บทที่785 ต่อไปจะไม่ยุ่งอีกแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดต่อ : “กล้องวงจรปิดตอนที่เธอผลักหลวนจื่อตกบันได ฉันยังคงเก็บเอาไว้ตลอดนะ จะต้องให้พวกเราทุกคนต้องมาดูด้วยกันอีกครั้งหรือเปล่า?”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว สีหน้าของหล่อนเจียนีนั้นก็ซีดขึ้นมาในทันที ไม่มีสีเลือดฝาดอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งยังพูดไม่ออกอีกด้วย
ถึงแม้ว่าหล่อนเหลือยจะเป็นปู่ของเธอ แต่เขาก็เป็นคนที่แข็งแกร่งและซื่อตรง ไม่เหมือนกับหล่อนเจี้ยนกั๋วและหลิวเหม่ยหลัน น้อยครั้งมากที่จะเข้าข้างเธอ และนี่เองก็เป็นสาเหตุที่ว่าเพราะอะไรก่อนหน้านี้เธอทำความผิดเอาไว้ตั้งหลายอย่าง แต่กลับไม่ไปขอความช่วยเหลือจากเขานั่นเอง
ได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ออกมานั้น อาการที่แสดงออกทางสีหน้าก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก กังวลว่าหล่อนเหลือยจะไม่สนใจเธอ จึงรีบเอ่ยขึ้น : “คุณปู่คะ คุณปู่มาช่วยหนูใช่ไหมคะ?”
สีหน้าของหล่อนเหลือยเคร่งขรึม แต่สุดท้ายแล้วก็พยักหน้าลง
เขาหันไปมองยังเวินเที๋ยนเที๋ยน “พวกเธอคิดจะทำอย่างไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสบตาจี้จิ่งเชินแวบหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้น : “หล่อนเจียนีจงใจที่จะทำวัสดุเคลือบที่มีค่ามากชิ้นหนึ่งแตก ถ้าหากเธอยังอยู่ที่นี่ต่อ ก็จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นๆอีก ฉันก็เลยจะส่งตัวไปที่ต่างประเทศแล้วจัดงานให้เธองานนึง เพื่อให้เธอได้ชดใช้กับเงินที่เธอติดค้างเอาไว้ทั้งหมดค่ะ”
เธอเพิ่งจะเอ่ยพูดจบนั้น หล่อนเจียนีก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง พลางโต้แย้งกลับ : “เธอก็กำลังตั้งใจที่จะทรมานฉัน!”
“เธอให้ฉันไปเป็นคนรับใช้เป็นทาสเธอ ฝันไปเถอะ!”
หลังจากที่หล่อนเหลือยได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยเช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าสถานการณ์ที่ต่างประเทศนั้นจะอันตรายขนาดไหน หล่อนเจียนีทำอะไรไม่เป็นเลยคอยมีคนอื่นทำให้มาตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตแบบแทบจะถูกป้อนข้าวป้อนน้ำมาก็ว่าได้ ไม่สามารถจะไปทำงานแบบนั้นได้อยู่แล้ว
ถ้าหากส่งตัวไปต่างประเทศจริงๆ เขาก็อาจจะไม่ได้เจอหลานสาวของตัวเองอีกไปตลอดชีวิตเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเธอจะทำผิดมากขนาดนี้ในช่วงก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่หล่อนเหลือยเป็นคุณปู่ของเธอ จะต้องออกหน้ารับเพื่อช่วยเธอจริงๆ
คิดแล้ว เขาจึงถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ : “จะว่ายังไงเจียนีก็เป็นหลานสาวของฉัน แล้วก็เป็นคนของตระกูลหล่อนด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเธอจะเคยทำผิดมา แต่ส่งไปอยู่ต่างประเทศเพียงลำพังโดยไม่มีที่พึ่งแบบนี้ ก็ดูจะเกินไปอยู่จริงๆ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดาได้ว่าเขาจะต้องพูดแบบนี้ จึงเอ่ยขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นคุณอยากจะทำอย่างไรคะ?”
หล่อนเหลือยมองหล่อนเจียนีแวบหนึ่ง แล้วทำได้เพียงดึงสีหน้าลง : “หวังว่าพวกเธอจะเห็นแก่หน้าฉัน ยอมถอยและปล่อยเรื่องนี้ไป เรื่องใหญ่จะได้กลายเป็นเรื่องเล็กซะ”
เห็นเขายื่นความต้องการที่เกินไปแบบนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ลังเล : “แล้วครั้งต่อไปล่ะคะ? ฉันได้ให้พวกเขาอยู่ที่ตระกูลหล่อนนี่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วจะยังทำเรื่องเอาไว้อีกตั้งมากมาย หลังจากที่ผลักหลวนจื่อตกบันไดแล้ว กลับยังไม่ยอมรามือ ยังทำเรื่องที่ร้ายแรงกว่านั้นอีก”
“ครั้งนี้ฉันยกโทษให้เธอ แล้วต่อไปก็จะต้องยอมให้ท้ายพฤติกรรมแบบนี้ของเธอต่อไปอย่างนั้นหรือคะ?”
แน่นอนว่าหล่อนเหลือยเองก็รู้ถึงจุดนี้เช่นกัน
เขาขมวดคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างหนักแน่น : “เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าหากครั้งต่อไปเธอยังกล้าทำผิดอีก ก็ไม่ต้องสนใจไว้หน้าฉันแล้ว พวกเธออยากจะทำอย่างไรก็ทำเลย”
ตอนที่ได้ยินหล่อนเหลือยขอให้พวกนั้นไม่ต้องหาเรื่องตัวเองอีกเมื่อครู่นี้ ในใจของหล่อนเจียนีนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมาแล้ว กลับรู้สึกตกใจสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
“คุณปู่ ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ?”
น้ำเสียงของหล่อนเหลือยนั้นจริงจังเป็นอย่างมาก : “ครั้งนี้ฉันสามารถช่วยแกได้ แต่ครั้งต่อไปจะไม่เป็นแบบนี้แล้ว แกทำผิดก็จะต้องได้รับบทลงโทษ นี่มันเป็นเรื่องปกติที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว!”
ได้ยินแล้วนั้น สีหน้าของหล่อนเจียนีดูแย่ขึ้นมาในทันที
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหล่อนเหลือยไป ดูแล้วเขาเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีเหตุผลเช่นกัน
ถึงแม้ว่าจะช่วยหล่อนเจียนี แต่ถ้าหากเธอยังทำผิดอีกครั้ง หล่อนเจียนีก็จะไม่ได้รับการปกป้องจากเขาอีก
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เรื่องราวเหล่านั้นที่หล่อนเจียนีทำไว้ ก็ไม่สามารถปล่อยไปได้เช่นกัน
อีกเพียงนิดเดียวหลวนจื่อก็เกือบจะเกิดเรื่อง อีกทั้งจี้จิ่งเชินเองก็เกือบจะเกิดเรื่องใหญ่ด้วยเช่นกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้หวั่นไหว และเอ่ยพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด : “ขอโทษด้วยนะคะ ความต้องการนี้ของคุณฉันคงไม่สามารถตอบตกลงได้ ก่อนหน้านี้ฉันให้โอกาสเธอแก้ไขแล้ว แต่พวกเขาไม่สามารถคว้ามันเอาไว้ได้เอง เรื่องราวในครั้งนี้ ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่จะสามารถตัดสินใจได้”
หล่อนเหลือยได้ยินแล้ว จึงหันไปมองหมินอันเกอและจี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ข้างๆ
แล้วเอ่ยข่มขู่เวินเที๋ยนเที๋ยน : “ตอนนี้เธอเป็นเจ้าของตระกูลหล่อน ควรจะจัดการคนในครอบครัวตัวเองอย่างไร? คงจะเข้าใจดีกว่าใครนะ อีกอย่างเธอเองก็มีอำนาจนี้ด้วย ส่วนหมินอันเกอ……”
เขาหันไปมอง พลางเอ่ยขึ้น : “เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลวนจื่อก่อนหน้านี้ทำให้รู้สึกแย่ก็จริง แต่ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หลวนจื่อเองก็เชื่อคำพูดของเจียนีอย่างง่ายดาย จึงเกิดความเข้าใจผิดระหว่างพวกเธอขึ้น เรื่องนี้เธอไม่ควรที่จะลองหาสาเหตุจากตัวพวกเธอสองคนเองดูหรอกอย่างนั้นหรือ?”
“ตอนนี้ถึงแม้ว่าฉันจะออกมาจากบริษัทแล้ว ไม่ได้สนใจดูแลเรื่องพวกนั้นอีก แต่ในบริษัทหวนฉิวก็มีเส้นสายอยู่ในนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนี่ที่เธอจะสามารถกลับเข้าไปในวงการบันเทิงได้?”
น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงการข่มขู่ ดูมีอำนาจขึ้นมา สายตามองตรงไปยังหมินอันเกอ
“ถึงแม้เธอจะไม่ได้สนใจเรื่องของตัวเอง ถ้าหากคนของตระกูลหลวนทางนั้นรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเธอสองคนในช่วงนี้ ฉันคิดว่าพวกเขาคงจะไม่ยอมให้หลวนจื่ออยู่ข้างๆเธอต่อแน่”
หมินอันเกอได้ยินคำขู่ของเขาแล้ว รู้สึกลังเลขึ้นมาทันที
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะขอหลวนจื่อแต่งงานแล้ว ตกลงเป็นแฟนกันเป็นที่เรียบร้อย ถ้าหากตอนนี้ หล่อนเหลือยบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับตระกูลหลวน แล้วจู่ๆพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วพาตัวหลวนจื่อไปล่ะก็…..
เขาไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้เป็นอันขาด!
ในใจของหมินอันเกอรู้สึกเป็นกังวล เขาเงียบลง ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
หล่อนเหลือยมองออกถึงการหวั่นไหวนี้ของเขา จึงพยักหน้าลงอย่างพอใจ แล้วมองไปยังจี้จิ่งเชิน
“ในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว ก็เป็นของตระกูลหล่อนไปครึ่งนึงแล้ว และในเมื่อฉันเป็นผู้ใหญ่ของเธอ เธอก็จะต้องฟังคำสั่งของฉัน ก็เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เรื่องราวครั้งนี้ พวกเธอก็จะไม่สามารถตำหนิโทษหล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันได้อีกแล้วนะ ฉันจะให้ทั้งสองคนได้ขอโทษต่อหน้าคนที่พวกเขาได้ทำผิดเอาไว้ เรื่องนี้ก็ขอให้มันผ่านไปแบบนี้ก็แล้วกัน”
“แต่ถ้าหากต่อไปทั้งสองคนนี้ทำผิดอีก พวกเธอก็ไม่ต้องไว้หน้าฉัน สามารถที่จะลงโทษได้เลย ฉันจะไม่ยุ่งอีก” เขาเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างใจแข็ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว จึงหันไปปรึกษากับจี้จิ่งเชินและหมินอันเกอพักหนึ่ง
ได้ยินการเสนอแนะของทั้งสองคนแล้ว ถึงได้พยักหน้าลงในที่สุด
“ในเมื่อคุณอยากจะให้เป็นแบบนี้ พวกเราก็คงจะต้องยอมอยู่แล้วล่ะค่ะ เพียงแต่ อย่างที่คุณพูดไว้ ถ้าหากต่อไปทั้งสองคนนี้ยังทำผิดอีก คุณไม่สามารถที่จะเข้ามาแทรกแซงได้แล้วนะคะ”
“แน่นอนว่าต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ฉันหล่อนเหลือยเป็นคนรักษาคำพูด”
หล่อนเจียนีและหลิวเหม่ยหลันได้ยินแล้วนั้น กลับรู้สึกตื่นกลัว จึงรีบเอ่ยพูดขึ้น : “คุณปู่ จะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ พวกเขาจะต้องไม่รักษาคำพูดแน่ๆ ถ้าหากต่อไปจะต้องหาข้ออ้างอะไรมาส่งตัวหนูไปอีกจะทำยังไงคะ?”
หล่อนเหลือยเอ่ยขึ้น : “รอให้ฉันตรวจสอบเรื่องราวก่อน ถ้าหากว่าพวกเขาใส่ร้ายความผิดให้แกจริงๆ ฉันก็จะไม่ให้แกไป แต่ถ้าหากเป็นความจริงล่ะก็ ต่อให้เป็นฉันก็คงจะช่วยอะไรแกไม่ได้”
ว่าแล้วนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าที่จริงจัง
พลางเอ่ยพูดขึ้นกับหล่อนเจียนี : “แกรู้นิสัยของฉันดี ถ้าหากครั้งนี้ไม่ใช่ว่าแม่ของแกมาอ้อนวอนขอร้องฉันเองถึงที่ ฉันก็ไม่มีทางมาที่นี่อย่างเด็ดขาด ยื่นมือเข้ามาแทรกเรื่องของตระกูลหล่อนก็ถือว่าเป็นการทำผิดกฎของตระกูลแล้ว ก็กลับไปรับโทษแล้วกัน”
“ต่อไปถ้าหากแกทำผิดอีกล่ะก็ ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว”