บทที่ 929 เย็นชาเกินไป
เรื่องที่ขัดต่อธรรมชาติมักจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีแทบทั้งหมด มีดีก็ต้องมีไม่ดี
“ข้อเสียคือ พัฒนาการ ที่โตเร็วอาจจะสูญเสียความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้ ในอนาคตเป็นไปได้ว่าด้านนิสัยกับอารมณ์จะมีความบกพร่อง รักคนอื่นได้ยาก”
หมอพยายามใช้วิธีเปรียบเทียบที่เข้าใจง่ายอธิบายโรคนี้
“รักไม่เป็น?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเหม่อลอย
เด็กน้อยน่ารักขนาดนั้น ยังเด็กขนาดนั้น ในอนาคตกลับรักไม่เป็น รักไม่เป็นก็ได้รับความรักจากคนอื่นได้ยาก หรือว่าเขาจะต้องโดดเดี่ยวไปจนแก่เฒ่า?
จี้จิ่งเชินมองหยู๋ชิงในอ้อมแขน คิดไปถึงความเย็นชาของเขาเมื่อโตขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนจะเสียใจแค่ไหนกัน
“แต่ว่า ยังพอมีความหวัง”
คำพูดประโยคเดียวของหมอจุดความหวังของสองสามีภรรยาขึ้นมาอีกครั้ง
“ตอนนี้เด็กยังเล็กทุกอย่างยังไม่สายเกินไป พวกคุณหมั่นสื่อสารกับลูกบ่อยๆ ปลูกฝังความรู้สึกของเขา บางทีอาจจะสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินสบตากันต่างเห็นดวงไฟในดวงตาของอีกฝ่าย
เพื่อลูกแล้ว ยังมีโอกาส
พวกเขาล้วนไม่อยากให้หยู๋ชิงกลายเป็นคนที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก
ระหว่างทางกลับบ้าน เวินเที๋ยนเที๋ยนเอาแต่หยอกจี้หยู๋ชิงในอ้อมแขน
“ชิงชิง หอมแม่หน่อย” พูดพลางยื่นหน้าขาวผ่องของตัวเองออกไป
จี้หยู๋ชิงกะพริบตาอยู่ครู่ใหญ่ เอียงศีรษะออกห่างอย่างไม่สนใจ มองไปทางข้างนอกหน้าต่าง
สายตาเย็นชา
เวินเที๋ยนเที๋ยนผิดหวังไปครู่หนึ่ง
“เที๋ยนเที๋ยน ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป”
ทิวทัศน์ข้างนอกหน้าต่างค่อยๆ ผ่านไปในย่านใจกลางเมืองที่เอะอะ ความเร็วของรถเร็วมาก ร้านค้าที่เรียงรายอยู่ริมถนนโอ่อ่าตระการตา สินค้าสวยงามส่องประกายภายใต้แสงไฟ
ผู้คนสัญจรไปมาบนทางเท้า หญิงชราคนหนึ่งถือลูกสุนัขในกล่องกระดาษ คู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งอุ้มลูกสุนัขสีขาวหิมะขึ้นมาแล้ว ชี้ไปมาพูดอะไรบางอย่างกับหญิงชรา
ลูกสุนัขน่ารักส่ายหางไปมาอย่างน่ารักมาก
“จอดรถ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนใจเต้นขึ้นมาทันที ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมา
รถจอดสนิทแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนเปิดประตูรถวิ่งออกไปอย่างอดใจรอไม่ไหว
จี้จิ่งเชินรับจี้หยู๋ชิงที่เธอยัดส่งให้มา มองที่เธออย่างสงสัย
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินวนกลับมา ในมือก็มีลูกสุนัขที่มีจุดด่างสีเหลือง สีขาวและสีดำบนตัว รอบดวงตาข้างหนึ่งล้อมด้วยสีดำ ดูแล้วราวกับโจรสลัดตาเดียว
เวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นรถ ยื่นลูกสุนัขไปตรงหน้าของจี้หยู๋ชิง
“เสี่ยวชิงชิง นี่คือสุนัข ชอบไหม?”
ในความทรงจำของเวินเที๋ยนเที๋ยน เด็กเล็กมักจะไม่มีแรงต้านทานพวกสัตว์เลี้ยง
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามักจะมีแมวจรจัดตัวใหญ่ นอนอาบแดดอย่างขี้เกียจ พวกเด็กๆ ล้วนเดินไปดูมัน แมวจรจัดตัวนั้นก็ไม่กลัวคนแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับเล่นกับพวกเด็กๆ อย่างมีสนุกสนาน
จี้จิ่งเชินเองก็จ้องจี้หยู๋ชิง ให้ความสนใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของเขา
“รอกลับบ้านอาบน้ำเรียบร้อยแล้วค่อยกอด”
แม้ว่าสีหน้าจะไม่แสดงออกว่าชอบมากนัก แต่ก็ยังดีที่เต็มใจเข้าไปกอดลูกสุนัข เวินเที๋ยนเที๋ยนชอบใจ ทันทีที่กลับถึงบ้านก็รีบส่งลูกสุนัขไปอาบน้ำเสียจนสะอาด แล้วจึงส่งไปตรงหน้าของจี้หยู๋ชิง
จี้หยู๋ชิงใช้นิ้วมือแหย่ลูกสุนัขที่นอนฟุบอย่างโอนอ่อนผ่อนตาม ลูกสุนัขส่ายหางไปมา ส่งเสียงเห่าอย่าอ่อนโยน
จี้หยู๋ชิงขยับก้นเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ชอบขนาดนั้น
ลูกสุนัขเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่ยังคงกลัวอยู่มาก แต่คำโบราณกล่าวไว้ว่า ลูกวัวเกิดใหม่ไม่กลัวเสือ
ไม่กี่วันต่อมา ลูกสุนัขตัวนี้ก็ฟื้นคืนสู่ธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงแสนร่าเริง มักจะวนไปรอบๆ จี้หยู๋ชิง หางสั้นๆ ส่ายไปมา ใช้หัวดันเขาไม่หยุด
ในทางกลับกันจี้หยู๋ชิงท่าทางเย็นชา ไม่ว่าลูกสุนัขจะร่าเริงแค่ไหน ท่าทางเขาก็เหมือนกำลังดูละคร เอียงศีรษะมองมันอยู่อย่างนั้น
ในคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลหล่อน
หลิวเหม่ยหลันมองสภาพในห้อง
ตั้งแต่มีคำสั่งของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชิน คนของตระกูลหล่อนก็ไม่ช่วยพวกเขาทำความสะอาดแล้ว
บนโต๊ะเต็มไปด้วยขยะที่ทั้งสองคนทิ้งไว้ ห้องรกราวกับคอกหมู
ตอนที่หล่อนเจี้ยนกั๋วยังอยู่ เธอจะลำบากขนาดนี้เสียที่ไหน?
ถ้าไม่ใช่เพราะเวินเที๋ยนเที๋ยน ตอนนี้พวกเขาจะตกอับมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
“คุณแม่! คุณรู้ไหมว่าหนูได้ยินอะไรมา?”
ในตอนนั้นเองหล่อนเจียนีก็กลับมาอย่างรีบร้อน
“คุณแม่ คุณแม่ดูสิว่านี่คืออะไร?”
เธอคลี่รูปที่ยับยู่ยี่เป็นก้อนกลมออกอีกครั้ง ด้านบนนั้นเป็นจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยิ้มแย้มอย่างสดใส
จี้หยู๋ชิงตัวเล็กๆ นั่งอยู่บนตักของจี้จิ่งเชิน มือเล็กข้างหนึ่งถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนจับไว้และลืมตากว้างจ้องเธอ
“เด็กน้อยนั่นเป็นใคร?”
หลิวเหม่ยหลันไม่เคยออกจากบ้าน คนที่ติดต่อกันอยู่ทุกวันมีแค่คนใช้ของตระกูลหล่อนกับหล่อนเจียนี
และเรื่องเกี่ยวกับจี้หยู๋ชิงและเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินได้สั่งไว้ว่าไม่ให้พวกเขาบอกกับทั้งสองคน
ดังนั้นพวกเธอจึงไม่เคยเห็นจี้หยู๋ชิง
“เป็นลูกของคนสารเลวเวินเที๋ยนเที๋ยนคนนั้นกับจี้จิ่งเชิน”
หล่อนเจียนีกัดฟันพูด
“ลูกได้ยินมาจากไหน?”
“หนูแอบฟังพวกพ่อบ้านพูดกัน รูปนี้หนูขโมยมาจากบนโต๊ะในห้องสมุดของพวกเขา! ไม่ใช่ของปลอมแน่”
“เจียนี ก่อนหน้านี้ลูกบอกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนโดนวางยาพิษไม่ใช่เหรอ?”
ก่อนหน้านี้หลิวเหม่ยหลันได้ยินจากปากของลูกสาวตัวเองว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเวินหงไห่วางยาพิษ ทำไมยังไม่ตายล่ะ?
ผ่านไปนานขนาดนี้ถึงได้ข่าว ทั้งยังมีความสุขดี ยังคลอดลูกแล้วหนึ่งคน?
เมื่อคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข เธอก็เลือดร้อนไปด้วยความโกรธ
ชีวิตตอนนี้ล้วนต้องขอบคุณผู้หญิงคนนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่กลายเป็นแบบนี้!
“หนูจะรู้ไหมว่าเธอจะเข้มแข็งขนาดนี้? อย่างกับแมลงสาบที่ตีไม่ตาย”
“คงไม่ใช่เวินหงไห่โกหกลูกหรอกใช่ไหม?”
“ไม่หรอก”
หล่อนเจียนีขมวดคิ้ว หลังจากเรื่องครั้งก่อน เวินหงไห่ก็หายตัวไป
คงไม่ใช่ จี้จิ่งเชินที่ทำเรื่องพวกนี้หรอกใช่ไหม?
เธอเกิดความกลัวขึ้นมาในใจทันที
แต่เมื่อดูรูปนั้นแล้วเธอก็โกรธขึ้นมาทันที
ทำไมตัวเองถึงตกอับถึงจุดนี้ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับได้ทุกอย่างไป?
ไม่ใช่แค่สามารถได้อยู่กินกับจี้จิ่งเชิน ยังรับช่วงมรดกทั้งหมดของตระกูลหล่อน ตอนนี้ยังมีลูกอีกหนึ่งคน
ช่างน่าชังจริงๆ!
“แล้วจะทำอย่างไร? หรือว่าจะพวกเขารังแกได้ตามใจ? ลูกดูมือคู่นี้ของแม่สิ ทั้งสกปรกทั้งเหนื่อย เคยทำมาหมดแล้ว แม่ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”
ที่จริงแล้วพ่อบ้านฉวีผิงเดิมได้จัดงานให้กับพวกเธอสองคน ใครจะรู้ว่าหล่อนเจียนีจะหนีหายไปทั้งวัน หลิวเหม่ยหลันคนเดียวทำงานของทั้งสองคน ย่อมทนไม่ไหวเป็นธรรมดา
ก่อนหน้านี้มีชีวิตที่ร่ำรวยทำให้หล่อนเจียนีหยิ่งผยองและเห็นแก่ตัว ออกไปมั่วสุมกับเพื่อนเกเรทุกวัน ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าแม่ของตัวเองนั้นเหนื่อยแค่ไหน
เมื่อเธอไม่มีเงินใช้จ่ายตามอำเภอใจ เพื่อนบางคนก็ทอดทิ้งเธอ นั่นทำให้เธอรู้สึกถึงความอับอายขายหน้า
หล่อนเจียนีแววตาปรากฏความชั่วร้าย ขยำรูปภาพในมือแน่นอีกครั้ง
“เธอไม่เมตตา ก็อย่าโทษฉันว่าไม่ยุติธรรม