เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่821 ในสายตาของเขามีเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียวเท่านั้น

บทที่821 ในสายตาของเขามีเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียวเท่านั้น

บทที่821 ในสายตาของเขามีเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียวเท่านั้น

สายตาของทุกคนต่างก็มองไปทางนั้น แล้วก็ต้องรู้สึกตกใจกับเรือลำใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

โดยเฉพาะหงลี่ลี่ที่ชี้ไปยังเรือลำใหญ่แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ : “พ่อ นั่นเรือหรือเปล่าคะ? เรือสำราญใช่ไหม? ทำไมใหญ่กว่าเรือที่หนูเคยเห็นตั้งหลายเท่าเลย?”

ระหว่างนั้น เรือลำใหญ่ก็ขับมาถึงตรงชายฝั่งแล้ว

และทันใดนั้นเองลงหงก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไปมองทางจี้จิ่งเชิน

แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ได้มองเขา เพียงแค่ยกมือขึ้นมาทำท่าทาง

หลังจากนั้นเขาก็เห็นว่าดูเหมือนจะปรึกษากันเอาไว้ดีแล้ว ลูกเรือหลายคนที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีกระโดดลงมาจากเรือลำใหญ่ แล้วเอาเชือกเส้นใหญ่มายึดกับเรือลำที่ชำรุดลำนั้นของเขา

เรือขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราเมื่อเทียบกับเรือประมงลำนั้นแล้ว ราวฟ้ากับดินเลยอย่างไรอย่างนั้น

ถึงแม้ลงหงจะมีความรักทะนุถนอมเรือประมงของเขา แต่ก็รู้สึกได้เช่นกันว่าเรือประมงของเขาเมื่อมาอยู่ทางด้านหน้าของเรือลำใหญ่นี้แล้วดูเล็กไปเลย

“พวกคุณนั่งเรือยนต์นี่กลับไปก็ได้ครับ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำของจี้จิ่งเชินดังขึ้น ทั้งสามคนรวมถึงหงลี่ลี่ถึงได้ดึงสติกลับมา

หงลี่ลี่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ผู้ชายคนนี้มีหน้าตาที่หล่อเหลา มีออร่าที่ดูไม่สามารถแตะต้องได้อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อครู่นี้เธอมัวแต่ให้ความสำคัญกับพ่อของเธอจนไม่ทันได้สังเกตเห็นเขา

ตอนนี้พอได้เห็นแล้ว ก็ทำให้รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันที

เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาดูดีอย่างหาใครเทียบไม่ได้แบบนี้มาก่อนเลย

แม้แต่ดาราดังๆในโทรทัศน์ก็ยังไม่ดูดีเหมือนกับบุคคลนี้เลย

คำพูดของจี้จิ่งเชินนั้นมีแรงสยบมากยิ่งนัก ลงหงกับหลินจื่อล้วนแต่ไม่กล้าขัด

ลงหงกำลังจะดึงตัวลูกสาวไปนั้น กลับได้ยินหงลี่ลี่พูดติดอ่างออกมา : “พวกคุณผู้มีพระคุณทั้งสองคนนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นไปที่นู่นกับพวกเราซักหน่อยไหมคะ?”

คำพูดนี้พูดออกมาแล้ว สายตาของทุกคนล้วนแต่มารวมกันอยู่ที่ร่างของหงลี่ลี่

แต่หงลี่ลี่ดูเหมือนกับจะทุ่มสุดตัวอย่างไรอย่างนั้น แล้วพูดคำพูดที่เหลือออกมาจนจบ

เธอเอ่ยขึ้นเสียงสูง : “ที่นั่นมีลาเวนเดอร์สวยๆ แล้วก็ยังมีอาหารอร่อยๆอีกเยอะเลยด้วยนะคะ พวกคุณช่วยเหลือเราขนาดนี้ ฉันอยากจะตอบแทนอะไรพวกคุณบ้าง”

สายตาที่เย็นชาของจี้จิ่งเชินมองไปยังหงลี่ลี่

สีหน้าท่าทางที่เย็นชาของเขา ดูเหมือนกับน้ำเย็นที่สาดลงมายังร่างของเธอ

เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบไกล่เกลี่ยขึ้น “จริงหรือคะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรจะไปซักหน่อยแล้ว”

จี้จิ่งเชินมองเธออย่างไม่เห็นด้วย

“แค่ไปเป็นแขกเองค่ะ ไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว”

ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้พูดก็คือ เกาะแห่งนี้เงียบสงัดอยู่บ้างจริงๆ

ถึงแม้จี้จิ่งเชินจะอยู่กับเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ห่างไปไหน แต่เธออยากจะไปเดินเล่นกับเขาในเมืองที่ครึกครื้นมากกว่า ไปเห็นวิวทิวทัศน์อื่นๆบ้าง

จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว จึงลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยังคงพยักหน้าลง “โอเคครับ”

เดิมทีหงลี่ลี่คิดว่า จี้จิ่งเชินจะไม่ตอบรับเธอเสียอีก

คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมแล้วจริงๆ!

เธอที่ใสซื่อบริสุทธิ์นั้นไม่ได้คิดอะไรมาก รีบร้องออกมาด้วยความดีใจขึ้นมาทันที “ดีจังเลยค่ะ!”

เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินมาข้างๆเธอ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ : “อยากให้พวกเราไปเป็นแขกขนาดนั้นเลยหรือคะ?”

ตอนที่พูดประโยคนี้ ยังคงไม่ลืมที่จะส่งสายตาหยอกล้อจี้จิ่งเชินไปด้วย

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ที่นั่นสนุกมาก ฉันสามารถพาพวกคุณไปเที่ยวด้วยกันได้นะคะ!”

หงลี่ลี่จับมือเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความดีใจ “ทุกที่ในเมืองฉันเคยไปมาหมดแล้ว มีทิวทัศน์สวยๆหลายที่เลย ฉันสามารถพาพวกคุณไปดูได้นะคะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนลี่ลี่แล้วล่ะ”

เดิมทีที่จะต้องเดินทางกันสามคน ในที่สุดก็กลายเป็นห้าคนที่ไปเกาะข้างๆด้วยกัน

จี้จิ่งเชินเดิมตามอยู่ทางด้านหลังของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วมองเธออย่างจำใจ

เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งรอยยิ้มที่อ่อนโยนให้เขา

“พี่ยังไม่เคยไปดูวิวทิวทัศน์ตอนกลางวันบนเรือสำราญด้วยกันกับฉันเลยนะคะ”

เธอจับมือจี้จิ่งเชินเอาไว้ “พอดีเลยอาศัยโอกาสครั้งนี้ มาชมวิวบนท้องทะเลที่กว้างใหญ่นี้ด้วยกันกับฉันซักครั้งนะคะ”

บนเรือสำราญลำหรูครั้งที่แล้ว เขาเห็นเพียงแค่แสงจากดวงดาวเพียงเท่านั้น

อีกทั้งระหว่างนั้นยังเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นอีกด้วย

ตอนนี้ในที่สุดเขาก็สามารถมาเพลิดเพลินกับแสงอาทิตย์บนพื้นผิวทะเลนี้เงียบๆได้เสียที

ต่อให้จี้จิ่งเชินจะมีความกลัดกลุ้มมากแค่ไหน แต่พอมาอยู่ในฝ่ามือที่อ่อนโยนของเวินเที๋ยนเที๋ยนแบบนี้แล้วทุกอย่างก็ได้หายไปหมดแล้ว

หงลี่ลี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล มองดูพวกเขาที่ยืนใกล้ชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่างนั้น ราวกับกลายเป็นบรรยากาศที่ไม่รับรู้ถึงเรื่องอื่นๆอีกแล้ว

สวยงามเสียจนทำให้จิตใจอยากจะใฝ่หายิ่งนัก

“เจ้าเด็กน้อย คิดอะไรอยู่?”

ลงหงมองลูกสาวตัวเองอย่างขำๆ

ก่อนที่จะขึ้นเรือ เขาก็รู้ความคิดของหงลี่ลี่แล้ว

“พ่อคะ พวกเขาดูรักกันจัง”

หงลี่ลี่เอ่ยพูดขึ้นอย่างอิจฉา

“แน่นอนสิ เป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันมากๆเลยล่ะ”

“หรือคะ……”

หงลี่ลี่ก้มหน้าลงอย่างหดหู่

เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมายังห้องโถง และรับรู้ถึงอารมณ์ที่ดูซึมไปของหงลี่ลี่ได้อย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านี้เธอยังดูเต็มไปด้วยพลังอยู่เลย และยังโฆษณาด้วยว่าบ้านเกิดของตัวเองนั้นสวยงามขนาดไหน

“ดูเหมือนว่าเธอจะดูไม่ดีใจเลย จะถือไหมหากฉันจะถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า?”

เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินมาข้างๆหงลี่ลี่พลางเอ่ยถามเบาๆ

หงลี่ลี่เงยหน้าขึ้นมองเวินเที๋ยนเที๋ยน บางทีรอยยิ้มของเธอจะดูเป็นมิตรเกินไป หรือบางที่ตัวเองกำลังสงสัยมากเกินไป

เธอเม้มริมฝีปาก ลังเลอยู่พักหนึ่งถึงได้เอ่ยถามขึ้น : “คุณกับเขา ฉันเห็นพวกคุณยืนอยู่ด้วยกันแล้ว เหมาะสมกันมากเลยนะคะ”

เขาที่ว่านี่หมายถึงใคร เวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นรู้ดี

“ขอบคุณค่ะ พวกเราเพิ่งจะแต่งงานกัน”

เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบ

“แบบนี้นี่เอง……”

หงลี่ลี่ก้มหน้าลง แล้วไม่ได้เอ่ยพูดอีก

“ฉันกับเขา รู้จักกันมาตั้งนานแล้วล่ะ”

“เราเจอกันครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน”

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเด็กผู้หญิงตรงหน้า ราวกับเห็นตัวเองเมื่อก่อน

หงลี่ลี่ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนดึงดูดความสนใจนี้มา เห็นเธอไม่ได้เอ่ยพูดต่อ จึงรีบเอ่ยถามขึ้น “แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ?”

“หลังจากนั้นพวกเราก็ได้มาพบกันอีกครั้งเพราะโชคชะตา ผ่านเรื่องราวมามากมาย แม้กระทั่งผ่านบททดสอบแห่งความเป็นความตาย จนในที่สุดพวกเราก็ได้เดินมาด้วยกันแบบนี้”

“ตอนที่ก้าวเข้าไปในโถงที่จัดพิธีงานแต่งงาน ฉันกับเขาได้ให้คำสาบานต่อหน้าบาทหลวง ว่าจะมีเพียงกันและกันเพียงหนึ่งเดียวไปตลอดชีวิต”

น้ำเสียงที่อ่อนโยนของเวินเที๋ยนเที๋ยนดังขึ้น ราวกับว่าเรื่องราวที่ผ่านมาของเธอกับจี้จิ่งเชิน ได้ถูกฉายขึ้นมาอย่างรวบรัดอีกครั้ง

แล้วก็ทำให้หงลี่ลี่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเขาด้วยเช่นกัน

“อิจฉาพวกคุณจริงๆเลยนะคะ”

สีหน้าท่าทางที่ดูมีความใฝ่หาของหงลี่ลี่ปรากฏออกมา “สามารถหาคนนั้นที่เกิดมาเพื่อตัวเองได้แบบนี้ เป็นเรื่องที่มีความสุขมากจริงๆนะคะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนยกยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอย่างเห็นด้วย : “มีความสุขมากค่ะ”

ความสุขของเธอได้อยู่ในมือของจี้จิ่งเชินแล้ว

ความสุขของจี้จิ่งเชินเองก็ไปตามเธอด้วยเช่นกัน

เขาผูกมัดกันและกันแบบนี้ ผ่านเรื่องราวอุปสรรคกันมา แล้วก็ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อผ่านมันไปด้วยกัน

หงลี่ลี่จู่ๆก็รู้สึกปล่อยวางขึ้นมา “ขอโทษนะคะ”

เธอเอ่ยออกมาเบาๆอย่างรู้สึกผิด

ถึงแม้จะไม่ได้อธิบาย แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเดาได้ถึงความคิดที่อยู่ในใจของเธอ

หงลี่ลี่เอ่ยขึ้น “ขอให้พวกคุณมีความสุขนะคะ!”

น้ำเสียงนิ่งๆของเธอ ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “ขอบคุณค่ะ”

หงลี่ลี่แลบลิ้นออกมาอย่างมีชีวิตชีวา

“อิจฉาพวกคุณจริงๆเลยนะคะ ที่สามารถหาคนที่ตัวเองชอบเจอแล้วได้มาอยู่เคียงข้างกันแบบนี้”

เธอมองออกว่าจี้จิ่งเชิน ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ในสายตาของจี้จิ่งเชินมีเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียวเท่านั้น

ความรู้สึกที่ลึกซึ้งเช่นนี้ เธอจะทำลายมันลงได้อย่างไรกัน?

แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ได้จะทำให้มันพังอยู่แล้วเช่นกัน

พูดจบแล้วนั้น ใบหน้าของหงลี่ลี่ก็แดงขึ้นมา เธอจึงหันกลับแล้วเดินหนีไป

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท