“ตอนนี้สามารถประกาศผลของการแข่งขันได้แล้ว”
เมื่ออาจารย์สองสามท่านพูดเสร็จแล้ว พิธีกรก็พยักหน้าลง แล้วเดินขึ้นเวทีไป
ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น
“ท่านผู้ชมทุกท่าน! การแข่งขันครั้งนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นผู้ชนะ!”
เพิ่งจะเอ่ยพูดจบนั้น ทุกคนในนั้นก็เงียบกันทันที
และวินาทีต่อมา ทุกคนก็พากันคึกคักขึ้นมา!
“ชนะแล้ว! ชนะอีกแล้ว! ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วเชียว ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าในสถานการณ์ที่ดูเคร่งครัดแบบนี้ จะยังสามารถชนะได้ เก่งเกินไปแล้ว!”
“ก่อนหน้านี้ฉันก็รู้สึกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ธรรมดาเลย คิดไม่ถึงว่าแม้แต่อย่างอาจารย์ฟ่านนี่เธอก็สามารถจะเอาชนะได้ เป็นศิษย์ที่เก่งกว่าครูเสียอีกจริงๆนะ!”
“ยังดีนะที่ชนะแล้ว ถ้าหากการแข่งขันครั้งนี้แพ้ล่ะก็ ไม่รู้เลยว่าคนของประเทศAจะมองนักบูรพาวัตถุโบราณของเราอย่างไร”
คนกลุ่มหนึ่งเอ่ยพูดขึ้นกันด้วยความตื่นเต้น
ยังไม่ใช่เพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนเอาชนะอาจารย์ฟ่านได้เพียงเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นการแข่งขันเพื่อชิงชัยชนะกันระหว่างประเทศอีกด้วย
เพื่ออาจารย์ฟ่านที่ทรยศประเทศเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง สุดท้ายแล้วความพ่ายแพ้ก็อยู่ในมือของตัวเอง ผลแบบนี้ เพียงพอที่จะเป็นสัญญาณเตือนให้กับทุกคนได้
ทุกคนพากันเชิดหน้า ยืดอก มองไปยังผู้เข้าแข่งขันของประเทศอื่นๆ ล้วนแต่แสดงความภูมิใจออกมา
เห็นแล้วหรือยัง?
นี่คือผู้เข้าแข่งขันของประเทศพวกเราเอง!
เสียงปรบมือดังขึ้นด้วยความชื่นชมและยินดี ทุกคนล้วนแต่ยืนขึ้น เพื่อเป็นการปรบมือให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน และปรบมือให้ตัวเอง!
ความกระตือรือร้นของความตื่นเต้นและเลือดที่อยู่ในใจนั้น ทำให้ใบหน้าของพวกเขาแดงขึ้นมา ปรบมือกันตลอดเสียจนมือเริ่มแดง แต่ก็ไม่มีใครหยุดลงเลย
ทุกคนในนั้น และแม้แต่ผู้เข้าแข่งขันของประเทศอื่นๆที่มาดูการแข่งขันในครั้งนี้ ได้เห็นฉากนี้แล้ว ก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้
นอกจากคนของประเทศAแล้ว ท่ามกลางทุกคนที่อยู่ในงาน มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่พอใจกับบทสรุปนี้ ก็คือจางลัยยี่นั่นเอง
ได้ยินเสียงชื่นชมและเสียงปรบมือที่อยู่รอบๆแล้ว เขาโมโหมากเสียจนแทบจะบดฟันจนแหลกละเอียด ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความโมโห
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ทำไมเวินเที๋ยนเที๋ยนชนะอีกแล้ว?
อาจารย์ฟ่านนั่นทำยังไงกัน?
ไม่ใช่ว่าเป็นอาจารย์หรอกหรือ?
ไม่คิดเลยว่าแม้แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะเอาชนะไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขายังตั้งความคาดหวังกับเธอเอาไว้มาก รู้สึกว่าหลังจากการแข่งขันครั้งนี้ ก็จะไม่ต้องมากังวลเรื่องเวินเที๋ยนเที๋ยนอีก
คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะยังคงอยู่ต่อ
จางลัยยี่ขมวดคิ้วขึ้น นึกถึงข้อตกลงของตัวเองกับพวกนิวมั้นแล้วในใจก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวล
ถ้าหากไม่สามารถทำให้พวกนิวมั้นชนะครั้งนี้ได้ ตำแหน่งภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑ์ของประเทศก็จะอยู่ห่างเขาออกไปด้วย
ไม่ได้!
เขาจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้
มองดูคนที่กำลังยินดีกับผู้ชนะอยู่บนเวทีเวลานี้แล้ว จางลัยยี่กลับไม่ได้อยู่ต่อ เขากำหมัดแน่นแล้วหันหลังกลับออกไป
การแข่งขันเพิ่งจะสิ้นสุดลง นักข่าวและสื่อจำนวนไม่น้อยก็พากันเข้ามารุมล้อมเอาไว้
“คุณเวินคะ คุณเอาชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้อย่างไรคะ? ก่อนหน้านี้คุณเคยกังวลเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า?”
“คุณเอาชนะอาจารย์ฟ่านได้ ก็เท่ากับว่าเป็นการเอาชนะอาจารย์ของตัวเอง เป็นศิษย์ที่เก่งกว่าครู คุณมีเคล็ดลับอะไรคะ?”
“ตอนแข่งขันเมื่อครู่นี้ ฉันเห็นว่าคุณมองมาทางด้านล่างเวทีอยู่ตลอด คุณกำลังมองใครอยู่คะ?”
เดิมทีจี้หยู๋ชิงเดินด้วยขาสั้นๆมากำลังเตรียมจะไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยน
คิดไม่ถึงเลยว่าเดินไปได้เพียงครึ่งเดียว จู่ๆกลับถูกนักข่าวสองสามคนที่อยู่ทางด้านหลังเบียดออก
นักข่าวเหล่านั้นไม่ได้สังเกตถึงจี้หยู๋ชิงตัวเล็กๆที่อยู่ตรงพื้นนี้เลย จี้หยู๋ชิงเป็นเหมือนกับลูกบอลที่ถูกผลักออกมาจากกลุ่มคนเขาขมวดคิ้ว กำมือเล็กๆเอาไว้แน่น พุ่งเข้าไปอีกครั้งอย่างไม่ยอม
“แม่ฮะ!”
เขาตะโกนออกมา แต่กลับถูกเสียงของนักข่าวกลบไปหมด
อีกทั้งคนที่อยู่ตรงหน้านั้นถูกล้อมเอาไว้ด้านนอกและด้านในถึงสามชั้น แม้แต่ร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังมองไม่เห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะดึงตัวเธอมาได้
พยายามอยู่หลายครั้ง ก็ถูกคนผลักกลับออกมา
จี้หยู๋ชิงใบหน้าแดงด้วยความหงุดหงิด
“เราโง่หรือเปล่า?”
เวลานี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ในใจของจี้หยู๋ชิงนั้นรู้สึกไม่พอใจ กำลังเตรียมที่จะโต้แย้ง
จากนั้น มือใหญ่คู่หนึ่งกลับอุ้มเขาขึ้นมา
ระดับสายตาค่อยๆสูงขึ้น
จี้หยู๋ชิงเบิกตาโต
จี้จิ่งเชินที่อุ้มเขาอยู่นั้นสูงมาก เอาร่างของเขาไว้ตรงไหล่
ระดับสายตาเลยจากพวกนักข่าวไป และในที่สุดก็มองเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว
จี้หยู๋ชิงดีใจ
“แม่ฮะ!”
เขาโบกแขนด้วยความดีใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังมองนักข่าวตรงหน้าด้วยความลำบากใจ พอดีกับที่ตัวเองดูเหมือนจะได้ยินเสียงของจี้หยู๋ชิงเข้า
เมื่อได้ยินเสียงเรียกนี้ เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นไปมอง จากนั้นก็เห็นจี้หยู๋ชิงที่นั่งอยู่บนหัวไหล่ของจี้จิ่งเชิน
เธอรู้สึกวางใจขึ้นมาทันที แต่นักข่าวรอบๆนั้นถ้าหากไม่ได้คำตอบของตัวเอง ก็จะไม่ยอมให้เธอไปง่ายๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงทำได้เพียงต้องอดทนตอบคำถามเหล่านั้น
จี้หยู๋ชิงเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน
เวลานี้คิ้วของแม่ขมวดเข้าหากัน สีหน้าท่าทางจริงจังและตั้งใจ ตอบคำถามทุกคนอย่างมีระเบียบแบบแผน
จี้หยู๋ชิงมองด้วยแววตาที่เป็นประกาย
แม่เก่งจัง!
เขาโบกมือ จี้จิ่งเชินที่กำลังอุ้มเขาอยู่นั้นกลับขมวดคิ้วขึ้นมา พลางเอ่ย : “อย่าขยับไปทั่วสิ อยากจะล้มใช่ไหม?”
จี้หยู๋ชิงทำปากแบนๆแล้วถึงได้เคลื่อนไหวให้น้อยลง มองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยใบหน้าที่มีความเลื่อมใส
จี้จิ่งเชินยกตัวเขาอยู่พักหนึ่ง เดิมทีอยากจะให้เขาได้เห็นซักแวบนึงก็พอ แต่ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่ยอมลงมาแบบนี้
“ดูพอแล้วหรือยัง? ลงมาได้แล้ว!”
จี้หยู๋ชิงไม่ลงมา!
ถ้าหากลงไป ก็มองไม่เห็นแม่อีกน่ะสิ!
มือคู่นั้นของเขากอดศีรษะของจี้จิ่งเชินเอาไว้แน่น เหมือนกับตัวสลอธที่เกาะติดแน่นอยู่อย่างไรอย่างนั้น!
จี้จิ่งเชินกัดฟันด้วยความโมโห สีหน้าเคร่งขรึม
เด็กนี่ไม่ใช่ว่ากลัวความสูงหรอกหรือ?
ตอนนี้ทำไมไม่เป็นอะไรแล้ว?
“เราไม่กลัวความสูงแล้วหรือ?”
ความสนใจในเวลานี้ของจี้หยู่ชิงอยู่กับเวินเที๋ยนเที๋ยน ไม่ได้สังเกตว่าตัวเองกำลังอยู่บนที่สูงเลย
เมื่อได้ยินคำถามนี้ของจี้จิ่งเชินแล้ว ก็ก้มลงมามองด้วยจิตใต้สำนึก
เมื่อเห็นระยะห่างของตัวเองจากพื้นไกลขนาดนี้แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ดึงผมของจี้จิ่งเชินเอาไว้แน่น!
สูงจัง!
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วขึ้น
เจ้าเด็กนี่กำลังทำอะไรอยู่กัน!
“เรารีบลงมาเลย!” เขาออกคำสั่ง
แต่จี้หยู๋ชิงยิ่งรู้สึกกลัว ก็ยิ่งไม่กล้าขยับ เขากอดศีรษะของจี้จิ่งเชินเอาไว้แน่น เหมือนกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย
จี้จิ่งเชินรู้สึกถึงว่าผมของตัวเองนั้นแทบจะถูกเขาดึงลงมาอยู่แล้ว
“จี้! หยู๋! ชิง! พ่อให้เราลงมาเดี๋ยวนี้ไง!”
จี้หยู๋ชิงเองก็อยากจะลงมา แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาไม่กล้าขยับเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังตอบคำถามเกี่ยวกับความวิตกกังวลกับผลนี้ เมื่อเห็นสถานการณ์ของทั้งสองคนแล้วก็เดินฝ่าวงล้อมออกมา
เห็นจี้หยู๋ชิงเม้มปากแน่น สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย ทั้งๆที่รู้สึกกลัวมาก แต่กลับไม่ยอมแสดงอาการออกมา เพียงแค่จับผมของจี้จิ่งเชินเอาไว้แน่นแค่นั้น
ส่วนจี้จิ่งเชินก็ขมวดคิ้วขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปดูมืดสนิท แต่ก็ยังอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“ฉันเองดีกว่าค่ะ”
เธอยื่นมือออกไปทางจี้หยู๋ชิง
จี้หยู๋ชิงเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว ถึงได้วางใจขึ้นมาบ้างในที่สุด และพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเธออย่างระมัดระวัง
“โอ๋ ไม่กลัวแล้วนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนปลอบไปพลางแล้วตบหลังของจี้หยู๋ชิงเบาๆ
สีหน้าของจี้จิ่งเชินนั้นก็ยังคงดูแย่อยู่ยิ่งนัก