บทที่ 866 ปกป้องเธอด้วยชีวิต
ฟังเสียงเปียโนบ่อยๆ ก็เบื่อได้
ไม่สู้ฟังนิทานดีกว่า
“ถ้าอย่างนั้นผมเล่านิทานให้คุณฟังไหม?”
จี้จิ่งเชินอยากคุยเป็นเพื่อนเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงปฏิเสธ “เมื่อวานคุณพ่อฉันก็เล่านิทานแล้ว ฉันว่าเขาอาจจะเล่าให้ฉันฟังอีก”
ถ้ามันซ้ำไป จะไม่สนุกแล้ว
จี้จิ่งเชินพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเสนอ “ถ้าอย่างนั้นเล่น ลูโด?หมากรุกห้าเม็ด กันไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินอย่างแปลกใจ
“คุณยังเล่นอันนี้เป็นด้วย?”
เธอนึกว่าจี้จิ่งเชินจะเล่นหมากรุกสากลอะไรแบบนั้น ที่เป็นอีกระดับหนึ่ง
“เคยดูคนอื่นเล่น”
จี้จิ่งเชินเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนสนใจ ก็สั่งให้จงหลีซื้อหมากรุกห้าเม็ดสำหรับคนท้องมา
“หมากรุกห้าเม็ดยังมีสำหรับคนท้องด้วย?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับจงหลี ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา
“แน่นอนว่ามี” จี้จิ่งเชินพยักหน้า “ถึงตอนนั้นคุณก็จะรู้เอง ไม่น่าเบื่อแน่นอน”
เห็นเขาพูดอย่างเชื่อมั่น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็งุนงงเล็กน้อย แต่เธอก็ยังเดินไปกับเขา
เครื่องมือและธงทั้งหมดได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ขยับก็จะปรากฏเป็นรูปแบบใหม่
ในเช็ทยังมีโต๊ะเล็กๆ แบบที่พับได้ สามารถแข่งหมากล้อมกันบนเตียงได้
ยังมีเบาะรองนั่ง หมอนอิง มีแม้กระทั่งที่วางแขน!
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นของพวกนี้ ปากก็หุบไม่ลงแล้ว
จี้จิ่งเชินกลับพอใจมาก ติดตั้งของพวกนี้แทนเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยตัวเอง
“ลองดูไหม?”
จี้จิ่งเชินส่งสายตาเจือรอยยิ้มให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
ราวกับพอใจในผลลัพธ์ของตัวเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าเล็กน้อย ลองพิงหมอนอิงก่อนเป็นอันดับแรก
วัสดุของหมอนอิงมีความยืดหยุ่น และนุ่มกว่าโซฟาเล็กน้อย
พิงอยู่บนเตียงรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
โต๊ะเล็กๆ ที่สามารถวางของได้ ก็ออกแบบมาอย่างประณีต
เหมาะกับการสรีระของร่างกาย
นั่งวางหมากอยู่บนเตียง จะไม่รู้สึกขาชาเลย
“ไม่เลวเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างพอใจ
การออกแบบหมากรุกห้าเม็ดกับลูโดนั้นยิ่งน่าสนใจ สี่ด้านของกระดานหมากรุกนูนขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวหมากรุกลื่นไถลตกลงมาบนพื้น
และลูกเต๋าของลูโด ใช้เป็นลูกเต๋าอิเล็กทรอนิกส์ แค่กดเพียงหนึ่งครั้งก็จะแสดงตัวเลขออกมา
เพื่อหลีกเลี่ยงความลำบากใจในการก้มเล็กลูกเต๋าที่อาจตกลงไปที่พื้น
ทั้งสองคนเล่นด้วยความครึกครื้นอยู่สองชั่วโมง
สุดท้ายเป็นจี้จิ่งเชินที่เป็นห่วงจะเหนื่อยเกินไป ถึงได้เก็บของออกไป
“ใกล้ได้เวลาที่ผมควรกลับแล้ว”
จี้จิ่งเชินบอกลาเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียงเบา “พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมคุณอีก”
เขาพูดพลางลุกขึ้น
ทันใดนั้นกลับถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนคว้ามือไว้
“วันนี้พักที่นี่ได้ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลัวว่าหลังจากจี้จิ่งเชินกลับไปแล้ว จะไม่นอนทั้งคืนอีก
ใช้การทำงานมาทำให้ตัวเองไม่ต้องรู้สึก ทำร้ายควบคู่ทั้งจิตใจและร่างกาย
เธอใจไม่แข็งพอและไม่ยินยอมให้เขาทำแบบนี้อีก
อยู่ๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ชวนจี้จิ่งเชินอยู่ต่อ ทำให้จี้จิ่งเชินประหลาดใจในทันที
แต่เปลี่ยนเป็นความดีใจแทบบ้าอย่างรวดเร็ว
“ได้ ผมจะอยู่ต่อ”
เขาระงับความดีใจและพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบมากที่สุด
แต่ก็ยังถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนสังเกตเห็น
แค่ให้เขาพักที่ตระกูลหล่อน ถึงกับดีใจขนาดนี้เลย?
เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะเสียงเบา และยกยิ้มที่มุมปาก
หล่อนหลีที่กลับมาตอนเย็น ก็เห็นจี้จิ่งเชินอยู่ข้างๆ เวินเที๋ยนเที๋ยน
ทั้งสองคนไม่ได้คุยอะไรกัน แค่นั่งอยู่ด้วยกัน แต่ภาพกลับดูเข้ากันได้ดี
“คุณแม่ กลับมาแล้วเหรอ”
ในใจเวินเที๋ยนเที๋ยนอยากถามหล่อนหลีเรื่องย้ายไปที่ปราสาทเก่า ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณแม่”
จี้จิ่งเชินเองก็เอ่ยเรียกไปหนึ่งครั้ง
หล่อนหลีมองจี้จิ่งเชินอย่างประหลาดใจมาก เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้จากจี้จิ่งเชินมาก่อนเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็รู้สึกตกใจเขาเช่นกัน
เธอคิดว่าแค่จี้จิ่งเชินเรียกว่าแม่ยายก็ไม่เลวแล้ว
“จี้จิ่งเชิน ในเมื่อมาแล้ว ก็อยู่ที่นี่หลายๆ วันหน่อย อยู่เป็นเพื่อนเที๋ยนเที๋ยน”
เมื่อหล่อนหลีดีใจ ก็ชวนเขาพักที่นี่ต่ออีก
เดิมที่คำพูดจะเกรงอกเกรงใจเล็กน้อย แต่คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินกลับตอบตกลง “ครับ”
ตกลงแล้ว
หล่อนหลีชะงักไปทันที แล้วมองไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยน
ผลลัพธ์คือเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้แสดงสีหน้าผิดปกติอะไร
“นี่พวกลูก คืนดีกันแล้วเหรอ?”
หล่อนหลียิ้มถาม
เมื่อสักครู่เดินเข้าประตูมาเห็นทั้งสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน ตอนนี้ยังเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นด้วยที่จะให้เขาอยู่ต่อ
เธอจะมองความคิดของเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ออกได้อย่างไร?
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างอายๆ
เย็นวันนั้น จี้จิ่งเชินอยู่ทานมื้อเย็น
พูดอย่างจริงจังนี่เป็นการทานข้าวกับพ่อตาแม่ยายมื้อแรกหลังจากที่จี้จิ่งเชินแต่งงานกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน จึงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้จี้จิ่งเชิน
เวินหงหยู้สีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
“เที๋ยนเที๋ยนเธอลำบากมามาก ผมหวังว่าต่อไปเธอจะมีชีวิตที่ดี”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“คุณพ่อวางใจ ผมจะปกป้องเธอด้วยชีวิต”
สายตาของจี้จิ่งเชินหนักแน่น เจือความมั่นคงและเด็ดเดี่ยวของเขา
คำพูดที่เขาพูดออกมา จะไม่เปลี่ยนใจภายหลังเด็ดขาด
“รู้ก็ดีแล้ว!”
เวินหงหยู้พยักหน้าอย่างพอใจ
ทั้งสองคนจึงดื่มไวน์ด้วยกัน
หล่อนหลีเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เดิมตามประเพณี พวกเราควรให้อั่งเปาพวกเธอคนละซอง แต่ว่าตอนนั้นพวกเราไม่ทันได้ให้”
งานแต่งงานของเวินเที๋ยนเที๋ยน พวกเขาก็อยู่ในงานด้วย
แต่อยู่ๆ จี้จิ่งเชินก็พาเวิคลอดลูกเที๋ยนเที๋ยนขึ้นเครื่องบินไป หล่อนหลีกับเวินหงหยู้เองคิดไม่คาดคิด พวกเขาสองคนไม่ได้ล่ำลาก็หนีไปฮันนีมูนแล้ว
อั่งเปาที่พกไปจึงไม่ได้มอบให้ด้วยซ้ำ
ตอนนั้นหล่อนหลีถึงกับบ่นอยู่พักหนึ่ง
จี้จิ่งเชินก้มหน้าขอโทษ “เพราะผมคิดไม่รอบคอบเอง”
เขาเพียงแค่อยากเซอร์ไพรส์เวิคลอดลูกเที๋ยนเที๋ยน
กลับไม่ได้บอกให้เวินหงหยู้กับหล่อนหลีให้เตรียมตัวไว้ก่อน
นี่เป็นความประมาทของเขาเอง
“ฉันไม่ได้จะตำหนิคุณ” หล่อนหลีส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา “แต่อั่งเปานี้ พวกเธอยังต้องรับไว้”
หล่อนหลีพูดพลางหยิบอั่งเปาออกมาจากไหนก็ไม่รู้ รวมเป็นอั่งเปาทั้งหมดสี่ซอง
แบ่งให้เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินคนละซอง
“อั่งเปาจากฉันและเวินหงหยู้ พวกเธอรับไปเถอะ พวกเราอวยพรพวกเธอช้าไป”
คำพูดของหล่อนหลี ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนตาแดงขึ้นมา
เธอรู้สึกถึงความรักของพ่อแม่อีกครั้ง
ฝ่ามืออุ่นๆ ของจี้จิ่งเชิน วางลงไหล่ของเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ
ปลอบเธอโดยไร้เสียง
“ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่”
จี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
ทั้งสองคนรับอั่งเปามาแล้วยิ้มให้กัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าบรรยากาศไม่เลว เลยคิดจะถามหล่อนหลีจะเห็นด้วยเรื่องย้ายไปที่ปราสาทเก่ากับเธอหรือไม่
“คุณแม่ หนูมีเรื่องจะคุยด้วย……”
กำลังพูดออกไป เธอก็ได้รับสายตาไม่เห็นด้วยจากเวินหงหยู้
ทำไมคุณพ่อถึงไม่ให้เธอถาม?
เวินเที๋ยนเที๋ยนแอบพูดในใจ กลับเห็นเวินหงหยู้ส่งสายตาเป็นนัยให้เธอ
มองตามสายตาของเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เห็นจี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่ข้างกาย
ใช่สิ ถ้าหากหล่อนหลีไม่เห็นด้วย เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายได้