เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่ 918 ความพยายามของหนูน้อย

บทที่ 918 ความพยายามของหนูน้อย

บทที่ 918 ความพยายามของหนูน้อย

“จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน”

“สารพิษ? ไม่ใช่ว่าตรวจหาไม่เจอหรอ?” เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเธอก็ใจสลายทันที เด็กตัวเล็กขนาดนั้นจะรับมือกับการผ่าตัดไหวหรอ?

เธอไม่อยากจะคิดต่อไปเลย เธอหันมาหาจี้จิ่งเชินที่ดูร้อนใจไม่ต่างกับเธอ

ทำยังไงดี?

“คุณพยาบาล จะเริ่มผ่าตัดเมื่อไหร่ครับ?”จี้จิ่งเชินยังคงมีสติอยู่เล็กน้อย

“ตอนนี้แหละค่ะ อีกเดี๋ยวก็จะเริ่ม เพราะถ้ายืดเวลาออกไปอาจจะไม่เป็นผลดีต่อเด็ก อีกอย่างสารพิษก็สามารถแตกกระจายได้ตลอดด้วย”

“ถ้างั้นความเสี่ยงในการผ่าตัดครั้งนี้……”

“ตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องความเสี่ยงแล้วค่ะ?อาการเด็กกำลังแย่ลงเรื่อยๆนะคะ”

พยาบาลเองก็รู้สึกร้อนใจนิดๆ น้ำเสียงของเธอเลยดูหัวเสีย เธอรู้ว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงมาก และเธอก็คุ้นเคยกับทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เป็นอย่างดี เธอรู้ว่าทั้งสองมีฐานะ หน้าตา ตำแหน่งอันทรงเกียรติแค่ไหน แต่ตอนนี้คนไข้สำคัญที่สุด เธอไม่มีเวลามาสนใจเรื่องท่าทางและน้ำเสียงแล้ว

เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินสบตากัน แล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันออกไป

“จัดการเถอะ”

“รีบจัดการเลยค่ะ”

ทั้งสองเซ็นชื่อลงบนใบขออนุญาตด้วยมือที่สั่นระริก เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ว่าการที่เซ็นชื่อลงไปนั้น มันหมายความว่าชีวิตของหนูน้อยกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย หรือเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่อันตรายที่สุดเลยก็ว่าได้

คุณพยาบาลรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องตรวจ จากนั้นก็มีพยาบาลอีกหลายคนเดินรุดออกมาพร้อมกับเตียงเด็ก

หัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนแทบจะหยุดเต้นลงตรงนั้นเลยทีเดียว

เกิดอะไรขึ้น?

ทำไมถึงเข็นออกมาเร็วขนาดนี้?

เวินเที๋ยนเที๋ยนอยากจะไปดูข้างหน้า ทว่าแขนทั้งสองข้างกลับไร้เรี่ยวแรง เธอไม่สามารถเข็นรถไปได้

จี้จิ่งเชินเดินโซซัดโซเซออกไปข้างหน้า แล้วดึงพยาบาลไว้คนหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้พูด เขาก็ถูกผลักออก

“ขอความกรุณาญาติหลีกทางด้วยนะคะ คนไข้ต้องไปห้องผ่าตัด”

พอได้ยินประโยคนี้หัวใจก็พองโตขึ้นมา เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินได้สติทันที ยังมีทางรอดอยู่

ดีนะที่พวกเขาไม่พูดว่า “พวกเราทำดีที่สุดแล้ว”

“เที๋ยนเที๋ยน อย่างกลัวไปเลยนะ ยังผ่าตัดได้อยู่” จี้จิ่งเชินกอดเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่บนรถเข็นไว้แน่น จากนั้นก็เดินตามหมอและพยาบาลไปแล้วรออยู่ที่นอกห้องผ่าตัด

“ติ๊ง~” ไฟที่หน้าห้องผ่าตัดสว่างขึ้น——“กำลังผ่าตัด”

“พี่จิ่ง” เวินเที๋ยนเที๋ยนร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสาย

ผิดที่เธอเอง

ถ้าตอนแรกเธอไม่กินของที่เวินหงไห่เอามาให้ก็คงจะดี

แต่ก็อย่างที่รู้คนเลวก็คือคนเลว แม้เธอจะไม่กิน เขาก็จะต้องหาทางบีบบังคับยัดเยียดให้เธอกินอยู่ดี

เพราะมันคือสิ่งที่เขาต้องการไงล่ะ

เขาไม่เพียงแต่ต้องการให้จี้จิ่งเชินเสียบริษัทไป แต่เขายังต้องการให้เวินเที๋ยนเที๋ยนหลานสาวของเขาตายไปพร้อมกับเขาด้วย

บางทีเขาอาจจะไม่เคยเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นหลานสาวของตัวเองเลยก็ได้

คนเห็นแก่ตัวแบบนี้ มักจะคิดถึงตัวเองอยู่ตลอด ขนาดญาติพี่น้องหรือภรรยาที่นอนร่วมเตียงกับเขา เขายังกล้าทุบตีและก่นด่าได้เลย นั่นก็เพราะโลกของเขามีแต่ตัวเขาเอง

จี้จิ่งเชินลูบหลังเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ เขาไม่สามารถพูดปลอบอะไรไปได้มากกว่านี้ เพราะเขาก็กำลังแย่เหมือนกัน

จี้จิ่งเชินติดต่อหล่อนหลีกับเวินหงหยู้ไป ยังไงพวกเขาก็เป็นตากับยายของเด็ก ฉะนั้นจึงมีสิทธ์ที่จะรับรู้ เขาทำได้เพียงแต่อธิบายว่าสถานการณ์มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะเขาไม่อยากให้ผู้อาวุโสทั้งสองต้องกังวล

พอมาถึง หล่อนหลีก็เอาผ้าห่มผืนหนึ่งคลุมไว้ที่บ่าเวินเที๋ยนเที๋ยน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรักและห่วงใย

“พ่อกับแม่มาแล้วหรอคะ”

เมื่อพูดออกไป เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้รู้ว่าเสียงของเธอแหบไปแค่ไหน เสียงคัดจมูกและดวงตาแดงก่ำที่บวมเป่งล้วนบ่งบอกได้ว่าเมื่อกี้เธอพึ่งร้องไห้

“เที๋ยนเที๋ยน หนูรู้ไหม?ตอนแรกที่แม่เอาหนูวางไปไว้ที่ประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซี หัวใจของแม่ก็เจ็บปวดเหมือนกับโดนมีดกรีดแบบนี้แหละ”

ทั้งเธอและแม่ต่างก็ผ่านประสบการณ์เดียวกันมา ฉะนั้นจึงทำให้ทั้งคู่รู้สึกเข้าใจกันมากเป็นพิเศษ

“แม่” เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าใจความทุกข์ของแม่เธอแล้ว

มีเพียงแค่การที่ได้เป็นแม่จริงๆเท่านั้นแหละถึงจะรับรู้ได้ความเจ็บปวดเจียนตายแบบนี้

“ไม่เป็นไรนะ คนดีผีคุ้ม ดูสิหนูยังเติบโตมาได้ถึงตอนนี้เลย?แม่เชื่อว่า หลานชายตัวน้อยของแม่ก็จะปลอดภัยเหมือนกัน”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า จากนั้นก็น้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณแม่ คุณพ่อครับอยู่กับเที๋ยนเที๋ยนไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อของกินมาให้เธอ ”

เธอรออย่างทรมานมานานแล้ว เขาเลยคิดว่าเที๋ยนเที๋ยนคงจะหิว ถึงแม้ว่าเธอจะกินได้ไม่มากนัก แต่เธอก็ต้องได้กิน

ที่จริงจี้จิ่งเชินอยากจะหนีจากพวกเขา เขากลัวว่าพอเห็นน้ำตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วจะทำให้เขานึกเสียใจกับการตัดสินใจในตอนแรกของเขา ที่ปล่อยให้เที๋ยนเที๋ยนคลอดเด็กออกมา

เขาเดินหลบเข้าไปตรงมุมที่มีลิฟต์ จากนั้นจี้จิ่งเชินก็ชกเข้าไปที่ผนังอย่างจัง

ดวงตาเขาแดงก่ำเพราะกลั้นน้ำตาไว้ ริมฝีปากก็เม้มแน่น กัดฟันกรอด ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็ตกใจเพราะท่าทางที่ดูดุร้ายของเขา

ห้ามคนนอกเข้า

เขาจัดการเสื้อผ้าตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาบอดี้การ์ดที่ดูแลอยู่นอกห้องขัง

“จัดการมัน และอย่าให้มันได้ตายง่ายๆ”

เขาพ่นวาจาแสนอำมหิตออกมา

ทำร้ายคนของฉัน ก็ต้องรู้ว่าจะได้รับโทษอะไรตามมา

เสียงปลายสายจากบอดี้การ์ดที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีขานตอบ“ครับ”

เวินหงไห่ที่อยู่ในห้องขังยังไม่รู้ว่านี่คือช่วงสุดท้ายที่สบายที่สุด อีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาจะได้เผชิญหน้ากับนรกของจริงแล้ว

เมื่อจี้จิ่งเชินถืออาหารกลับมาสองสามอย่าง ที่หน้าห้องผ่าตัดก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายแล้ว

หลวนจื่อกับหมินอันเกอ ทั้งพ่อบ้านและพวกแม่ครัว หรือแม้แต่เหยาเย้นก็มาด้วย

จี้จิ่งเชินก้มหัวทักทายแต่ละคน พอมาถึงข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยน บนตักเธอก็มีซุปไก่ดำวางอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของแม่ครัว

“กินอีกนิดนะแล้วค่อยทานข้าว ท้องจะได้ไม่โล่งเกินไป”

จี้จิ่งเชินพูดกล่อมเวินเที๋ยนเที๋ยน

จี้จิ่งเชินรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาไม่น้อยเมื่อโดนลมหนาวจากข้างนอกโรงพยาบาลพัดโหมเข้าใส่ เขาเป็นเสาหลักของเที๋ยนเที๋ยน และเป็นเสาหลักของครอบครัว ใครจะล้มก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เขา นี่เป็นความรู้สึกลึกๆของลูกผู้ชายคนหนึ่ง

ฉะนั้นเขาต้องเข้มแข็ง เที๋ยนเที๋ยนจะได้มองเห็นความหวัง

“ไม่อยากกินแล้ว ฉันหิว”

หลังซดซุปไปอีกสองคำ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็บอกว่าจะทานข้าว

จี้จิ่งเชินไม่อาจปฏิเสธได้ ความจริงเขาเตรียมคำพูดไว้มากมายเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ ทว่าตอนนี้กลับไม่ได้พูดซักคำ

เขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งคนหนึ่ง

ซึ่งความเข้มแข็งนี้แหละที่ทำให้เขาทั้งรักและทั้งปวดใจ

บางครั้งเขาก็อยากให้เธอไม่เข้มแข็งบ้าง อยากให้เธอร้องไห้ซบอกเขาบ้าง ให้เขาได้ดูแลและปกป้องเธอจากอันตรายต่างๆ

“เที๋ยนเที๋ยน ค่อยๆกิน”

เหยาเย้นมองดูอยู่ข้างๆ รอเธอกินเกือบเสร็จแล้ว หล่อนก็หยิบสมุดวาดภาพอันเล็กๆออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เวินเที๋ยนเที๋ยน

เวินเที๋ยนเที๋ยนรับมาอย่างงงๆ แล้วพลิกดู

หน้าแรกเป็นภาพวาดผู้หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งแล้วก็มีเด็กๆรายล้อมอยู่รอบๆ พวกเขาเต้นรำอยู่รอบๆตัวเธอ เห็นได้ชัดเลยว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ในภาพคือเวินเที๋ยนเที๋ยน

หน้าที่สองเป็นภาพวาดเที๋ยนเที๋ยนที่สวมชุดเจ้าสาว บนชุดเจ้าสาวถูกตกแต่งด้วยภาพวาดของเด็กน้อยทั้งหลาย

หน้าที่สามมีคุณยายแก่ๆคนหนึ่ง ซึ่งก็คือท่านผู้อำนวยการนั่นเอง เธอยืนอยู่ที่หน้าประตูสถานเลี้งเด็กกำพร้าเฉินซีแล้วมองมาด้วยสายตาที่เมตตาและอ่อนโยน

หน้าที่สี่คือเวินเที๋ยนเที๋ยนสวมชุดกระโปรงแล้วจูงมือเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างของเด็กผู้ชายก็อยู่ในฝ่ามือของจี้จิ่งเชิน

ส่วนหน้าที่ห้า……

ภาพเล็กๆทั้งหมดถูกเย็บรวมกันเป็นสมุดภาพเล่มหนึ่ง และภาพพวกนั้นก็เป็นผลงานจากเด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งนั้น

ถึงแม้ลายเส้นที่วาดจะดูบิดบิดเบี้ยวเบี้ยว และแม้จะใช้สีสันฉูดฉาดไปหน่อย แต่ด้านในมันกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ สุดท้ายมันก็ออกมาเป็นสมุดภาพเล่มนี้

……

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท