล้วค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนกล่าว

และเพิ่งที่จะพูดกันเสร็จนั้น เวลานี้เองหมินอันเกอก็รีบมาถึงแล้วเดินเข้ามา

เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าเขามาคนเดียว จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย : “หลวนจื่อล่ะคะ?”

หมินอันเกอยิ้มออกมาอย่างเก้ๆกังๆ หลังจากได้ฟังหลวนจื่อพูดถึงเรื่องที่เธอทำแล้ว หมินอันเกอกลับไปปลอบใจเธอแล้วรอบหนึ่ง

ในใจรู้ว่าเรื่องที่หลวนจื่อทำ เป็นไปได้ว่าจะทำให้จี้จิ่งเชินโมโหจริงๆ จึงให้เธออยู่ที่บ้าน แล้วตัวเองก็มาเพียงลำพัง

ตั้งใจว่าจะให้เรื่องราวค่อยๆสงบลงอีกซักช่วงเวลานึงก่อน แล้วค่อยออกหน้ามาขอโทษทั้งสองคน

“เธอไม่ค่อยสบายน่ะ เลยให้อยู่พักที่บ้าน วันนี้ผมมาคนเดียวก็พอ”

เมื่อวานเวินเที๋ยนเที๋ยนยังเห็นหลวนจื่อไม่ได้เจ็บป่วยอยู่เลย วันนี้จู่ๆก็เกิดไม่สบายขึ้นมา ในใจก็คาดเดาได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่กลับไม่ได้เปิดเผยออกมา

เอ่ยพูดขึ้นเพียงแต่ : “สุขภาพร่างกายไม่ดี ก็จะต้องพักผ่อน เธอไม่เป็นอะไรฉันก็วางใจค่ะ”

หมินอันเกอยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา : “หล่อนเจียนีล่ะ?”

เมื่อเอ่ยพูดถึงชื่อนี้ขึ้นมา สีหน้าท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปดูจริงจังขึ้น แววตาอึมครึม

ภาพที่หล่อนเจียนีผลักหลวนจื่อตกบันไดครั้งก่อนหน้านี้ ค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้นในเวลานี้

ช่วงนี้หมินอันเกอแสดงท่าทางออกมาอย่างสบายๆมาโดยตลอด แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะลืมเรื่องที่หล่อนเจียนีทำเอาไว้ทั้งหมด แต่กลับซ่อนอยู่ในใจเขามาโดยตลอดเลยต่างหาก

ครั้งนี้หาตัวหล่อนเจียนีกลับมาได้ จะไม่มีทางปล่อยไปอย่างเด็ดขาด

และยิ่งหลังจากที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไปแล้ว เธอยังจะมาหลอกหลวนจื่ออีก คิดมาถึงตรงจุดนี้แล้ว หมินอันเกอก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่สามารถจะเก็บเธอเอาไว้ได้แล้ว

เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองทางฉวีผิง แล้วพยักหน้าลงเล็กน้อย

ฉวีผิงถึงได้เดินเข้ามา

“ตามผมมาครับ”

ว่าแล้ว ก็พาสองสามคนนั้นออกไปจากห้องรับแขกอย่างเอาจริงเอาจัง แล้วเดินไปทางลานด้านหลัง

หลังจากที่เจอตัวหล่อนเจียนีเมื่อวานนี้แล้ว เธอก็ถูกพวกเขาพาตัวไปไว้อีกห้องหนึ่ง หน้าประตูมีบอร์ดี้การ์ดเฝ้าอยู่สองคน ทำให้เธอไม่มีโอกาสที่จะได้หนีไปไหนอีก

และเมื่อเปิดประตูออกมาแล้วนั้น หล่อนเจียนีที่กำลังนอนหลับอยู่ภายในห้องก็กระโดดขึ้นมาในทันที

พอเห็นคนที่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว ก็ตกจนเสียจนสีหน้าเปลี่ยน แล้วถอยหลังออกไปอย่างต่อเนื่อง

“พวกเธอคิดจะทำอะไร?”

“ฉันจะบอกเอาไว้นะ ถ้าหากกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายผม ฉันจะไม่ปล่อยพวกเธอไปแน่!”

หมินอันเกอเห็นเธอแล้ว แววตาที่มีความโมโหนั้นก็ได้พรั่งพรูออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สองมือที่วางอยู่ข้างลำตัวนั้นกำหมัดเอาไว้แน่น แล้วย่างก้าวเข้ามา

สายตามองเธออย่างไม่ไหวติง เต็มไปด้วยพลังอำนาจ

แล้วเอ่ยพูดขึ้น : “ตอนที่คุณผลักหลวนจื่อตกบันได เคยคิดถึงวันนี้หรือเปล่า?”

หล่อนเจียนีได้ยินแล้ว สีหน้ายิ่งดูแย่มากขึ้นกว่าเดิม แล้วรีบแก้ตัวขึ้นมา

“ฉันไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย ใครให้เธอมาแย่งของของฉันล่ะ!”

น้ำเสียงดูมีเหตุผลเพียงพอที่จะสามารถเอ่ยพูดออกมาได้อย่างเต็มที่

“จนถึงตอนนี้แล้วคุณยังจะมาเถียงข้างๆคูๆอีกอย่างนั้นหรือ”

เขายกมือขึ้นมาจับมือของหล่อนเจียนีแล้วดึงตัวเธอเข้ามา ฝ่ามือที่กระชับแน่นขึ้น ทำให้หล่อนเจียนีรู้สึกเจ็บเสียจนร้องออกมา

“ปล่อย! ปล่อยนะ! เจ็บ!”

แต่หมินอันเกอกลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว น้ำเสียงยิ่งเพิ่มความเย็นชามากขึ้นไปอีก

“คุณผลักหลวนจื่อตกบันได มองดูเธอที่กำลังรู้สึกเจ็บปวดอยู่บนพื้นแต่กลับหันหลังเดินออกไป เคยคิดหรือเปล่าว่าตอนนั้นเธอเจ็บมากกว่าคุณอีกเป็นพันเป็นหมื่นเท่า?”

สีหน้าของหล่อนเจียนีซีดเผือด ไม่มีสีของเลือดฝาดหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฉันจริงๆ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเธอจะล้มไปได้ง่ายๆแบบนั้น? ไม่ใช่ความผิดฉันจริงๆซะหน่อย!”

“อย่างนั้นหรือ?”

หมินอันเกอโมโหจนสั่นขึ้นมาเล็กน้อย

“ผลักเธอตกลงไป ไม่ใช่ความผิดของคุณ ทิ้งหลวนจื่อเอาไว้แล้วหนีไป ไม่ใช่ความผิดของคุณ สุดท้ายก็มาหลอกหลวนจื่ออีก แล้วมาแต่งเรื่องโกหกระหว่างผมกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ไม่ใช่ความผิดของคุณ แล้วความผิดของคุณคืออะไร?”

หล่อนเจียนีร้อนรนจนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว เธอเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ : “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

หมินอันเกอที่ปกติแล้วเป็นคนที่สง่างามนุ่มลึกไม่ไหวติงเลยแม้แต่นิดเดียว เธอรีบเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ไม่ไกลอย่างขอความช่วยเหลือ

“เที๋ยนเที๋ยน เธอจะต้องช่วยฉันนะ! ฉันกับเธอเป็นคนในตระกูลเดียวกัน! มีสายเลือดเดียวกัน!”

“เธอจะมาให้เขาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ เวินเที๋ยนเที๋ยน!”

ในที่สุดเวลานี้ก็นึกขึ้นมาได้ว่าจะต้องขอความช่วยเหลือจากเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่กลับลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ตัวเองยังสาบานออกมาบอกทุกคนอยู่เลยว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ใช่คนของตระกูลหล่อน มีเพียงเธอเท่านั้นถึงจะเป็นสายเลือดทายาทที่แท้จริง

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดของเธอแล้ว จึงพยักหน้าลงเล็กน้อย

“เป็นแบบนี้จริงๆ เรื่องนี้ไม่ควรจะให้หมินอันเกอเป็นคนทำ”

ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ในใจของหล่อนเจียนีก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

รีบเอ่ยพูดขึ้น : “ใช่ ตอนนี้ฉันเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอ เธอจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้”

แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเอ่ยขึ้นมา : “คำพูดนี้ต้องเป็นฉันเป็นคนพูดสิถึงจะถูก”

“อะไรนะ?” ใบหน้าของหล่อนเจียนีนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นต่อ : “เธอไม่เพียงแค่ทำร้ายหลวนจื่อ และยังเกือบจะทำร้ายจี้จิ่งเชินด้วย เรื่องราวพวกนี้ เพียงเพราะแค่ประโยคขอร้องของเธอแค่ประโยคเดียวก็จะสามารถปล่อยเธอไปได้อย่างนั้นหรือ?”

เดิมทีหล่อนเจียนีคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะช่วยเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนคำพูดเช่นนี้ สีหน้าจึงยิ่งดูแย่ขึ้นไปอีก

เธอกัดฟันพลางเอ่ยพูดขึ้น : “ต่อให้พวกเธอจะทำแบบนี้กับฉัน บุคคลอาวุโสของตระกูลหล่อนก็คงไม่ยอมแน่! แม่ฉันก็จะต้องมาช่วยฉันอย่างแน่นอน!”

“เธอยังจะรอหลิวเหม่ยหลันอยู่อีกหรือ? เขาทิ้งเธอแล้วหนีไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว”

“จะเป็นไปได้ยังไง?”

หล่อนเจียนีไม่อยากเชื่อ

เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้าของตระกูลหล่อนขอประกาศว่า เธอไม่ใช่คนของตระกูลหล่อนอีกต่อไปแล้ว แล้วก็จะไม่ได้รับการปกป้องจากตระกูลหล่อนอีกแล้วด้วย ส่วนเงินที่เธอติดค้างตระกูลหล่อนเอาไว้ก่อนหน้านี้ ฉันจะช่วยย้ายเธอไปทำงานที่โรงงานที่ต่างประเทศ เพื่อชดใช้จำนวนเงินทั้งหมดคืน”

สีหน้าของหล่อนเจียนีนั้นเปลี่ยนไปในทันที

“ไม่ได้นะ! เธอจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”

เธอกรีดร้องขึ้นมา

เธอไม่อยากไปอยู่ในที่กันดารแบบนั้น แล้วก็ไม่อยากไปทำงาน ใช้ชีวิตเหนื่อยๆแบบนั้นให้คนอื่นด้วยเช่นกัน

เธอเป็นคุณหนูใหญ่ผู้สูงส่งของตระกูลหล่อน อยู่เหนือคนนับหมื่น ได้รับการติดตามจากทุกๆคน! เธอจะไม่ไปที่ที่ต้องได้รับความลำบากแบบนั้น!

หล่อนเจียนีดิ้นรนขึ้นมาอย่างรุนแรง แต่กลับถูกหมินอันเกอจับเอาไว้ด้วยมือเดียว

เขาเข้ามาใกล้ แล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงแค่สองคนพูดขู่ออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ : “วางใจได้ รอคุณถึงที่นั่น ผมจะเตรียมของขวัญชิ้นพิเศษเอาไว้ให้คุณ ถึงตอนนั้นแล้วคุณจะต้องชอบอย่างแน่นอน”

น้ำเสียงของหมินอันเกอทุ้มต่ำ แต่การขู่ที่หนักแน่นเช่นนี้ทำให้หล่อนเจียนีอดที่จะมีสีหน้าเปลี่ยนไปไม่ได้ แล้วดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง

“ไม่! ฉันไม่ไป! ตีฉันให้ตายฉันก็ไม่ไป!”

เธอดิ้น แต่เวลานี้กลับไม่ยอมให้เธอได้ต่อต้านแล้ว

บอร์ดี้การ์ดสองคนเดินเข้ามา แล้วหิ้วตัวเธอขึ้น จะพาเดินออกไปด้านนอก

หล่อนเจียนีดิ้นไปพลางร้องไห้ไปด้วย ผมเผ้าและเสื้อผ้ายุ่งเหยิงไปหมด เพื่อที่จะหนีไปนั้น เธอไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ของเธออีกต่อไปแล้ว

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เธอก็ยังถูกลากมาตรงหน้าประตู

ขณะที่เตรียมจะส่งไปข้างนอกนั้น เวลานี้เอง ทางด้านนอกประตูจู่ๆกลับมีเสียงแก่ๆของใครคนหนึ่งดังขึ้น

“หยุดเดี๋ยวนี้! ใครอนุญาตให้พวกเธอมาแตะต้องคนของตระกูลหล่อน?”

ได้ยินเสียงนี้แล้ว การเคลื่อนไหวของทุกคนนั้นก็หยุดลงอย่างไม่รู้ตัว แล้วหันกลับไปมอง

เป็นเสียงไม้เท้าที่กระทบกับพื้นดังขึ้นมาอย่างชัดเจน

หลังจากนั้นสองวินาที ร่างของชายชราที่อยู่ในชุดเสื้อคอจีนนั้นก็เดินเข้ามา อายุกว่าครึ่งร้อย สีหน้าจริงจัง และโมโห

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท