เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่915 คุณอยากให้ฉันเรียกว่าอะไรล่ะ?

บทที่915 คุณอยากให้ฉันเรียกว่าอะไรล่ะ?

บทที่915 คุณอยากให้ฉันเรียกว่าอะไรล่ะ?

เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อุ้มหนูน้อยอยู่มองไปทางหลวนจื่อ ส่วนจี้จิ่งเชินก็ยืนอยู่ข้างๆอย่างทำตัวไม่ถูก

“ไม่เป็นไร คงจะหิวล่ะมั้ง ไหนฉันดูหน่อย”

หลวนจื่อยื่นมือไปอุ้มโดว์โดว์กลับมาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในผ้า คลำดูก็ไม่ได้ฉี่นี่นา

“น่าจะหิวแล้ว” พูดจบ หลวนจื่อก็ใช้ข้อศอกสะกิดหมินอันเกอที่อยู่ข้างๆ

หมินอันเกอรีบพยักหน้ารับ แล้วหันไปหยิบขวดนมที่เตรียมมาด้วยอย่างรวดเร็ว

หลวนจื่อรับมันมาอย่างชำนาญ

ทันทีที่โดว์โดว์ได้กลิ่นหอมของนม เขาก็โผเข้าหาทันที

พร้อมกับจับขวดนมแน่นแล้วดูดขึ้น

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

ถ้าแฟนคลับของสองคนนี้มาเห็นท่าทางของพวกเขาในตอนนี้จะต้องประหลาดใจมากแน่ๆ

อดีตแฟนหนุ่มในอุดมคติ ตอนนี้ได้กลายมาเป็นคุณพ่อลูกอ่อนอย่างเต็มตัวแล้ว

“ท่าทางของพี่หมินดูคล่องแคล่วมากเลยค่ะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะเยาะ ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความอิจฉา

เธอยังจำครั้งแรกที่ลูกในท้องดิ้นได้อยู่เลย มันรู้สึกจักจี้ที่หน้าท้อง ราวกับมีผีเสี้อมาบินวนไปมารอบๆบริเวณนั้น

นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่ามีเด็กตัวน้อยๆอยู่ในท้องของเธอจริงๆ

โดว์โดว์เป็นเด็กร่าเริง เสียงร้องใสแจ๋ว แถมยังแข็งแรงด้วย

มันทำให้เธอนึกถึงลูกของตัวเองที่นอนนิ่งอย่างอ่อนแอ เหมือนกับว่าแค่ลมพัดก็อาจจะปลิวไปได้ เธอรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที

“หลวนจื่อ อิจฉาเธอจังเลย” เวินเที๋ยนเที๋ยนกระพริบตาปริบปริบ

หลวนจื่อจึงพูดปลอบใจออกไป “เที๋ยนเที๋ยน ฉันเชื่อในตัวแกนะ อีกไม่นาน แกก็จะเหมือนกับฉันในตอนนี้แหละ ได้อุ้มลูกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างมีความสุข”

“ฉันยังจำได้นะ ตอนที่โดว์โดว์พึ่งเกิด เขาดูอวบอ้วน น่ารักมากๆเลยล่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกย้อนไป

เนื่องจากลูกของตัวเองคลอดก่อนกำหนดเลยทำให้เขาต้องออกจากครรภ์เร็วกว่าคนอื่น เสียงร้องของเขานั้นเบาพอๆกับยุงเลย แถมยังตัวเล็กและผอมมากด้วย แตกต่างกับโดว์โดว์อย่างลิบลับ

“ตอนที่พึ่งคลอด ฉันว่าเขาหน้าตายู่ยี่เหมือนกับลิงมากกว่า ในใจฉันก็ได้แต่สงสัยว่า นี่อุ้มผิดคนรึเปล่า ” หลวนจื่อพูดด้วยท่าทางจริงจัง

“หืม ลิงเนี่ยนะ?มีแค่แกนั่นแหละที่รู้สึกว่าเหมือนลิง ดูสิ โดว์โดว์น่ารักจะตาย” เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกขำเพราะคำพูดของหล่อน

ไม่มีใครบอกว่าลูกของตัวเองน่าเกลียดหรอก?

เกิดมาร่างกายแข็งแรง นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว

เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พูดแหย่หลวนจื่อไป ทว่าส่วนมากจะเป็นหลวนจื่อซะมากกว่าที่ทำให้เธอขำ

หลังจากคุยกันสักพัก หลวนจื่อกับหมินอันเกอก็ขอตัวกลับไป

จี้จิ่งเชินเดินไปส่งพวกเขา

หลวนจื่อที่อุ้มโดว์โดว์อยู่ มองไปที่ใบหน้าของเขา

แล้วพูดด้วยความกังวล “นายกลับไปพักผ่อนสักพักเถอะ ดูสิว่าตัวเองเหนื่อยขนาดไหนแล้ว?”

สภาพของจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้านั้นช่างแตกต่างกับตอนที่พึ่งรู้จักราวฟ้ากับเหว ตอนนั้นเธอคิดภาพไม่ออกเลยว่าผู้ที่มีอิทธิพลของแวดวงธุรกิจโลกอย่างเขาจะมีวันที่มาคอยดูแลผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้างๆแบบนี้?

ความรักมันช่างเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์เสียจริง ไม่น่าเชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หลายๆอย่างเช่นนี้

“ฉันยังไหว” จี้จิ่งเชินตอบ

หลวนจื่อถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว ลูกของนายกับเที๋ยนเที๋ยนอาการเป็นยังไงบ้าง? ”

ตอนนี้ทุกคนแทบจะรู้หมดแล้วว่าร่างกายของหนูน้อยอาจจะมีความบกพร่องได้ แถมยังอยู่ในสภาวะอันตรายด้วย

แต่ทุกคนก็ร่วมใจกันปิดบังเรื่องนี้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน

เธอพึ่งผ่านความเป็นความตายมา ฉะนั้นจึงไม่ควรให้มีเรื่องอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ

เมื่อได้ยินคำถามนี้ จี้จิ่งเชินก็ก้มหน้าลงไม่พูดไม่จา

หมินอันเกอเข้าใจได้ทันที สถานการณ์คงยังไม่ดีขึ้นใช่ไหมล่ะ?

“หมอบอกว่า มันอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการได้” จี้จิ่งเชินก็ไม่แน่ใจว่าผลกระทบมันหนักถึงขั้นไหน

เขาไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้จะเติบโตมาได้อย่างแข็งแรงหรือไม่

นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากให้เวินเที๋ยนเที๋ยนไปหาลูกบ่อยๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะฐานะของเขา หรือถ้าเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ใช้ชีวิตกับเวินเที๋ยนเที๋ยนได้อย่างไม่มีอุปสรรคใดๆ พวกเราก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องมากมายขนาดนี้หรอก

ยิ่งไปกว่านั้น ลูกก็จะได้ไม่ต้องตกอยู่ในอันตรายตั้งแต่แรกเกิดแบบนี้ด้วย

หมินอันเกอตบไหล่จี้จิ่งเชินเบาๆ เพื่อแสดงถึงการสนับสนุนของเขา

“ลูกของเที๋ยนเที๋ยน ฉันจะต้องดูแลไว้ให้ได้” จี้จิ่งเชินพูดอย่างแน่วแน่ “ฉันจะไม่พวกเขาต้องตกอยู่ในอันตราย”

ทั้งสองคนได้แต่ตะลึง แล้วพยักหน้ารับ

เมื่อส่งทั้งสองคนกลับไปแล้ว จี้จิ่งเชินก็กลับมายังห้องพักฟื้น และเดินตรงเข้าไปนั่งที่ข้างเตียงเวินเที๋ยนเที๋ยน

พร้อมกับจ้องไปที่เธอ

โดยไม่พูดไม่จา

เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาจ้องจนหน้าร้อนผ่าว เธอเลยยกมือขึ้นมาคลำที่หน้าตัวเอง แล้วพูดขึ้น

“จ้องฉันทำไมคะ?บนหน้าฉันมีอะไรติดอยู่รึเปล่า?”

จี้จิ่งเชินส่ายหน้า

“ถ้างั้น ทำไม……”

จี้จิ่งเชินยังคงจ้องเธออยู่

เวินเที๋ยนเที๋ยนยอมแพ้ เธอหยิบหมอนที่ขนนกนุ่มนิ่มขึ้นมาบังหน้า บังสายตาที่ร้อนแรงของเขา

จี้จิ่งเชินยกมุมหมอนขึ้น สายตาแวววาวราวกับไข่มุกดำห่างจากใบหน้าของเที๋ยนเที๋ยนไม่กี่คืบ

เมื่อสบตากับเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ้มร่าออกมาอย่างอดไม่ได้

เธอจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอกัน เธอก็ถูกดวงตาของเขาดึงดูดไว้ ดวงตาที่ดูลึกลับ เหมือนกับว่าข้างในมีโลกอีกใบซ่อนอยู่

แถมยังแฝงไปด้วยความสุขุมและความดื้อนิดๆ ดูน่าหลงไหลมาก

ทว่าตอนนี้มีเพียงเงาของเธอเท่านั้นที่สะท้อนอยู่นัยน์ตาคู่นี้ เธอคือโลกทั้งใบของเขา

รอบดวงตาของเขาเริ่มดำคล้ำลง แถมนัยน์ตายังมีเส้นเลือดเล็กๆสีแดงๆปรากฏขึ้นมาด้วย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาทำงานหนักเกินไป

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกผิดเล็กน้อย ตอนนี้พ่อเทพบุตรอย่างเขากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก

แต่แล้วยังไง?เขาก็ยังคงเป็นเทพบุตรสำหรับเธอเหมือนเดิม

พอคิดถึงตรงนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หลับตาแล้วโน้มตัวไปจูบที่แก้มของเขา จากนั้นก็เอนตัวกลับมา

ทันทีที่จี้จิ่งเชินได้รับจูบนี้ ความโกรธในใจก็เริ่มสลายกลายเป็นความรู้สึกดีๆ

เขาอ้าแขนออกแล้วโอบกอดเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ในอ้อมอกของตัวเอง

“คุณยั่วโมโหผมแล้ว”

คำพูดนี้ฟังดูไร้เดียงสา แถมออกไปทางอยากอ้อนซะมากกว่า

เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินประโยคนี้ เธอก็เงยหน้ามองเขา แล้วยิ้มพูดขึ้น“เมื่อไหร่หรอคะ?”

“เมื่อกี้นี้”

พูดประโยคนี้จบ เขาก็ไม่พูดอะไรต่ออีก

“เมื่อกี้นี้?ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย?”

เวินเที๋ยนเที๋ยนเอาหน้าถูกับคางของจี้จิ่งเชินไปมาเบาๆ

จี้จิ่งเชินรีบผละตัวออก มองที่หน้าผากของเธอเห็นรอยแดงนิดหน่อย เขาก็ถอนหายใจออกมา “ทำคุณถึงเรียกหมินอันเกอแบบสนิทสนมกันขนาดนั้น?”

“พี่หมินหรอ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจ เธอเรียกเขาแบบนี้มาตลอดนี่นา

“เรียกอีกแล้ว” จี้จิ่งเชินกระชับแขนแน่นขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดต่อ “แล้วคุณเรียกผมว่าอะไร?เมื่อก่อนเอาแต่เรียกพี่จิ่ง แต่ตอนนี้แทบไม่ได้ยินคุณเรียกผมแบบนั้นเลย”

ที่แท้ก็งอนเพราะเรื่องนี้

เวินเที๋ยนเที๋ยนก็แค่คิดว่าหมินอันเกอเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆเพราะงั้นเธอก็เลยเรียกแบบนั้น แต่สำหรับเขา ตอนเด็กเธอก็ไม่รู้หรอกว่าความรักมันคืออะไร แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าจี้จิ่งเชินนี่แหละคือความรักของเธอ

ไม่นึกเลยว่าเขาจะหึงเพราะเรื่องเรียกชื่อ

ผู้ชายหึงขึ้นมานี่น่ากลัวจริงๆ

แต่ทว่าในใจเธอกลับรู้สึกใจชื้นขึ้นมา หึงก็แปลว่าใส่ใจน่ะสิ แสดงว่าจี้จิ่งเชินใส่ใจเธอมากๆ

“ถ้างั้นคุณอยากให้ฉันเรียกคุณว่าอะไรล่ะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มถามขึ้น

พร้อมกับเอียงหัวมองจ้องไปที่ตาของเขา เหมือนต้องการรู้ว่า

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน